ข่าว

แจงยิบแก้"ก.ม.อัยการ"ลดอายุราชการ เหลือ 65 ปี 

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

“ รองโฆษก-รองเลขาฯ อสส.”แจงยิบ หลัก-เหตุผลเสนอแก้กฎหมายอัยการ ลดอายุราชการ 70 เหลือ 65 ปี–ห้าม อัยการอาวุโส นั่ง ก.อ.ย้ายข้าราชการอัยการ ไม่หวั่นเสียงค้าน

 

         23 มี.ค. 60 - ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.แจ้งวัฒนะ นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด และนางเด่นเดือน กลั่นสอน รองเลขานุการอัยการสูงสุด ร่วมกันแถลงข่าวกรณีที่มีข้าราชการอัยการบางส่วน แสดงจุดยืนคัดค้านการเสนอ ร่าง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ ( ฉบับที่...) พ.ศ...ของสำนักงานอัยการสูงสุด ประเด็นกำหนดลดอายุการดำรงตำแหน่งจาก 70 ปี เป็น 65 ปี และประเด็นไม่ให้อัยการอาวุโสรับเลือกเป็น คณะกรรมการอัยการ( ก.อ.) ผู้ทรงคุณวุฒิ

         โดยนายประยุทธ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า ยังมีข้อเท็จจริงที่คลาดเคลื่อน ดังนั้นเพื่อความชัดเจนขอชี้แจงว่า หลักการและเหตุผลในการเสนอร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว สำนักงานอัยการสูงสุด เห็นว่า หลักการพ้นจากตำแหน่งบริหารของอัยการ เป็นหลักการเดียวกันกับศาลยุติธรรม ซึ่งทั้งสองหน่วยงานจะมีมาตรฐานของบุคคลากรเช่นเดียวและเคียงคู่กันมายาวนาน ซึ่งคุณสมบัติการเข้าสู่ตำแหน่งของอัยการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวุฒิการศึกษา ประสบการณ์การกำหนดอายุ ได้กำหนดเหมือนกันผู้ที่จะสอบเป็นผู้ช่วยผู้พิพากษา และการเสนอหลักการนั้น ยังสอดคล้องกับนโยบายสำนักงานอัยการสูงสุด ในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ดีขึ้น และผลประโยชน์จะตกแก่ประชาชนยิ่งกว่ากฎหมายที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งก็อาจมีผลทำให้ข้าราชการส่วนหนึ่งที่เห็นว่าตนเองจะต้องพ้นจากตำแหน่งผู้บริหารเร็วขึ้นเพราะปัจจุบันกฎหมายกำหนดให้อัยการดำรงตำแหน่งได้ถึงอายุ 70 ปี แต่เมื่อพิจารณาถึงข้าราชการประเภทอื่นซึ่งเกษียณอายุราชการ 60 ปีแล้วการเสนอแก้ไขให้อัยการพ้นจากตำแหน่งบริหาร 65 ปี จึงสอดคล้องกับหลักการดำรงตำแหน่งบริหารของข้าราชการทั่วไป

         ส่วนประเด็นที่ห้าม อัยการอาวุโส รับเลือกเป็นก.อ. นั้น ก็เป็นการกำหนดให้เป็นแนวทางเดียวกับศาลยุติธรรมเช่นเดียวกัน ซึ่งศาลยุติธรรมได้มีการกำหนดหลักการนี้ไว้ตั้งแต่ปี 2542 แล้ว และเหตุสำคัญที่กำหนดไม่ให้อัยการอาวุโส เป็น ก.อ. นั้น เนื่องจากว่าตำแหน่งอัยการอาวุโสเดิมก็ไม่ใช่ตำแหน่งบริหาร แต่การปฏิบัติหน้าที่ของ ก.อ.นั้น ถือว่าเป็นตำแหน่งบริหารเพราะมีอำนาจแต่งตั้งโยกย้าย และลงโทษข้าราชการอัยการได้ ดังนั้นการให้อัยการอาวุโส มาดำรงตำแหน่ง ก.อ.ผู้ทรงคุณวุฒิ จึงไม่ถูกต้อง

         “ การมีความเห็นต่างกระทำได้ ซึ่งอัยการสูงสุดเห็นด้วยว่าถ้ามีการเสนอไปถึง กมธ.และ สนช. ก็เป็นส่วนหนึ่งที่จะนำไปพิจารณา แต่อย่างชี้แจงกรณีที่อ้างว่าไม่มีการสอบถามความเห็นบุคลากรในหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือไม่นำเข้าสู่ ก.อ.นั้น ไม่มีกฎหมายให้กระทำเช่นนั้น แต่ก่อนการเสนอร่างผู้บริหารสำนักงานอัยการสูงสุดโดยอัยการสูงสุด รองอัยการสูงสุด ร่วมกันพิจารณาอย่างละเอียด รอบคอบ ถี่ถ้วนทุกมิติแล้ว สำคัญอย่างยิ่งร่างนี้ เสนอผ่าน ครม.ที่ให้ความเห็นชอบแล้ว รวมทั้งผ่านคณะกรรมการกฤษฎีกา ทุกขั้นตอนล้วนตรวจสอบความถูกต้องและชอบด้วยกฎหมายทั้งหมด ”  รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวย้ำ

         นายประยุทธ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวถึงกรณีที่อัยการผู้ยื่นเรื่องคัดค้านอ้างถึงการฟ้องคดีอาญา ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ ม.157 ว่า การเสนอร่างกฎหมายของสำนักงานอัยการสูงสุด คณะผู้บริหารที่ประกอบด้วยอัยการสูงสุด รองอัยการสูงสุด ตระหนักถึงความชอบด้วยกฎหมายเป็นประเด็นแรก ส่วนที่อ้างไม่ได้ถามความเห็นบุคลากรนั้นขอย้ำว่าไม่มีกฎหมายบัญญัติทำเช่นนั้น ถ้าจะมีก็มีในร่างรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 77 ที่ยังไม่มีผลบังคับใช้ ขณะที่การเสนอร่างคำนึงถึงความชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้นก็ไม่มีประเด็นต้องกังวล

         ขณะที่นายประยุทธ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด พยายามชี้แจงถึงเกณฑ์อายุโดยเฉลี่ยการดำรงตำแหน่งของอัยการว่า เกณฑ์ทั่วไปสามารถจะสอบเป็นอัยการได้ตั้งแต่อายุ 25 ปี ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วผู้ที่เข้ามาปฏิบัติเป็นอัยการเริ่มประมาณ 28- 30 ปี และเข้าสู่ตำแหน่งระดับบริหาร อัยการจังหวัด ประมาณอายุ 50 ปี , อัยการพิเศษฝ่าย อายุ 60 ปี , ระดับรองอธิบดีอัยการ และอธิบดีอัยการ ประมาณ 62 ปี ขณะที่อัยการสูงสุดคนปัจจุบันก็ดำรงตำแหน่งเมื่ออายุ 63 ปี  

         ทั้งนี้ นางเด่นเดือน กลั่นสอน รองเลขานุการอัยการสูงสุด กล่าวเสริมว่า ในการเสนอแก้ไขร่างกฎหมายนี้ ได้ตระหนักถึงภารกิจและหน้าที่ของสำนักงานอัยการสูงสุด ใน 2 ประเด็น คือ เดิมที่กำหนดให้มีอัยการอาวุโสนั้นเพราะเดิมขาดอัตรากำลังซึ่งประเด็นนี้มาตั้งแต่ ปี 2540 เราถึงมี พ.ร.บ.หลักเกณฑ์การแต่งตั้งอัยการให้ดำรงตำแหน่งอัยการอาวุโสซึ่งเราก็ยึดโยงกับศาลที่มีเช่นกัน โดยคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งและพ้นจากตำแหน่งก็มาตรฐานเดียวกัน ต่อมาปี 2550 ที่มีรัฐธรรมนูญฯ ใหม่ ก็กำหนดให้พ้นจากราชการอายุ 70 ปี ดังนั้นเดิมการกำหนดอายุ 70 ปีจึงเป็นไปตามรัฐธรรมนูญฯ ขณะที่เมื่อจะมีการยกร่างรัฐธรรมนูญฯ ปี 2557 สำนักงานอัยการสูงสุด ก็มีแบบสอบถามเกี่ยวกับความเป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญฯ ก็มีข้าราชการจำนวนหนึ่งเสนอมาขอให้แก้ไขเรื่องอายุการดำรงตำแหน่งทางบริหารของอัยการว่าให้อยู่ที่ 65 ปี โดยครั้งนั้นก็เป็นการส่งประเด็นที่ข้าราชการอัยการเรียกร้องเข้ามา

          “ ที่ว่าตั้งแต่ในปี 2553 เป็นต้นมาอัยการขึ้นสู้ตำแหน่งได้ช้าเฉพาะกรณีที่มีผู้ร้องเรียนแต่จริงแล้วก็ช้าทั้งระบบ แต่การตรากฎหมายครั้งนี้เป็นการคืนสิทธิที่ท่านช้าไป ให้คืนทั้งระบบทุกท่าน การจะคำนึงถึงการเสียสิทธิต้องคำนึงเป็นภาพรวม ไม่ใช่เป็นปัจเจก เพราะกฎหมายต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ประชาชนเป็นสำคัญและคำนึงถึงขวัญและกำลังใจของผู้ปฏิบัติในภาพรวมด้วย ” นางเด่นเดือน กล่าวและว่าที่บางส่วนมองว่าจะเสียสิทธิการขึ้นดำรงตำแหน่งผู้บริหารไป 1 ปี แต่ 1 ปีนั้นท่านยังสามารถปฏิบัติหน้าที่เป็นอัยการอาวุโสให้รุ่นน้องได้ต่อไป ซึ่งจะสอดคล้องกับเจตนารมณ์การที่ให้มีอัยการอาวุโสที่ปฏิบัติหน้าที่เพื่อประชาชนถึงอายุ 70 ปีที่แตกต่างข้าราชการอื่น เราก็ควรใช้เวลาที่มีในการดำรงตำแหน่งอาวุโสนั้นในทางเป็นประโยชน์กับประชาชนมากที่สุด จากการถ่ายทอดองค์ความรู้การดำเนินคดี ซึ่งงานอัยการเป็นงานทางเทคนิคที่ต้องใช้ประสบการณ์ดูรูปคดี

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ