ข่าว

"เรืองไกร"จี้"นายกฯ"ปลด 2 รมต.ผิดพรบ.จัดการหุ้นฯ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"เรืองไกร"แฉ"อุตตม-สนธิรัตน์"ทำผิดพรบ.จัดการหุ้นฯชัด ระบุเตรียมยื่นหนังสือจี้"นายกฯ"ปลด 2 รัฐมนตรี เผยงงมือกฎหมายของรัฐบาลปล่อยผ่านเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร  

 

          26 ก.พ. 60 - นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ข้อมูลการเป็นหุ้นส่วนของรัฐมนตรี 2 คน คือ นายอุตตม และนายสนธิรัตน์ เป็นหุ้นส่วนในการทำธุรกิจที่ดินเขาใหญ่ ซึ่งจากการติดตามยังไม่พบว่า มีใครมองเห็นการฝ่าฝืนพ.ร.บ.การจัดการหุ้นส่วนหรือหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ. 2543 แต่อย่างใด   เรื่องนี้ ไม่น่าเชื่อว่า ทีมกฎหมายที่ช่ำชองของรัฐบาล จะตกประเด็นหรือมองไม่เห็น ทั้งที่เป็นกฎหมายที่มีมานานแล้ว และเป็นกฎหมายพื้นฐานเกี่ยวกับการเป็นหุ้นส่วนในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์เท่านั้น ซึ่งเมื่อพิจารณาจากมาตรา 4 ของ พ.ร.บ.จัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี จะเห็นได้ชัดเจนว่า มีการห้ามรัฐมนตรีเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วน และห้ามเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท แต่หลายฝ่ายไปมองเฉพาะการเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทเท่านั้น เช่น การถือหุ้นเกิน 5 % เป็นต้น แต่ในกรณีของนายอุตตมและนายสนธิรัตน์ มีหลักฐานที่ชัดเจนในเรื่องการเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญตามประมวลกฎหมายเพ่งและพาณิยช์ (ปพพ.) รวมอยู่ด้วย ซึ่งมาตรา 4 ของ พ.ร.บ.จัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี บัญญัติห้ามไว้อย่างเด็ดขาดว่า รัฐมนตรีจะเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญ หาได้ไม่

           ทั้งนี้เมื่อพิจารณาหลักฐานที่ทั้ง 2 คนแจ้งต่อ ป.ป.ช. ว่ามีการทำสัญญาลงทุนทำธุรกิจที่ดินที่เขาใหญ่เพื่อแบ่งผลกำไร โดยนายอุตตมลงทุน 5 ล้านบาท นายสนธิรัตน์ลงทุน 20 ล้านบาท จากเงินลงทุนของหุ้นส่วนทั้งหมด 100 ล้านบาท เอกสารดังกล่าวจึงเป็นการลงทุนเพื่อแบ่งกำไรเข้าลักษณะการเป็นห้างหุ้นส่วนสามัญตาม ปพพ. โดยชัดเจน ห้างหุ้นส่วนตาม ปพพ. มีสองแบบ คือห้างหุ้นส่วนสามัญ และห้างหุ้นส่วนจำกัดซึ่งมาตรา 4 ของ พรบ.จัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี  มีข้อยกเว้นให้เฉพาะ 2 กรณีคือ 1.การเป็นหุ้นส่วนประเภทจำกัดความรับผิดในห้างหุ้นส่วนจำกัดเกิน 5% หรือ 2.การเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทจำกัด เกิน 5% เท่านั้น แต่หากเป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนสามัญ 

              นอกจากนี้กรณีการลงทุนทำธุรกิจที่ดินของรัฐมนตรีทั้ง 2 คนดังกล่าว มาตรา 4ของ พรบ.จัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี  ห้ามไว้โดยเด็ดขาด ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏชัดว่า ทั้ง 2 คน ฝ่าฝืนกฎหมาย จึงต้องมีผลตามมา คือ รัฐมนตรีทั้ง 2 คนควรลาออกจากตำแหน่ง หรือ นายกฯ ต้องปรับออกจากตำแหน่ง  กรณีที่เกิดขึ้น ยังไม่เห็นทั้ง 2 คนแสดงความรับผิดชอบแต่อย่างใด จึงต้องแจ้งให้นายกฯ พิจารณาปรับทั้ง 2คนออกจากตำแหน่งโดยเร็ว เพราะมีการลงทุนดังกล่าวมาตั้งแต่ 19 พ.ค. 2557 และยังเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายอยู่ตราบทุกวันนี้ 

          อย่างไรก็ตามนายกฯ พูดอยู่บ่อยครั้งให้ทุกคนเคารพกฎหมาย เมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นใกล้ตัวนายกฯ จึงหวังว่านายกฯ จะยึดหลักกฏหมายด้วย โดยจะไปยื่นหนังสือร้องด้วยตนเองเพื่อขอให้นายกฯ พิจารณาแจ้งให้ทั้ง 2 คนลาออก หากไม่ลาออกก็ควรปรับออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีโดยเร็ว และไม่ควรเกิน 5 วัน โดยจะไปหนังสือในจันทร์ที่ 27 ก.พ. เวลา 10.00 น. ที่ศูนย์รับเรื่องตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล

 


 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ