ข่าว

พท.แนะใช้ผลศึกษาคอป.-พระปกเกล้า ประกอบ“ปรองดอง”

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เพื่อไทย แนะควรใช้รายงานการศึกษาของคอป.และสถาบันพระปกเกล้า ประกอบการหาทางออก“ปรองดอง”

            ตามที่คสช. และรัฐบาลได้ออกคำสั่งเพื่อให้มีการดำเนินการเรื่องยุทธศาสตร์ชาติ การปฏิรูปและการสร้างความปรองดองโดยจะจัดให้มีคณะกรรมการรับผิดชอบขับเคลื่อนในด้านต่างๆและเรียกร้องให้นักการเมืองร่วมมือกันสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในสังคม การร่วมมือสร้างความปรองดองเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายควรร่วมมือกันอำนวยให้เกิดขึ้น เพราะเป็นหนทางที่จะทำให้ประเทศหลุดพ้นจากอุปสรรคที่เป็นตัวถ่วงประเทศของเรามายาวนาน

          แต่การที่จะแก้ไขปัญหานี้ให้ประสบความสำเร็จ และปัญหาความปรองดองจะคลี่คลายลง คงมิใช่เป็นเพียงการให้พรรคการเมืองมาพบกันและจัดทำเอ็มโอยูตามที่บางท่านต้องการ ที่เป็นเช่นนี้เพราะปัญหาความไม่ปรองดอง มิใช่เกิดจากเฉพาะพรรคการเมืองแต่เพียงฝ่ายเดียว หากแต่เกี่ยวพันกับคนหลายกลุ่มหลายฝ่าย หลายองค์กร เกี่ยวพันกับปัญหาประเทศเชิงโครงสร้างในหลายๆส่วน รวมถึงผู้มีอำนาจในปัจจุบันก็เป็นผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาที่เกิดขึ้น

                ดังนั้นหัวใจสำคัญของการสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นนั้น จึงเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องอาศัยความร่วมมือ และการมีส่วนร่วมของฝ่ายต่างๆที่มีส่วนเกี่ยวข้องในปัญหา ทั้งฝ่ายพรรคการเมือง ฝ่ายกลุ่มการเมืองต่างๆ ฝ่ายผู้มีอำนาจในปัจจุบัน รวมถึงฝ่ายและองค์อื่นๆที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อมที่ทำให้เกิดปัญหาขึ้น จึงจำเป็นต้องร่วมกันหารือ ช่วยกันหาทางออกให้ประเทศ ปัญหาดังกล่าวจึงจะสามารถแก้ไขคลี่คลายลงไปได้

ที่สำคัญ ปัจจัยที่จะทำให้ความปรองดองเกิดขึ้น เป็นผลสำเร็จ ควรจะต้องคำนึงถึง

1. ความเข้าใจในความหมายของการปรองดอง ที่เป็นหลักการที่โลกยึดถือ และบทเรียนที่ผ่านมาได้พิสูจน์แล้วว่าในความขัดแย้งที่เกิดขึ้นหลายแห่งในโลกนั้น ความหมายที่แต่ละฝ่ายยึดถือและเข้าใจในเรื่องความปรองดองนั้นตรงกัน จึงจะสามารถเป็นจุดเริ่มต้นของการแก้ไขปัญหาได้

 สำหรับพรรคเพื่อไทย เข้าใจว่าการปรองดองหมายถึง“การอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติภายใต้หลักนิติธรรม บนพื้นฐานการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” ดังนั้นการจะสร้างความปรองดองได้ คือ การอำนวยให้เกิดความยุติธรรม และการยอมรับการอยู่ร่วมกันบนความแตกต่างที่แต่ละฝ่ายมี

2. ควรจะต้องให้ความสำคัญกับการแสวงหาความรู้ที่ชัดเจนถึงสาเหตุของความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาว่ามาจากสาเหตุใดบ้าง ซึ่งในส่วนนี้ คอป. และสถาบันพระปกเกล้าได้เคยศึกษาไว้อย่างละเอียดและครอบคลุมพอสมควรแล้ว สมควรที่จะหยิบยกมาพิจารณาประกอบควบคู่กันไป การแก้ไขปัญหาจึงจะสามารถบรรลุเป้oาหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. ควรจะต้องทราบว่ามีผู้ใด / องค์กรใด หรือหน่วยงานใดบ้างที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความขัดแย้งต่างๆ ที่เกิดขึ้น และแสวงหาความร่วมมือจากส่วนต่างๆ เหล่านี้ให้เข้ามาหาทางแก้ไขปัญหา ออกจากความขัดแย้งที่เป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าของสังคมไทย มิฉะนั้นจะเป็นการแก้ไขปัญหาที่ไม่ถูกจุด และเป็นการลงแรงที่ไม่เกิดประโยชน์ เพราะอาจวิเคราะห์ปัญหาคลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริงได้

 

4. คณะกรรมการที่จะเข้ามาดำเนินการเรื่องการปรองดอง ควรมีองค์ประกอบจากผู้ที่มีความเป็นกลาง มีความเป็นอิสระ มีคุณธรรม และสังคมให้การยอมรับ

จึงขอนำเสนอหลักยึดที่พรรคเพื่อไทย ถือเป็นแนวในการแก้ไขเรื่องการปรองดองในอดีตที่ผ่านมา เพื่อให้สังคมได้ร่วมกันพิจารณา.....การคิดแก้ไขปัญหาความปรองดอง จึงจะเกิดเป็นจริงได้อย่างที่เราทุกคนคาดหวัง

 อนึ่งผมได้หารือท่านหัวหน้าพรรคและขอมอบหมายให้ ท่านโภคิน ท่านชัยเกษม ท่านชูศักดิ์ ท่านจาตุรนต์ ท่านพงศ์เทพ เป็นผู้ดำเนินการศึกษาและติดตามเรื่องนี้ต่อไป

ภูมิธรรม เวชยชัย

รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย

20 มกราคม 2560

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ