ข่าว

สตง.ชี้เซ็นสัญญาทำอีพาสอร์ตไม่ได้

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สตง.ระเบียบจัด ทำเซ็นสัญญาทำอีพาสอร์ตไม่ได้ ส่ง “วิษณุ” ถกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาทางออก ก่อนไม้ตาย ม.44

         28 ก.พ. -- พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรักษาความสงบเรียบร้อย(คสช.)ว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้หารือกันถึงเรื่องอีพาสปอร์ตที่ปัจจุบันมีคนขอพาสปอร์ต และต่อพาสปอร์ตประมาณ 1 หมื่นเล่มต่อวัน ในการดำเนินการทำอีพาสปอร์ตของกระทรวงการต่างประเทศได้ไปว่าจ้างบริษัทในการทำอีพาสปอร์ตโดยมีสัญญาว่าจ้าง 7 ล้านเล่ม ถ้าครบเมื่อไหร่ถือว่าหมดสิ้นสัญญา โดยทำสัญญาเมื่อ 2 ปีก่อน ซึ่งเหลือพาสปอร์ตอีก 3 หมื่นเล่ม ก็จะครบ 7ล้านเล่ม ถ้านับตามวัน ก็เหลือเพียง 3 วันจะหมดสัญญา ดังนั้นเมื่อเลย 3 วันนี้ไปคนจะทำพาสปอร์ตจะทำไม่ได้ จึงเป็นปัญหา โดยกระทรวงการต่างประเทศได้จัดเตรียมการประกวดราคาแบบอีบิดดิ้ง เพื่อหาบริษัทใหม่มาดำเนินการ ซึ่งต้องใช้เวลา 1 ปีในการดำเนินการจึงจะเรียบร้อย

        พล.ท.สรรเสริญ กล่าวต่อไปว่า กระทรวงการต่างประเทศจึงคิดทางออกไว้คือการทำสัญญาใหม่กับบริษัทเดิม เรียกว่ารีพีท ออเดอร์ ให้ทำต่ออีก 1 ปี เพื่อให้พอดีกับเวลาที่ทำอีบิดดิ้ง และได้นำสัญญาที่จะทำกับเจ้าเดิมไปให้สำนักงานอัยการสูงสุดดู และสำนักงานอัยการสูงสุดบอกว่าไม่สามารถดำเนินการได้ หากทำต่อต้องถูก สตง. ตรวจสอบ และจะพบเป็นความผิด จะทำได้อย่างเดียวคือออกมาตรา 44 เพื่อให้บริษัทเดิมทำงานไปก่อน 1 ปี จนกระทั่งทำอีบิดดิ้งและได้บริษัทใหม่มา โดยที่ประชุมคสช.เห็นว่าใช้ ม.44 ฟุ่มเฟือยเกินไป ก็ไม่เป็นผลดี อย่างกรณีวัดพระธรรมกายทุกคนก็เห็นว่า ม.44 ไม่ขลังหรือไม่ จึงยังไม่ออกคำสั่ง ม.44 ให้ แต่ให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯเป็นหัวหน้าคณะเชิญ สตง. กระทรวงการต่างประเทศ สำนักงานอัยการ มาหารือว่ามีวิธีการอย่างหนึ่งอย่างใด ที่จะทำความเข้าใจกับสตง. ว่าถ้ายึดในกฎกติกาอย่างเดียว โดยไม่คำนึงถึงความเป็นจริงในโลกมนุษย์ ทุกอย่างไม่สามารถแก้ปัญหาได้ จึงให้ไปดูว่าสตง.ยอมหรือไม่ ถ้ายอมก็หาจุดลงตัวได้ก็ทำรีพีทออร์เดอร์ ถ้าไม่ได้ก็ค่อยมาว่ากันตามคำสั่งตาม ม.44 แต่เห็นชอบในหลักการที่จะให้บริษัทเดิมทำหน้าที่ไปก่อนจนกว่าจะได้อีบิดดิ้ง

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ