ข่าว

“กิตติรัตน์” ขึ้นศาลนักการเมือง พยานยิ่งลักษณ์คดีจำนำข้าว

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

“กิตติรัตน์” ขึ้นศาลฎีกานักการเมือง พยานยิ่งลักษณ์ คดีโครงการจำนำข้าว แจงยิบ 8 แนวทางลุยโครงการ


 

          3 ก.พ. 60 - เวลา 09.30 น. นายชีพ จุลมนต์ รองประธานศาลฎีกา เจ้าของสำนวนคดีจำนำข้าว พร้อมองค์คณะรวม 9 คน ได้ไต่สวนพยานจำเลยนัดที่ 10 คดีหมายเลขดำ อม.22/2558 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อายุ 49 ปี อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 กรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งทำให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท  
          โดยวันนี้ ทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จำเลย นำพยานเข้าไต่สวนเพียงปากเดียว คือ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อายุ 59 ปี อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีต รมว.คลัง สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ซึ่งเบิกความถึงโครงการรับจำนำ 8 ประเด็น ประกอบด้วย 1.ความจำเป็นทางเศรษฐกิจและสังคม 2.หลักการสำคัญของโครงการรับจำนำข้าว 3.โครงการมีขนาดใหญ่เกินไปหรือไม่ 4.การใช้เงินของโครงการ 5.กรอบเงินทุนหมุนเวียน 6.วิธีการบริหารการเงินการคลังของรัฐบาล 7.ความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ และ 8.ความใส่ใจเมื่อมีข้อเสนอแนะและทักท้วง โดยนายกิตติรัตน์ได้สรุปคำให้การประกอบสไลด์ ระบุว่า ความจำเป็นของการจัดทำโครงการก็เพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำของกลุ่มเกษตรกรที่ประสบปัญหาความยากจน และยังมีความจำเป็นด้านเศรษฐกิจเกี่ยวกับการแก้ปัญหารายได้เฉลี่ยประชาชนต่อคน ขณะที่หลักการสำคัญในการช่วยเหลือกลุ่มเกษตรกรที่มีอยู่ 3.7 ล้านครัวเรือน หรือประมาณ 15 ล้านคน แต่การดำเนินโครงการรับจำนำข้าวมีเกษตรกรหลายรายไม่ได้เข้าโครงการ ซึ่งไม่ได้เป็นปัญหา เพราะชาวนาสามารถขายข้าวให้แก่เอกชนโดยตรงได้ และเอกชนก็แข่งขันกันซื้อขายข้าวและส่งออกได้ โดยการกำหนดราคารับจำนำข้าว 1,500 บาทต่อตันก็เป็นการคำนวณจากต้นทุนการผลิต และเพิ่มรายได้เฉลี่ยต่อหัวชาวนา 1 คนให้มีรายได้เฉลี่ย 300 บาท ซึ่งการทำโครงการรับจำนำข้าวยังทำควบคู่ไปกับนโยบายสาธารณะอื่น เช่น การปรับเงินเดือน 15,000 บาท สำหรับผู้สำเร็จการศึกษาปริญญาตรี ขณะที่จะมีการจัดทำโครงการนี้ได้มีการศึกษาโครงการที่รัฐบาลอื่นเคยทำมาก่อนหน้านี้ เช่นโครงการประกันรายได้พืชผลทางการเกษตร ซึ่งทำได้ดีกับพืชยืนต้น และมีขั้นตอนไม่มาก แต่ยังมีจุดอ่อนตรงที่เกษตรกรอาจจะไม่ได้ราคาตามที่มีการอ้างอิงไว้ ขณะที่การตรวจสอบการขึ้นทะเบียนพื้นที่เพราะปลูกจะมีปัญหา เพราะการปลูกข้าวจะใช้ระยะเวลาเพียง 2-3 เดือนและเก็บเกี่ยว   
          นายกิตติรัตน์ กล่าวอีกว่า เงินทุนที่ใช้ในโครงการเป็นเงินของธกส. และเงินกู้ธกส.ที่มีกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกัน โดยวิธีทางการเงินการธนาคารของรัฐบาลได้มีการควบคุมโดยการกำหนดกรอบวงเงินหมุนเวียนที่ใช้ในโครงการไม่เกิน 5 แสนล้านบาท ส่วนที่มีหนังสือทักท้วงมาแต่ไม่ได้ยุติการทำโครงการจำนำข้าวนั้น จะเห็นว่าทุกข้อทักท้วงเป็นการอ้างอิงข้อมูลโครงการในอดีตที่มีปัญหา โดยไม่ได้พิจารณาว่าโครงการรับจำนำข้าวได้ปรับปรุงนโยบายก่อนดำเนินโครงการแล้ว ขณะที่ระหว่างการดำเนินโครงการก็ได้มีการแก้ไขตามข้อทักท้วง รวมถึงมีการตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองในด้านต่างๆ โดยมีรองนายกรัฐมนตรีดูแล ซึ่งตนก็เป็นทีมคณะกรรมการกลั่นกรองดูแลด้านเศรษฐกิจ ตนจึงเสนอความเห็นต่อจำเลย ในฐานะนายกรัฐมนตรีโดยยืนยันว่าโครงการรับจำนำข้าวมีความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ และสภาพัฒน์ฯ ได้ประเมินโครงการแล้วยืนยันว่าโครงการจำนำข้าวช่วยให้เกษตรกรมีรายได้ดีขึ้น และมีความคุ้มค่าเมื่อเปรียบเทียบประโยชน์ทางเศรษฐกิจ จึงไม่เกิดความเสียหาย  
          นายกิตติรัตน์ ยังตอบข้อซักค้านของอัยการที่ถามถึงบทสัมภาษณ์ของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในนิตยสารฟอร์บว่าเป็นผู้คิดโครงการรับจำนำข้าวว่า โครงการนี้เริ่มจากการพูดคุยของทีมเศรษฐกิจที่มีพยาน นายโอฬาร ไชยประวัติ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย และคณะเมื่อปี 2553 ขณะที่กรอบระยะเวลาการระบายข้าว เมื่อมีการดำเนินโครงการไปแล้วก็มีการพูดถึงแนวทางการระบายข้าว โดยมีอนุกรรมการระบายข้าวเป็นผู้ดูแล แต่ไม่ได้ระบุเวลาระบายข้าวที่ชัดเจน เพราะขึ้นอยู่กับกลไกทางตลาด ซึ่งจะทำให้การระบายข้าวมีความเหลื่อมล้ำกันระหว่างฤดูกาล โดยช่วงดำเนินโครงการรัฐบาลได้ระบายข้าวไปจำนวนมาก แต่หากไม่มีรัฐประหารเกิดขึ้นยืนยันว่ารัฐบาลสามารถระบายข้าวได้หมด ส่วนการดำเนินโครงการนั้นจำเลยในฐานะนายกรัฐมนตรีและประธาน กขช.ได้กำชับแต่แรกให้ดำเนินการทุกอย่างโปร่งใส สุจริต โดยคณะกรรมการ กขช.จะมีรองประธาน 3 คน ปฏิบัติหน้าที่แทนประธาน กขช.เมื่อติดภารกิจ และเมื่อมีข้อหารือฝ่ายเลขาฯ จะนำเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมเพื่อหารือร่วมกันก่อนตัดสินใจ  
          ทั้งนี้เสร็จสิ้นการไต่สวนช่วงเช้าแล้วในเวลา 12.00 น. ศาลได้พักการพิจารณา 1 ชั่วโมง โดยนัดไต่สวนนายกิตติรัตน์ พยานจำเลย ต่อวันนี้ในช่วงเวลา 13.00 น.  
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนเข้าฟังการไต่สวนพยาน น.ส.ยิ่งลักษณ์ อดีตนายกฯ ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้ากรณีที่ศาลปกครองกลาง รับคำฟ้องที่ขอให้เพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลังสั่งชดใช้ความเสียหายโครงการรับจำนำข้าว 3.5 หมื่นล้านบาท ว่า ศาลนัดไต่สวนเรื่องการขอทุเลาของกรมบังคับคดีในการยึดทรัพย์ ระหว่างนี้ฝ่ายผู้ถูกฟ้องขอเลื่อนการยื่นข้อโต้แย้งคำให้การเป็นเวลา 30 วัน คงต้องรอหลังจากที่เขาแก้ข้อโต้แย้งแล้ว ศาลคงจะนัดอีกทีหนึ่ง โดยหลักสิ่งที่เราขอให้มีการทุเลา เนื่องจากคดียังต้องการการไต่สวนอยู่ทั้งคดีอาญาและคดีที่ศาลปกครองรับแล้ว 

          “แต่ว่าขณะนี้กรมบังคับคดีก็จะทำไปตามคำสั่ง มาตรา 44 ที่จะให้เข้ามายึดและอายัดทรัพย์เลย ซึ่งดิฉันมองว่าตรงนี้ทำให้เรามีความลำบากมาก เพราะคดีก็ยังไม่ถึงที่สุด ถ้าเกิดมีการบังคับเลยโดยที่ยังไม่รู้ว่าผลเป็นอย่างไร ก็เหมือนเป็นการชี้นำ จึงร้องขอต่อศาล” อดีตนายกฯ ระบุ

          เมื่อถามว่า ขณะนี้มีความมั่นใจแค่ไหนในการสู้คดีรับจำนำข้าวที่ใกล้จะสิ้นสุดแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เราทำอย่างเต็มที่ พยานทุกปากที่นำมาสืบต่อหน้าศาลได้ชี้แจงทุกข้อกล่าวหา ผลเป็นอย่างไรก็อยู่ที่ดุลยพินิจของทางองค์คณะ คงไม่สามารถพูดอะไรได้ ในฝั่งของตนก็ทำเต็มที่และมั่นใจว่าได้ชี้แจงทุกประเด็น

เมื่อถามว่า ได้รับผลกระทบบ้างหรือไม่ กรณีที่มีการโพสต์เฟซบุ๊ก ขู่ทำร้ายนายกรัฐมนตรีและรองนายกฯ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า กระแสข่าวตนก็เคยได้ยินเมื่อสมัยก่อน ซึ่งเราไม่เห็นด้วยกับการที่นำเอาโซเชียลมีเดีย มาใช้เป็นข่าวลือทำให้คนตระหนก ทำให้ต่างชาติมองสถานการณ์ไม่ดี แต่เชื่อว่าไม่มีใครคิดจะปองร้ายกันจริงๆ เพราะฝ่ายความมั่นคงก็ดูแลทุกตารางนิ้วของประเทศไทยอยู่แล้ว 
          เมื่อถามถึงกรณีที่วอชิงตันโพสต์ ระบุว่าประเทศไทยสุ่มเสี่ยงที่จะมีการรัฐประหารสูงในปีนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า การที่แต่ละประเทศจะมองต้องช่วยกัน อยู่ที่รัฐบาลและ คสช.จะให้ความมั่นใจไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น โดยเฉพาะเรื่องการปรองดอง ถ้าทุกคนมีความสบายใจและสงบสุขคงจะไม่มีความกังวลในส่วนนั้น ต้องวิเคราะห์ทำงานกันพอสมควร เราไม่ควรจะเกิดรัฐประหารเลยด้วยซ้ำ โลกเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ไม่ว่าจะรัฐประหารแบบไหนก็ไม่ควรจะเกิดขึ้น อยากขอร้องทุกฝ่ายอย่าให้มีเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นเลย ขอให้การรัฐประหารครั้งล่าสุดเป็นครั้งสุดท้าย.

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ