ข่าว

"นายกฯ"ปลุกขรก.เปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัล

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

“บิ๊กตู่”ลงนามข้อตกลงพัฒนาทักษะดิจิทัลบุคลากรภาครัฐ รองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกชี้เทคโนโลยีเป็นกลไลหลักขับเคลื่อนสังคม ลั่นอีก 5 ปีเดินหน้าสู่รัฐบาลดิจิตัล

      8  มี.ค. -- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัล สำหรับข้าราชการ และบุคคลากรภาครัฐ พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษ "รัฐบาลดิจิทัลกุญแจสู่ประเทศไทย 4.0 และแถลงวิสัยทัศน์รัฐบาลดิจิทัลประเทศไทย โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า เราต้องร่วมมือกันทำให้ประเทศก้าวหน้าไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เพราะโลกปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา หรือที่เรียกว่าพลวัตร ประเทศไทยต้องเดินหน้าตลอดเวลา ไม่เช่นนั้นก็จะหยุดอยู่กับที่ อยู่กับเรื่องเก่า ๆ เดิม ๆ  ต้องร่วมมือกันทำเพื่ออนาคต แม้ต้องใช้เวลาอีกนานพอสมควรที่จะให้ทุกอย่างสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ถ้าเราร่วมมือกันทำด้วยแผนงานที่รัดกุมครอบคลุมเป้าหมายตามที่ประชาชนต้องการ ทุกอย่างก็จะรวดเร็วขึ้น ซึ่งทุกวันนี้เทคโนโลยีดิจิทัล เป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนสังคม เพราะคนยุคใหม่ตื่นขึ้นมาก็เริ่มต้นด้วยดิจิทัล และเทคโนโลยีทั้งหมด ตั้งแต่ก่อนแปรงฟันก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู

         พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวยอมรับว่า ตนเองกังวล และคิดมาตลอดว่าจะใช้ประโยชน์กับสิ่งเหล่านี้ได้อย่างไร จึงได้มอบนโยบายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคม ดำเนินการทุกวันนี้การสื่อสารด้วยเทคโนโลยีมีบทบาทสำคัญโดยเกี่ยวข้องกับทุกภาคส่วนทั้งเกษตรกร อุตสาหกรรมท่องเที่ยว การศึกษา การแพทย์ การลงทุน และการป้องกันภัยพิบัติ ฯลฯหน่วยงานภาครัฐจึงต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อทำงานให้เกิดความสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพซึ่งเป็นการยกระดับการทำงานของภาครัฐในการให้บริการกับประชาชนการบริหารงานได้สะดวกรวดเร็ว และร่นระยะเวลา

          นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลนี้ได้ประกาศไว้แล้วว่าเราจะเดินหน้าอีก 5 ปีให้เป็นรัฐบาลดิจิทัล แต่ต้องเข้าใจว่าการทำอะไรต่าง ๆ ไม่สามารถทำได้ในระยะเวลาอันสั้นการแก้ไขปัญหาเพื่อให้เกิดความยั่งยืนต้องใช้เวลา ที่ผ่านมาระหว่างปี 2557-2559 รัฐบาลได้เก็บทุกปัญหาจัดกลุ่ม วิธีการแก้ไขปัญหากำหนดกลุ่มเป้าหมาย วางโรดแมปในการทำงานทุกด้าน โดยยืนยันว่าการพัฒนาต่าง ๆ เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ไม่เช่นนั้นจะมีคนออกมากล่าวหาว่าเรื่องนี้ยังไม่ทันเริ่ม เรื่องทุจริตก็ยังมี ซึ่งเป็นคนละเรื่องกัน ขอร้องว่าอย่าเอาปัญหามาปนกัน  ทั้งนี้การทำงานของข้าราชการด้านฟังก์ชั่นก็ต้องทำอยู่แล้วแต่ไม่ต้องเน้นมากจนเกินไปควรเน้นการบูรณาการการทำงานที่เชื่อมโยงกันหลายกระทรวง สิ่งสำคัญที่เป็นห่วงคือต้องไปตรวจสอบความพร้อมทั้งอุปกรณ์ และบุคลากรว่าสามารถเชื่อมโยงกันได้หรือไม่ 

          "เรื่องนี้ยังแก้ไม่ได้ คนไทยยังคิดแบบนี้อยู่ผมก็กังวลกับเรื่องเหล่านี้ ไม่ว่ารัฐบาลจะทำอะไรก็ยังมีปัญหาเรื่องของความเข้าใจและประชาชนต้องเห็นประโยชน์ถึงการดำเนินการของรัฐบาล ถ้ามองไม่เห็นประโยชน์ก็จะขัดแย้งเรื่อยไป สิ่งที่รัฐบาลทำทุกวันนี้ก็เพื่อประชาชน ไม่ใช่เพื่อตัวเอง ปัญหาวันนี้ต้องถามว่าคนไทยยังแบ่งออกเป็นกี่กลุ่ม กี่ฝ่าย ซึ่งถือเป็นประเด็นสำคัญ เป็นความยากง่ายในการทำงาน เรายังไม่สามารถทำให้มีพื้นฐานทางความคิด และความรู้ ที่เท่าเทียมกันได้ การบูรณาการจึงเป็นสิ่งสำคัญเราต้องทำงานให้ตรงกับความต้องการของประชาชนที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ทั้งความคิด และปัจจัยภายใน และภายนอก การที่บอกว่าจะให้เกิดผลสำเร็จภายใน 5 ปีเดี๋ยวก็โดนดูถูกอีกว่าทำได้จริงหรือเปล่าวันนี้ถ้าความขัดแย้งยังสูงอยู่มีเรื่องต่าง ๆ เข้ามาประชาชนก็ไม่สนใจสิ่งที่รัฐบาลทำ ทุกอย่างก็ไปไม่ได้ โดยเฉพาะความไว้เนื้อเชื่อใจก็จะไม่เกิดขึ้น การค้าการลงทุนก็จะมีปัญหา
สิ่งสำคัญคือการมีเสถียรภาพของบ้านเมือง ที่ผมต้องการเน้นคือการบูรณาการไม่ใช่แค่การประสานงาน การประชุม"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

          ปลุกขรก. ลุกขึ้นนำการเปลี่ยนแปลง สู่รัฐบาลดิจิทัล ถ่อมตัวไม่บังอาจบอกว่ารู้มากกว่ากว่าใคร เกิดยุค เบบี้บูมเมอร์ แค่ใช้-รู้-พูดเข้าใจก็เก่งแล้ว แนะปชช.เรียนรู้   

          พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าความมีเสถียรภาพของบ้านเมืองเราจะทำให้เราสามารถทำงานได้ด้วยความรวดเร็ว  สิ่งสำคัญคือการบูรณาการ ไม่ใช่การประสานงาน ไม่ใช่การประชุม หรือการสอบถามหนังสือ ปี 60 ถือเป็นการปฏิรูปการทำงาน ฉะนั้นทุกอย่างต้องจบตั้งแต่ขั้นต้นมาแล้ว เมื่อขึ้นมาถึงรัฐบาลจะต้องสามารถตอบคำถามครม. ได้ แต่ไม่ใช่ให้ครม.ต้องมาตัดสินใจ จะต้องมีการแก้ในสิ่งที่เป็นปัญหามาก่อนโดยครม. หรือรัฐบาลจะพิจารณาในเรื่องความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณและลำดับความเร่งด่วนตามโรดแม็พของรัฐบาล และรัฐบาลไม่สามารถจะปฏิเสธความรับผิดชอบต่อการทำงานของส่วนราชการได้เพราะรัฐบาลมีหน้าที่กำกับดูแลและนี่คือธรรมมาภิบาลที่รัฐบาลต่อไปต้องมีด้วย ตรงนี้จะต้องทำให้เกิดขึ้นโดยข้าราชการ

            "วันนี้คนมักจะมองว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเมื่อไหร่จะสำเร็จ เมื่อไหร่มาตรา 44 จะใช้ได้ มันทำให้ผมปวดฟันปวดหัว มาตรา 44 จะใช้ได้อยู่ที่ผู้ปฏิบัติกับผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์จะร่วมมือแก้ปัญหาอย่างไร"

             นายกฯ กล่าว และว่าเราจะสามารถขับเคลื่อนรัฐบาลไปสู่รัฐบาลดิจิทัลด้วยการบูรณาการ ซึ่งวันนี้มียุทธศาสตร์ชาติ ขณะที่กระทรวงก็ต้องมียุทธศาสตร์กระทรวงโดยยุทธศาสตร์ใหญ่คือความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนการจะคิดอะไรก็ตามต้องเริ่มจากวิสัยทัศน์ มองความต้องการของประเทศใน 5 ปี 10 ปีข้างหน้า อาจขับเคลื่อนไปสู่จุดนั้นได้ ทั้งคน แผนการ งบประมาณ เพื่อไปสู่ผลสัมฤทธิ์ของรัฐบาลดิจิทัลภายใน 5 ปี 

           ทั้งนี้การทำงานต้องลดความขัดแย้งด้วย ไม่เช่นนั้นคิดอะไรออกมาก็เดินไม่ได้ รัฐบาลต้องมาแก้ตามหลังทุกทีส่งผลให้การพัฒนาประเทศติดขัด ซึ่งยืนยันว่าวันนี้รัฐบาลทำอย่างเต็มที่ นายกฯ กล่าวอีกว่า บุคลากรภาครัฐต้องเป็นผู้นำแห่งการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เฉพาะนายกฯ หรือรัฐมนตรี ทั้งหมดต้องช่วยกันทำงานควบคู่กับการลดความขัดแย้ง อะไรที่ไม่ตรงกันเอาไว้ก่อน แต่สิ่งไหนที่เห็นตรงกันก็ทำไปหากทำพร้อมๆกันแล้วเน้นทุกอันก็ยากจะสำเร็จ เพราะติดขัดด้วยเวลา งบประมาณ วันนี้อยากให้ทุกคนมีจิตใจร่วมกับตนซึ่งตนพยายามสร้างแรงกระตุ้นในทุกเรื่อง

          และวันนี้มาพูดถึงเรื่องดิจิทัล แต่ไม่บังอาจจะบอกได้ว่ารู้มากกว่าพวกท่านเพราะตนเป็นแค่คนในยุค Baby boomer (เบบี้บูมเมอร์) แค่ใช้แค่รู้พูดได้ก็เก่ง แต่ตนก็พยายามคิดและพูดและเข้าใจในสิ่งที่พูดไป ประเด็นสำคัญต้องรู้ว่าจะใช้ประโยชน์จากดิจิทัลได้อย่างไร และประชาชนต้องเรียนรู้

            นายกฯ กล่าวอีกว่า การลงนามในวันนี้ถือเป็นความคืบหน้าในความร่วมมือ พัฒนาทักษะด้านดิจิทัลของภาคราชการ จะส่งผลต่อการพัฒนาจิตใจ คุณธรรม จริยธรรม ศีลธรรม หากแต่ละองค์กรมีสิ่งเหล่านี้การทำงานก็จะไปได้หมด เพราะวันนี้ปัญหาต่าง ๆ เกิดจากจุดนี้ คนไทยมีความพร้อมทุกอย่าง  ฉลาดทุกคน อยู่ที่ว่าจะฉลาดดีหรือไม่ดีเท่านั้น คนไทยไม่ได้ด้อยกว่าประเทศใหญ่ ๆ มีหลายเรื่องที่เราชนะ อะไรที่เป็นปัญหาเราเก่งขึ้น 

             "ปี 60 คือปีแห่งการปฏิรูปทั้งระบบ  ถือว่าอยู่ในระยะที่1ของการปฏิรูปประเทศ ส่วนระยะที่ 2  คือการส่งต่อไปยังรัฐบาลหน้า ดังนั้นเราต้องวางแผน จะเดินหน้าประเทศอย่างไรตั้งแต่ปี 60-64 ใครจะเดินยังไม่รู้ แต่ช่วงนี้เราจะว่งพื้นฐานเอาไว้โดยพวกเราต้องช่วยกัน อย่าให้ประเทศถอยกลับมาที่เดิมอีก จะได้เข้าสู่ไทยแลนด์ 4.0 ตามที่วางไว้ ในขณะที่ 1.0 ,2.0 , 3.0 ยังมีอยู่ ซึ่งแต่ละแท่งต้องพัฒนาการเรียนรู้ ปรับตัวเองให้เท่าทันต่อการพัฒนาประเทศ" นายกฯ กล่าว

          บ่นอยู่มา 3 ปี อ่านเอกสาร จนตาเจ็บ ต้องใส่แว่นบ่อยขึ้น เซ็งเรื่องนิดเดียว แต่เอกสารมาเป็นปึก  รับ“ขรก.” เข้ามามากเกินไป ทำให้เกิดปัญหา จ้าง คนพิเศษเข้ามา จะได้เร็ว

          พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องคิดด้วยว่าปลายทางต้องการอะไร ต้นทางต้องทำอะไรให้เขา เพราะฉะนั้นกลางทางคือวิธีการและต้องมอบหมายความรับผิดชอบใครจะทำอะไร ถ้าใส่เยอะทั้งหมดอยู่ในกล่องมันไปไม่ได้ ไม่มีใครอยากดูเพราะมันเยอะเกินไป ดังนั้น ต้องเจาะไปในกลุ่มว่าต้องการสิ่งไหน ถ้ากำหนดตรงนี้จะนำไปสู่การจัดทำศูนย์ข้อมูลในอนาคตของกระทรวงดิจิทัลฯเพื่อสร้างการเรียนรู้

         "มีคนเคยพูด เปิดเผยคือโปร่งใส ปกปิดคือยกเว้น ตนฟังก็งง ๆ ดูเหมือนเราไปปกปิดใคร ถ้าเราจะขับเคลื่อนไทยด้วยเทคโนโลยีต้องปรับวิธีคิดใหม่ให้แตกต่างต้องช่วยกันเป็นผู้นำเพื่อสู่การเปลี่ยนแปลง คิดใหม่ ทำใหม่ โดยฟังคนอื่น ผมอยู่มา 3 ปี ทั้งฟัง ทั้งอ่าน จนตาเริ่มเจ็บ มองอะไรเจ็บ เริ่มต้องใส่แว่นบ่อยขึ้น ฉะนั้นหากเราต้องใช้ตรงนี้ได้จะช่วยลดเรื่องของเอกสารได้เยอะบางทีนั่งอ่านตาแทบแฉะเรื่องนิดเดียวมาเป็นปึก จึงต้องมีการใช้ดิจิทัลใช้ความคิดมาเสริมและสรุป เวลาทำงานอะไรก็ตาม วันหน้ามาทีละชิ้นมันไม่ไหว และเขาก็ไม่สนใจ ตนพยายามสนใจก็ต้องอ่านเยอะ ดังนั้นต้องทำสองอย่างคู่ขนานไปยังต้องมีเอกสารประกอบ " นายกฯ กล่าว และว่าการพัฒนาคนเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของรัฐบาลนี้หลายคนแนะนำว่าต้องพัฒนาเรื่องนั้นก่อนเรื่องนี้ก่อน เวลาตนพูดไม่ฟังคิดแล้วก็พูดตำหนิติติง มันมีคนแบบนี้เยอะ จึงทำงานได้ยาก ดังนั้นนี่คือสิ่งที่พวกท่านต้องลดปัญหาระหว่างทางให้ได้ ในการไปสู่ความสัมฤทธิ์ทำอย่างไรให้ระบบการศึกษาสร้างคนที่มีหลักคิด ไม่ใช่คิดฉลาดก็ได้ คดีดีก็ได้ คิดโกงก็ได้ แต่ต้องคิดวิเคราะห์ ต้องมีหลักคิดที่ถูกต้องหลักคิดที่ดี เอามาต่อยอด คิดสร้างสรรค์ถ้ารัฐบาลต้องช่วยตลอดมันไปไม่ได้ พังกันทั้งประเทศ วันนี้อย่าเอามาตีกันอะไรไม่ดีต้องเอามาแก้ไข ต้องบูรณาการทันการเปลี่ยนแปลงโลกพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า

         วันนี้ปัญหาการบริหารจัดการกำลังพลให้มีประสิทธิภาพปัญหาของเราคือถ้าตั้งหรือรับข้าราชการมากเกินไปก็เกิดปัญหาการบรรจุทดแทนการเกษียณอายุราชการต้องมีการปรับจำนวนแต่ไม่ทำให่ท่านเดือดร้อน เพียงแต่ข้าราชการใหม่ที่รับเข้ามาต้องมีรูปแบบต้องเป็นแบบเฉพาะกิจหรือตั้งเป็นพนักงานราชการที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางอย่างทหารทำตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบวันนี้ต้องจ้างคนพิเศษมาทำตรงนี้จะได้เร็วขึ้นเราต้องเสียเวลาในการอบรมคนที่มีอยู่เดิมนานกว่าจะเก่ง คนที่จบมาโดยตรงแต่เราบรรจุคนทั้งหมดไม่ได้ จึงต้องดูเรื่องการพัฒนาระบบราชการโดยมีพนักงานราชการมีรายได้สูงขึ้น มีค่าตอบแทนพิเศษเพื่อทดแทนการเกษียณอายุ ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีใครอยากมา

  

 

 

 

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ