คิดซักนิด ก่อนขายข้าวในคลัง

           21 ก.พ. 60 - น.พ.วรงค์ เดชกิจวิกรมอดีตส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตามที่กรมการค้าต่างประเทศ ได้เปิดประมูลข้าวในคลังรัฐบาลเมื่อวันที่ 16 ก.พ. ที่ผ่านมา การขายข้าวครั้งนี้มีทั้งหมด 274 คลัง จำนวนข้าว 2.87 ล้านตัน โดยมีผู้สมัครเข้าร่วมประมูล 73 ราย แต่ยื่นจริง 66 ราย มีผู้เสนอราคาสูงสุด 48 ราย ผลที่ประมูลได้ คือ 185 คลัง จำนวน 2.034 ล้านตัน คงเหลือคลังที่ไม่ได้ประมูลอีก 89 คลัง เนื่องจากการประมูลรอบนี้ไม่มีการกำหนดราคาขั้นต่ำ โดยเรื่องนี้มีข้อสังเกตบางประการที่รัฐบาลจะต้องพิจารณา คือ 1.การเปิดประมูลข้าวสารรอบนี้ มีจำนวนมากถึง 274 คลัง ถือว่ามีปริมาณจำนวนมาก คล้ายกับเทกระจาดให้เลือก ผู้ประมูลสามารถตกลงแบ่งกันได้ 2.บางคลังมีผู้ประมูลรายเดียว ใส่ราคาเท่าไรก็ได้ทำให้ไม่มีการแข่งขัน 3.ข้าวหอมมะลิที่ชนะประมูล หลายรายการชนะประมูลในราคาที่ต่ำมาก ทำให้ผลประมูลที่ออกมามีผลทางจิตวิทยาต่อผู้ค้าข้าวในระบบ กดราคาตลาดให้ตกต่ำ 4.จากผลประมูลที่เกิดขึ้น ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะกระทบต่อรายรับของชาวนา ที่ปลูกข้าวนาปรังที่กำลังจะออกในเดือนกลางมีนาคมนี้  
          นพ.วรงค์ กล่าวต่อไปว่า เราไม่ได้ตำหนิเรื่องทุจริต เพราะสืบทราบว่าคณะทำงานพยายามทำให้เกิดความโปร่งใส แต่เกรงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อระบบข้าว และราคาผลผลิตของพี่น้องชาวนารอบนาปรัง เพื่อให้การประมูลรอบนี้ มีผลกระทบต่อตลาดข้าวในระบบ และกระทบต่อข้าวนาปรังให้น้อยที่สุด ข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลควรทำคือ 1.รัฐบาลไม่ควรอนุมัติทุกรายการที่ประมูลได้ ควรอนุมัติเฉพาะรายการที่ราคาสมเหตุสมผล ส่วนราคาที่ต่ำเกินไปก็ไม่ควรอนุมัติ จะได้มีผลกระทบต่อราคาข้าวในระบบน้อยลง 2.รัฐบาลควรเตรียมมาตรการที่จะรองรับราคาข้าวนาปรังที่จะเริ่มเก็บเกี่ยวตั้วแต่กลางเดือนมีนาคมนี้เป็นต้นไป ทางออกที่ดีที่สุดนั่นคือ เตรียมนำโครงการประกันรายได้ มาใช้ร่วมกับการรับจำนำยุ้งฉาง จะเป็นมาตรการที่ดีที่สุด และจะมีผลต่อการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้าด้วย และ 3.ที่สำคัญที่สุดคือการเตรียมความพร้อมที่จะแก้ปัญหาราคาข้าวนาปรัง ต้องเตรียมพร้อมทันทีตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป.