ข่าว

ดารา-เครือข่ายภาคประชาชน วอนสนช.คลอดกฎหมายโค้ดมิลค์

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ดารา-เครือข่ายภาคประชาชน วอนสนช.คลอดกฎหมายโค้ดมิลค์ ห้ามโฆษณานมเด็ก คาดเข้าวาระ 3 ปลายเดือนมี.ค. หวังหนุนคุณแม่ไทยให้นมลูก ป้องเด็กตกเป็นเหยื่อธุรกิจนมผง

           น.ส. ศศิธร วัฒนกุล หรือลอร่า ดารา-พิธีกรชื่อดัง ในฐานะสมาชิกครือข่ายครอบครัวนมแม่  กล่าวถึงกรณีที่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ได้พิจาณาร่างพ.ร.บ.ควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก พ.ศ.....ในชั้นกรรมาธิการเสร็จเรียบร้อยแล้ว และนำจะเข้าสู่การพิจารณาในวาระ3 ภายในสิ้นเดือนมี.ค. นี้ว่า ในฐานนะที่เลี้ยงลูกด้วยนมแม่มาจนครบ 3 ปี ขอยืนยันว่า นมแม่เป็นอาหารที่วิเศษที่สุด ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน สร้างพัฒนาการที่ดีให้ลูก ดังนั้นต้องมองให้ออกว่า เด็กช่วงวัย1-3 ขวบต้องการอาหารประเภทไหน การที่บอกว่านมแม่กินได้แค่ 1ปี หลังจากนั้นนมแม่จะหมดประโยชน์หรือไม่เหมาะสมกับเด็ก ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะหลัง 1 ปี เด็กกินอาหารตามวัยเป็นหลัก และกินนมเป็นอาหารเสริม ดังนั้นสารอาหารจากนมแม่ก็ถูกปรับให้เหมาะสมกับเด็กในช่วงวัยนี้ อย่างไรก็ตาม ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองต้องปกป้องคุณแม่มือใหม่ ต้องช่วยคนกลุ่มนี้ เด็กแรกเกิด1-3 ขวบ ทุกช่วงวัยสำคัญไม่แพ้กัน เขาค่อนข้างต้องการความปลอดภัย ต้องการความชัดเจน เขาไม่ต้องการอะไรที่มันเป็นสื่อสีเทา มีสิ่งซ้อนเร้นแอบแฝง เชื่อมโยงกับนมผง หรือสร้างความจงรักภักดีกับยี่ห้อนมผง

              “อย่าลืมว่าธุรกิจนมผงมีการตลาดแอบแฝง มีเทคนิคการขายสารพัดรูปแบบ ซึ่งร่างพ.ร.บ.นี้ไม่ได้สุดโต่ง แต่เพื่อช่วยปกป้องคุ้มครองแม่และเด็กที่จำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์นมผงจากการส่งเสริมการตลาดที่ขาดจริยธรรม ซึ่งเขาไม่ได้ห้ามขาย แต่ขอแค่ว่าคุณห้ามโฆษณาส่งเสริมการตลาดนมผง หรือควรโฆษณาให้เป็นไปอย่างเฉพาะด้าน กฎหมายนี้มีปัญหาเฉพาะกับคนที่เสียผลประโยชน์เท่านั้น จึงขอฝากความหวังไว้กับสนช.ให้กล้าหาญ เข้มแข็ง เห็นแก่เด็กๆและคุณแม่มือใหม่ ทำให้สังคมไทยเป็นสังคมนมแม่เป็นตัวอย่างให้กับนานาประเทศ โดยดึงให้ภาคธุรกิจอยู่ถูกที่ถูกทาง ถูกเวลา ธุรกิจนมผงต้องทำตามกรอบกติกาที่ถูกต้อง” นางสาวศศิธร กล่าว

        นายอุดม เสถียรภาพงษ์ แกนนำเครือข่ายองค์กรสุขภาวะอย่างยั่งยืน กล่าวว่า ร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้จำเป็นต้องออกมาคุ้มครองเด็กๆ ซึ่งไม่ได้ปกป้องเฉพาะการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เท่านั้น แต่เป็นการคุ้มครองแม่ให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่เกินจริง และได้จากบุคลากรทางการแพทย์ที่น่าเชื่อถือ ซึ่งจำเป็นต้องควบคุมโฆษณาและการส่งเสริมการตลาดของนมผสม ดังนั้นแม่ที่จำเป็นก็ยังหาซื้อได้ แต่ต้องมีข้อมูล องค์ความรู้ที่แม่ทั้งหลายควรรู้ เนื่องจาก30-40ปีที่ผ่านมา เราถูกบริษัทนมผงทำให้เกิดความเข้าใจผิด ใช้คนที่มีอิทธิพลทางความคิดเป็นเครื่องมือ เช่น บุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล ชักจูงใจแม่ให้คล้อยตาม เปลี่ยนความคิดให้เห็นว่านมผงเป็นนมที่ดีกว่านมแม่ บริษัทนมผงขายได้แต่ต้องไม่เชียร์ ไม่บิดเบือน ไม่โอ้อวด ไม่เกิดจริง ไม่ปิดกั้น ต้องมีข้อมูลที่ถูกต้อง ต้องไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง ดังนั้น สนช.ต้องกล้าหาญเดินหน้าร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ เพื่อสะกัดกั้นเด็กไทยตกเป็นเหยื่อนมผง

         น.ส.อัปสร กฤษณะสมิต ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า มีงานวิจัยจากบุคลากรทางการแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญ ทั้งในและต่างประเทศ ว่าการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ไม่มีอะไรมาทดแทนได้ สอดคล้องกับพ.ร.บ.ฉบับนี้จะแยกให้เห็นอย่างชัดเจนว่าทำไมเด็กควรได้รับนมแม่ ความสำคัญในการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ และจะไม่เอาความเชื่อผิดๆมาใส่หัวคุณแม่ และเพื่อไม่ให้สังคมไทยเกิดความเข้าใจผิดอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลและสนช.เห็นคุณค่าของพ.ร.บ.ฉบับนี้ก็ต้องผ่านร่างและนำไปสู่การบังคับใช้โดยเร็ว นี่เป็นโอกาสและของขวัญอันมีค่ายิ่งต่อคนไทยทั้งประเทศ ทั้งนี้ขอฝากถึงธุรกิจนมผง ให้มีจิตสำนึก คำนึงถึงผู้บริโภค เสียสละไม่ใช่กอบโกยจนเกินเหตุ ควรให้ความรู้ที่แท้จริง สร้างศรัทธากลับมา ให้คนรวยคนจนอยู่ร่วมกันได้

           สำหรับสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ คือ กำหนดดบทนิยามของคำว่า “ทารก” คือ เด็กตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 12 เดือน “เด็กเล็ก” คือ เด็กอายุเกิน 12 เดือนจนถึง 3 ขวบ รวมทั้งการกำหนดคำนิยามของอาหารสำหรับทารกและเด็กเล็ก และในส่วนของการควบคุมการส่งเสริมการตลาด จะระบุถึงเรื่องของการห้ามการโฆษณา ห้ามส่งเสริมการตลาด การห้ามจัดหรือให้การสนับสนุนการจัดประชุม จัดอบรม การสัมมนาทางวิชาการ รวมทั้งระบุห้ามในกรณีของการบริจาคอาหารทารกและเด็กเล็ก และมีการกำหนดโทษ เช่น จำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 3 แสนบาท หรือทั้งจำและปรับ และปรับอีกไม่เกินวันละ 1 แสนบาท ตลอดเวลาที่ยังไม่ปฏิบัติให้ถูกต้อง เป็นต้น

///////////////////////

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ