ข่าว

“สุเทพ”ยันไร้ใบสั่งยึดปชป.!!!

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

“สุเทพ”ยันไร้ใบสั่งยึดปชป.ถามสมาชิกมีเป็นล้าน  8 คนจะทำอะไรได้ เสียงเข็งหนุน“บิ๊กตู่”เป็นนายกฯต่อได้ ไม่ต้องง้อพรรคใหญ่เพราะประชาชนเชียร์

         1 มิ.ย.60 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย(มปท.) และอดีตเลขาธิการกปปส กล่าว ถึงกรณีที่แกนนำกปปส.เดินทางไปที่พรรคประชาธิปัตย์ว่า เป็นปรากฏการณ์ธรรมดาและคนที่ติดตามการกิจกรรมของมวลมหาประชาชนจะเข้าใจดี การเคลื่อนไหวของเรามีทุกชนชั้นหลายอาชีพมาต่อสู้เพื่อให้ชาติปลอดภัยและเมื่อเสร็จภารกิจก็กลับไปทำหน้าที่นัดการเมืองในพรรคการเมืองที่เขาสังกัด

          ส่วนที่มีการพูดว่านายสุเทพ ส่งคนไปยึดพรรค แกนนำกปปส.ที่เข้าไปที่พรรคจะมีการไปเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพรรคนายสุเทพ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์มีสมาชิกเป็นล้าน ๆ คน แต่กปปส.ที่ไปวันนั้นมีแค่ 8 คน จะไปเปลี่ยนอะไรได้ คิดว่าเขาไปก็ไปทำหน้าที่ของเขาในพรรคการเมือง เพียงแต่ว่าคนเหล่านี้อาจจะมีความคิดเหมือนมวลมหาประชาชน ที่ติดตัวไปคือมีความคิดที่จะปฏิรูปการเมือง ทำการเมืองเพื่อประชาชน ในอดีตการเมืองเป็นของนักการเมืองและกลุ่มผลประโยชน์ บ้านเมืองจึงมีปัญหา และตนบอกเลยว่า ตนไม่กลับพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนใครจะกลับไปที่พรรคประชาธิปัตย์ ก็เป็นสิทธิและเป็นเรื่องของเขา ตนจะไม่เข้าไปกำกับหรือแทรกแซง วุ่นวาย แต่ในขณะเดียวกัน ตนก็จะทำงานในฐานะประชาชน คือเรียกร้อง ผลักดันให้มีการปฏิรูปประเทศตามเจตนารมณ์ของประชาชน

        ต่อข้อถามว่า มีแกนนำกปปส.เข้าหารือหรือขอคำแนะนำ เรื่องการไปพรรคประชาธิปัตย์ในวันดังกล่าวหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่มีเพราะเราตกลงกันแล้วว่าเมื่อเสร็จสิ้นภารกิจในการต่อสู้ ต่างคนก็กลับไปที่ที่ตัวเองมามีหน้าที่ มีอาชีพอะไรก็กลับไป แต่ตนไม่กลับ

         เมื่อถามถึงกรณีที่แม้ว่านายสุเทพออกมาอยู่นอกพรรคแล้ว  หลายคนเชื่อว่ายังจะสามารถให้คำปรึกษาแนะนำได้นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ตนจะไม่ทำแล้ววันนี้ตนวางตัวเองว่าอยู่กับมวลมหาประชาชนแล้ว จะพูดจะคิด จะทำอะไรก็จะทำในฐานะประชาชนตนแสดงออกอย่างเปิดเผย อย่างที่ประกาศสนับสนุนให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.เพื่อทำการปฏิรูปประเทศไทย ตามเจตนารมณ์ของมวลมหาประชาชน ถ้ามีการเลือกตั้งทั่วไป ก็หวังให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯต่อไป ตนก็ตรงไปตรงมาอย่างนี้ กับพรรคประชาธิปัตย์จะมีความรู้สึกอย่างไร ก็คงไม่เกี่ยวกัน เพราะตนไม่ได้อยู่ที่พรรคประชาธิปัตย์แล้วเพราะมันมีบทบาทหน้าที่ตามสถานการณ์

          เมินการเมืองรูปแบบพรรค

          ต่อข้อถามที่ว่า ทำไม่ไม่เข้าไปอยู่ในการเมืองแล้วทำการปฏิรูปด้วยตัวเอง นายสุเทพ กล่าวว่า ตนคิดว่าวันนี้คนที่จะเป็นพลังในการปฏิรูปจริง ๆ คือประชาชน การที่มาอยู่นอกพรรคการเมืองและการมาร่วมทำงานกับประชาชน เราสามารถสร้างพลังให้ประเทศเดินหน้า ไปสู่การปฏิรูป ตามเจตนารมณ์ของประชาชนได้ คนที่อยู่ในพรรคการเมืองโดยธรรมชาติ เขาก็ต้องคิดถึงความอยู่รอดของพรรคการเมือง เราเป็นประชาชนเราก็ต้องคิดถึงความอยู่รอดของประเทศไทย คิดถึงอนาคตของลูกหลาน มากกว่าการให้ความสำคัญต่อพรรคการเมือง

            ส่วนที่อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์มากว่า 40 ปี ทำให้ไม่เชื่อว่าระบบที่เราเป็นมา จะเปลี่ยนแปลงประเทศได้ทันสถานการณ์ได้ใช่หรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ได้บอกว่าไม่เชื่อ ตนยังเชื่อในระบบประชาธิปไตย  ระบบพรรคการเมือง แต่เราต้องปฏิรูปการเมือง เพียงแต่ว่าเมื่อก่อนอยู่ในพรรค ก็คิดแบบคนในพรรค แต่เมื่อออกมาใช้ชีวิตร่วมเป็นร่วมตายกับมวลมหาประชาชน ก็ได้หลอมความคิดร่วมกับประชาชน คิดทำการเมืองภาคประชาชน แทนที่จะกังวลอยู่เฉพาะเรื่องผลประโยชน์ เรื่องความเป็นไปของพรรคการเมืองเราก็คิดเรื่องความอยู่รอดของประเทศ เราก็คิดว่าประชาชนจะได้อะไรจากพรรคการเมือง วิธีคิดเปลี่ยนไป

           ต่อข้อถามถึงกรณีที่ออกมาสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์  เป็นนายกฯต่อไป แต่มีหลายคนมองว่าไม่เหมาะสมในขณะนี้นั้นนายสุเทพกล่าวว่า เพราะเราเห็นว่า พล.ประยุทธ์ กล้าหาญ เป็นคนที่ประชาชนไว้ใจ จงรักภักดีต่อแผ่นดิน ซื่อสัตย์สุจริต เวลาที่บ้านเมืองวิกฤตท่านก็กล้าออกมารับผิดชอบบ้านเมือง วันนี้คนอาจจะมองอย่างหนึ่งแต่ควรมองย้อนกลับในปี 2557 ถ้าพล.อ.ประยุทธ์ไม่มีความกล้าที่จะออกมายึดอำนาจการปกครองมาเอาตัวเองเข้ามาแบกรับภาระประเทศ ก็ยังสงสัยว่าสถานการณ์บ้านเมืองอาจจะเลวร้ายกว่านี้ เรื่องความกล้ากายความเด็ดเดี่ยวในการตัดสินใจไว้ใจได้

             “แต่จากการติดตามดู 3 ปีที่ท่านทำงานมา ถือว่าทำงานได้ดีมีผลงานหลายอย่างที่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง อาจจะทำไม่ได้ และจากการติดตามดูความคิดอ่านของพล.อ.ประยุทธ์ หลายเรื่อง ตรงกับใจประชาชน อย่างเช่น เมื่อเร็ว ๆ นี้มีคณะกรรมการฯชุดหนึ่งเสนอ เอาสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปขึ้นกับกระทรวงยุติธรรม แล้วบอกนั่นคือการปฏิรูปตำรวจ แต่พล.อ.ประยุทธ์ บอกไม่ใช่  ถูกใจมาก เพราะถ้าจะปฏิรูปตำรวจต้องเพื่อประชาชน คิดว่าต้องมีการเปลี่ยนแปลงให้เอาตำรวจไปขึ้นกับจังหวัดตรงนี้ตรงใจเป๊ะเลย ที่ผ่านมาตนเคยบอกว่า ตนเหมือนเป็นร่างทรงของประชาชน  ตนพูดตามสิ่งที่ประชาชนคิดแต่ประชาชนที่เขาไม่มีโอกาสพูด เมื่อตนมีโอกาสก็พูดแทน และเสียงประชาชนก็สนับสนุนให้พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ แม้จะมีการเลือกตั้งทั่วไปแล้ว ในช่วงเปลี่ยนผ่านก็เพื่อให้ประเทศอยู่รอดปลอดภัย” นายสุเทพกล่าว 

           ไม่สนแนวคิดสวนปชป.เพราะพูดในฐานะปชช.

           ต่อข้อถามที่ว่า แนวคิดดังกล่าวจะสวนทางกับความเห็นของพรรคประชาธิปัตย์หรือ นายสุเทพกล่าวว่าเราอยู่คนละสถานะ  นักการเมืองในพรรคก็อยู่ในฐานะนักการเมือง พวกตนก็อยู่ในฐานะประชาชนสิ่งที่พูดไม่ได้มีพิษมีภัยกับพรรคไหนคนที่จะยกมือให้พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯได้คือบรรดานักการเมืองและส.ส.ที่ชนะการเลือกตั้ง สิ่งที่เราพูด เพราะต้องการสะท้อนให้นักการเมือง เห็นว่าประชาชนคิดอะไร

            ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้เข้าสู่โหมดเลือกตั้ง แต่โรดแมปของคสช.ก็เลื่อนออกไปเรื่อย ๆ อะไรคือสัญญาณของการเลือกตั้ง นายสุเทพ กล่าวว่า สัญญาณ อันแรกคือการประกาศใช้รัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 6 เม.ย. ที่ผ่านมา ร่างพ.ร.บ.กฏหมายประกอบรัฐธรรมนูญก็กำลังร่างและหลายอย่างก็อยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งกฎหมายพรรคการเมือง กฎหมายกกต. คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญเขาก็ร่างเสร็จแล้ว  ไม่เห็นมีใครถ่วงเวลา ขอร้องว่า อย่าสร้างกระแสหรือมาปั่นข่าวว่า มีเจตนาเลื่อนการเลือกตั้ง เชื่อมั่นว่าทุกอย่างเป็นไปตามโรดแมป ยกเว้นว่ามีอะไรขึ้นอย่างเช่นการมีระเบิดก็เป็นอีกเรื่อง เพราะถ้าบ้านเมืองไม่สงบก็จัดการเลือกตั้งไม่ได้ เพราะถ้ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งแล้วมาเจอเรื่องแบบนี้แย่แน่นอน

          นายสุเทพ  กล่าวอีกว่า การที่มีคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่า อาจจะมีการเลื่อนการเลือกตั้งออกไป และตั้งใจจะยื้อและครองอำนาจ ต่อไปนั้น เป็นการไม่ให้ความยุติธรรมกับพล.อ.ประยุทธ์ ตนพูดแบบนี้ยืนยันได้เลยว่าไม่มีผลประโยชน์ได้เสียอะไรด้วย ที่พูดอย่างนี้เราพูดด้วยหัวใจเพราะต้องการเห็นบ้านเมืองเดินหน้าและเราไว้วางใจพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เราสามารถมอบความไว้วางใจได้

          ส่วนถ้าพล.อ.ประยุทธ์ มาเป็นนายกฯโดยไม่มีพรรคการเมืองใหญ่สนับสนุน ต้องอาศัยเสียงจากพรรคเล็กพรรคน้อยจะสามารถบริหารประเทศได้อย่างไร นายสุเทพกล่าวว่า ในรัฐธรรมนูญมีบทเฉพาะกาลที่จะให้วุฒิสมาชิกลงคะแนนเสียงเลือกนายกฯได้ พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นนายกฯได้ต้องมีเสียงสนับสนุนไม่น้อยบกว่า 251 เสียง และที่พูดทั้งหมด ก็เพื่อบอกบรรดานักการเมืองว่า ประชาชนสนับสนุนอยากให้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ และพล.อ.ประยุทธ์ ไม่จำเป็นต้องตั้งพรรคการเมืองก็ได้หากมีนักการเมืองและวุฒิสมาชิกสนับสนุนแต่พล.อ.ประยุทธ์ จะตั้งพรรคการเมืองก็ได้ หรือใครจะตั้งพรรคการเมืองแล้วประกาศสนับสนุนพล.องประยุทธ์ก็ได้

         ต่อข้อถามที่ว่า ทำไมมั่นใจว่า พรรคร่วมจะสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ นายสุเทพ กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนเคยเป็นผู้จัดการรัฐบาลรวบรวมเสียงการจัดตั้งรัฐบาลมาจากหลายพรรค เคยอยู่ในรัฐบาลผสมที่ทำงานร่วมกันได้ คิดว่า วันนี้เชื่อว่า นักการเมืองน่าจะตระหนักว่า ประชาชนตื่นตัวเป็นห่วงบ้านเมืองเขาจับตามอง คิดว่านักการเมืองคิดถึงประชาชน เคารพประชาชนก็ควรที่จะปรับปรุงตัวเอง ให้สอดคล้องเสียงของประชาชน

                  

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ