
"บิ๊กตู่”สั่งเร่งคดีทุจริตทำประเทศเสียหาย
"บิ๊กตู่”สั่งเร่งคดีทุจริตทำประเทศเสียหาย ขึ้นแบล็คลิสต์นักธุรกิจโกง-ทิ้งงาน มอบ “วิษณุ” ดูผลประเมินดัชนีทุจริตไทย สั่งหน่วยงานประชาสัมพันธ์ผ่านเว็บไซต์
19 ธ.ค. -- นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ แถลงผลการประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานว่า ที่ประชุมเห็นว่าดัชนีชี้วัดการทุจริต มีผลต่อความเชื่อมั่นการค้าการลงทุน หากคะแนนดีขึ้นจะสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนต่างประเทศ โดยมีประเด็นคือ การอำนวยความสะดวก ความโปร่งใสการใช้อำนาจเจ้าหน้าที่รัฐ ความโปร่งใสการใช้งบประมาณภาครัฐ
“ที่ประชุมมีมติว่าอะไรที่ทำได้ก่อนให้ดำเนินการทันที โดยให้นำพ.ร.บ.อำนวยความสะดวกทันที และกรมต่าง ๆ ที่ทำหน้าที่ประเมินดังกล่าว ให้เผยแพร่การประเมินผ่านทางเว็บไซต์ด้วย เพราะ 2 ปีที่ผ่านมาเราทำอะไรไปมาก แต่นักลงทุนต่างประเทศไม่ทราบ โดยมีเป้าหมายให้หน่วยงานต่างประเทศรับทราบข้อมูลข่าวสารของประเทศไทยได้ง่ายขึ้น ทั้งนี้ทุกหน่วยงานต้องดำเนินการให้เสร็จภายใน 30 วัน” นายประยงค์ กล่าว
นายประยงค์ กล่าวต่อว่า ส่วนการดำเนินการตรวจสอบการกระทำที่ส่อทุจริตตามคำสั่งมาตรา 44 มีข้าราชการอยู่ในข่ายกระทำผิดทั้งหมด 353 คน มีคำสั่งลงโทษแล้ว 81 ราย และป.ป.ช.ชี้มูลความผิดไปแล้ว 17 ราย ทำให้มีข้าราชการต้องพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว 98 ราย และต้นสังกัดดำเนินการตรวจสอบทางวินัยตามอำนาจแล้ว 41 ราย
นายสังสิต พิริยะรังสรรค์ คณะกรรมการคตช. กล่าวว่า รัฐบาลได้จัดตั้งคณะกรรมการดูแลการชี้วัดความโปร่งใส โดยมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ซึ่งคณะกรรมการจะติดตามหน่วยงานรัฐ ที่ได้รับการประเมินจากองค์กรต่างประเทศ 8 องค์กร และคณะกรรมการจะติดตามว่าภายหลังหน่วยงานของรัฐได้รับการประเมินแล้วได้ดำเนินการตามข้อประเมินอย่างไรบ้าง ทั้งนี้หน่วยงานที่จะเป็นต้นแบบการประเมิน อาทิ องค์การอาหารและยา (อย.) กรมศุลกากร กรมที่ดิน เป็นต้น
“นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ที่ประชุมว่าให้เร่งรัดคดีทุจริตที่สร้างความเสียหายให้ประเทศอย่างร้ายแรง เช่น คดีบ้านเอื้ออาทร ซึ่งเกิดขึ้นมาเกือบ 20 ปีแล้ว โดยให้กลับมารายงานต่อที่ประชุมในการประชุมครั้งต่อไป และให้รวบรวมรายชื่อนักธุรกิจที่ทุจริต เพื่อขึ้นบัญชีดำ และไม่ให้เข้ามาประมูลงานภาครัฐได้อีก โดยประสานข้อมูลกับกรมบัญชีกลาง ซึ่งมีข้อมูลเบื้องต้นอยู่แล้ว เช่น การทั้งสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง ทั้งไม่ได้มุ่งไปที่เจ้าหน้าที่รัฐฝ่ายเดียว ตามระเบียบมีอยู่แล้ว” นายสังสิต กล่าว



