ดุสิตโพล สำรวจ ปชช.เชื่อเซ็ตซีโร่ กกต. เลื่อนเลือกตั้ง

          11 มิ.ย.60 - หลังจาก คณะกรรมาธิการวิสามัญ พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ มีมติ ให้กรรมการ กกต.ทั้ง 5 คนพ้นตำแหน่ง ทำให้เป็นการเซ็ตซีโร่ กกต. โดยให้ กกต.ทั้ง 5 คน ยังทำหน้าที่ต่อไปจนกว่าสรรหา กกต. ชุดใหม่ 7 คนเสร็จเรียบร้อยนั้น ส่งผลให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนานา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคุณสมบัติของกรรมการ , การเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง , อำนาจหน้าที่ และจำนวนกรรมการ จากเดิม 5 คน เพิ่มเป็น 7 คน โดยที่สำคัญเรื่องนี้ ถูกมองว่าอาจทำให้การเลือกตั้งถูกเลื่อนออกไป ดังนั้นเพื่อสะท้อนความคิดเห็นของประชาชน กรณีเซ็ตซีโร่ กกต.“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,265 คน ระหว่างวันที่ 6-9 มิ.ย. สรุปผล ได้ดังนี้   

        - ประชาชนคิดว่า “การเซ็ตซีโร่ กกต.” อาจจะทำให้การเลือกตั้งเลื่อนเวลาออกไป 43.64% เพราะต้องใช้เวลาในการสรรหาคัดเลือก ขณะที่คนใหม่ยังไม่มีประสบการณ์ในการทำงาน อาจทำให้กระทบต่อการจัดการเลือกตั้ง และเกิดความขัดแย้งจนทำให้ล่าช้า  , ขณะที่ 34.39% ไม่แน่ใจ เพราะอาจเป็นเพียงกระแสข่าวลือ ซึ่งรัฐบาลเป็นผู้กำหนดเงื่อนไขเวลา , ส่วน 21.97% คงจะไม่เลื่อนเวลาออกไป เพราะรัฐบาลทำงานยึดตามโรดแมป และเป็นคนละส่วนกันซึ่งการปรับที่ตัวบุคคลไม่น่าจะมีผลกระทบหรือทำให้เลื่อนการเลือกตั้งโดยน่าจะหาคนใหม่มาแทนได้ไม่ยาก 

      - ส่วนรัฐธรรมนูญใหม่ กำหนดให้ จำนวนกรรมการ กกต.เพิ่มจากเดิม 5 คน เป็น 7 คน โดยประชาชน 49.25% เห็นว่าแนวทางที่จะเปลี่ยนใหม่ทุกคนหรือเซ็ตซีโร่ ก็จะได้เริ่มใหม่ เพื่อความยุติธรรมเท่าเทียม และได้คัดเลือกผู้ที่มีความรู้ความสามารถ มีคุณสมบัติครบถ้วนเข้ามาทำงาน โดยอยากเห็นการทำงานที่มีแนวคิดใหม่ , โดย 41.82% เห็นด้วยกับแนวทางการเปลี่ยนบางคนเฉพาะคนที่คุณสมบัติไม่ครบถ้วนให้เป็นไปตามข้อบังคับป้องกันการถูกครหา เพราะบางคนยังมีคุณสมบัติครบถ้วนและมีประสบการณ์ในการทำงาน , ขณะที่ 5.93 % ไม่แน่ใจ และมีเพียง 3 % ที่เห็นว่าไม่เปลี่ยนเลยให้อยู่คงเดิมทุกคน เพราะคนเดิมทำงานดีอยู่แล้ว รู้และเข้าใจปัญหาเป็นอย่างดี ควรให้โอกาสในการทำงานต่อไป โดยกังวลว่าจะกระทบต่อการจัดการเลือกตั้งทำให้ล่าช้าออกไป 

     - ขณะที่ ประชาชนให้ความสำคัญกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มากน้อยเพียงใด ? ปรากฏว่า มี ประชาชนให้ความสำคัญมาก 42.77% เพราะเห็นว่าเป็นองค์กรอิสระที่มีความสำคัญต่อการจัดการเลือกตั้ง คอยควบคุมดูแลการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ยุติธรรมโปร่งใส ถ้าได้บุคคลที่ดีมีความรู้ความสามารถก็จะทำให้ประชาชนมั่นใจมากขึ้น  , โดย 35.42% ค่อนข้างให้ความสำคัญ เนื่องจากมีบทบาทสำคัญเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ซึ่งอยากได้ กกต.ที่เข้ามาด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรมและมีคุณสมบัติที่ถูกต้องเหมาะสม และ 17.39 % ไม่ค่อยให้ความสำคัญ เพราะที่ผ่านมา กกต.ก็มีปัญหาและมีข่าวไม่ค่อยดีออกมาให้เห็นอยู่บ้าง ไม่เป็นกลาง ความน่าเชื่อถือลดลงโดยอาจถูกอำนาจทางการเมืองแทรกแซง ขณะที่ 4.42% ไม่ให้ความสำคัญ เพราะการเมืองเป็นเรื่องของอำนาจและผลประโยชน์ เป็นเรื่องไกลตัว ยังไม่ถึงกำหนดการเลือกตั้ง