ข่าว

ยกฟ้อง“มือปราบหูดำ”ไม่ผิดปล่อยตัวไม่ส่งดำเนินคดีนักพนัน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ศาลอาญาทุจริตฯ พิพากษายกฟ้อง “พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ” ไม่ผิดปฏิบัติหน้าที่มิชอบ รวบนักพนันมือปืนรับจ้างมีหมายจับศาลคดีฆ่าติดตัว ต่อรองปล่อยตัวไม่ส่งดำเนินคดี

 

       

  

          29 พ.ย. 59 - ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.496/2558 ที่อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 5 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีต รอง ผบช.น. , พ.ต.ท.ศุภกฤช เดือนแจ้งรัมย์ อดีต รอง ผกก.สส.บก.น.1 และ ร.ต.ท.ทวีศักดิ์ โกษยานันท์ อดีตตำรวจสังกัด กก.สส. บก.น.1 เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันเรียกรับ หรือยอมรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อการกระทำหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะเป็นการกระทำที่ชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ และฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา ม. 149 และ ม.157  

          ตามฟ้องอัยการโจทก์ เมื่อวันที่ 18 ก.พ.58 บรรยายพฤติการณ์ สรุปว่า เมื่อวันที่ 28 ต.ค.52 จำเลยทั้งสาม ร่วมกันวางแผน โดยให้จำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจ มีอำนาจสืบสวนจับกุมผู้กระทำผิด เข้าจับกุม นายปพน ดาวเงิน ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดเชียงใหม่ ความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ขณะกำลังร่วมอยู่ในวงลักลอบเล่นพนัน กับนายอำนาจ ศักดิ์แสง , นางวรางรัตน์ สืบนพรัตน์ ผู้เสียหาย และพวกที่ร่วมลักลอบเล่นการพนันอีกหลายคน โดยจำเลยที่ 3 นำตัวนายปพน , นายอำนาจและนางวรางรัตน์ ผู้เสียหาย แยกกับพวกที่ลักลอบเล่นการพนันเดินทางมายัง กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 เพื่อพบกับจำเลยที่ 1-2 โดยได้นัดหมายในนางสุวรรณี บุรโกเสส เจ้าหนี้การพนันของนางวรางรัตน์ ผู้เสียหาย มารออยู่

          ต่อมาจำเลยที่ 1-2 ได้ร่วมกันเจรจาต่อรองให้นางวรางค์รัตน์ ผู้เสียหายชำระหนี้การพนันให้นางสุวรรณี เป็นเงินจำนวน 10 ล้านบาท เพื่อแลกกับการละเว้นไม่ดำเนินการตามกฎหมายกับนายปพน ซึ่งเป็นผู้มีความสัมพันธ์กับนางวรางค์รัตน์ ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาตามหมายจับของศาลจังหวัดเชียงใหม่ โดยจะดำเนินคดีเฉพาะความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนฯ ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยหน้าที่ จนนางวรางค์รัตน์ ผู้เสียหายหลงเชื่อตกลงยินยอมจะโอนบ้านที่ อ.ศรีราชา รวมถึงยินยอมเขียนเช็คธนาคาร 2 ฉบับๆละ 5 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 10 ล้านบาท พร้อมลงชื่อในหนังสือรับสภาพหนี้มอบให้นางสุวรรณี เพื่อชดใช้หนี้การพนัน อันเป็นได้มาซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์โดยทุจริต จากนั้นจำเลยที่ 3 ได้นำตัวนายปพน และนายอำนาจ ส่งพนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว ให้ดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ และแจ้งให้จัดการนายปพน ตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่เท่านั้น อันเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ดำเนินคดีกับนายปพน , นายอำนาจ และนางวรางค์รัตน์ ผู้เสียหายในข้อหาร่วมกันเล่นการพนันอีกข้อหาหนึ่งโดยมิชอบ พฤติการณ์ดังกล่าวถือเป็นการร่วมกันปฏิบัติและละเว้นปฏิบัติหน้าที่ กระทำการเรียก รับ ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดฯ เป็นเหตุให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และนางวรางค์รัตน์ ได้รับความเสียหาย เหตุเกิดที่แขวงคลองจั่น เจตบางกะปิ และ แขวง-เขตดุสิต กทม. จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธต่อสู้คดี   

          โดยวันนี้ จำเลยทั้งสาม เดินทางมาศาลพร้อมฟังคำพิพากษา ซึ่งมีผู้ใกล้ชิดและผู้ติดตามนับ 10 คน มาร่วมให้กำลังใจด้วย

          ขณะที่ศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิเคราะห์พยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายแล้ว เห็นว่า ชั้นไต่สวนแม้จะมีผู้เสียหายที่เป็นผู้ร้องเรียน ป.ป.ช.และอ้างว่าในการบังคับให้รับสภาพหนี้การพนัน มาเบิกความถึงเหตุการณ์แต่ก็มีรายละเอียดหลายประการที่ขัดแย้งกัน ขณะที่ได้ความจากการไต่สวนพยานทั้งสองฝ่ายว่า ในการเข้าจับกุมนักพนันจำเลยที่ 1-2 ไม่ได้ร่วมจับกุม โดยการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามคำสั่งของ สตช.และ บชน. เมื่อเดือน ต.ค.52 ที่มีหนังสือกำชับให้หน่วยงานในนครบาลเร่งรัดการปราบปรามผู้มีอิทธิพลในท้องที่ รวมทั้งการกวาดล้างอาชญากรรม ยาเสพติด และอาวุธปืน โดยการจับกุมกลุ่มนักพนันที่บริเวณร้านสนุ้กเกอร์ ซ.ลาดพร้าว 101 ก็เป็นไปตามคำสั่งของจำเลยที่ 2 ในฐานะหัวหน้าชุด การจับกุมของจำเลยที่ 3 จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายมา และการที่นำสองนักพนันซึ่ง 1 ในนั้นเป็นมือปืนรับจ้างและพกอาวุธปืนติดตัวประจำกาย ไปยังกองบังการตำรวจนครบาล 1 ก็เพื่อให้มีการตรวจสอบทางคดี ขณะที่นักพนันคนดังกล่าวได้ใช้โทรศัพท์ติดต่อนายพลทหารคนหนึ่งและพลเรือนอีกคนหนึ่ง ซึ่งได้มีการติดต่อโทรศัพท์กลับมายังจำเลยที่ 1 ขอต่อรองให้มีการปล่อยตัว แต่จำเลยที่ 1 ตอบกลับว่าไม่สามารถขอได้และดำเนินการให้ไม่ได้ ซึ่งประเด็นนี้สอดคล้องกับคำเบิกความของพยานในชั้นไต่สวน  

          ขณะที่จำเลยที่ 1-2 ได้มีการติดต่อผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัด เชียงใหม่ในการตรวจสอบหมายจับนักพนันคนดังกล่าวซึ่งถูกศาลพิพากษาคดีฆ่าผู้อื่น ดังนั้นหากมีการจับกุมนักพนันคนดังกล่าวเพื่อต่อรองให้ผู้เสียหายชำระหนี้พนันจำนวน 10 ล้านบาทที่มีการจ่ายเช็ค 2 ฉบับๆ ละ 5 ล้านบาท และยังมีการทำสัญญาโอนบ้านในอำเภอศรีราชา มูลค่า 40 ล้านบาทให้กับเจ้าหนี้ จำเลยที่ 1-2 คงจะไม่ติดต่อผู้พิพากษาเพื่อขอความชัดเจนเรื่องหมายจับ อีกทั้งการเข้าจับกุมจำเลยก็ได้ข้อมูลจากสายตำรวจที่ให้ข้อมูลว่านักพนันที่มีหมายจับ และเป็นมือปืนรับจ้างนั้นอยู่ในที่เกิดเหตุซอยลาดพร้าว 101 ประกอบกับไม่มีเอกสารใดที่ระบุข้อความว่าจำเลยที่ 1 ให้มีการต่อรองคดีและจะปล่อยตัวนักพนันคนดังกล่าวเพื่อจะได้มีการชำระหนี้พนันต่อเจ้าหนี้ตามที่ผู้เสียหายอ้าง ซึ่งแม้จะได้ความว่าผู้เสียหายได้มีการตกลงชำระหนี้แต่ก็เป็นการตกลงกับบุตรสาวของเจ้าหนี้ ซึ่งจำเลยไม่ได้พูดข่มขู่และไม่ได้เกี่ยวข้องกับการต่อรองชำระหนี้ด้วยแต่อย่างใด พยานหลักฐานโจทก์จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้ง 3 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่น จึงพิพากษายกฟ้อง  

          ภายหลังศาลยกฟ้องแล้ว พล.ต.ต.วิชัย อดีต รอง ผบช.น. กล่าวว่า เมื่อผลออกมา ทุกคนก็ต้องน้อมรับและปฏิบัติตามคำพิพากษา “ศาลท่านก็ให้ความเป็นธรรม ความยุติธรรมกับเรา 3 คนพวกผมเหมือนอยู่ในทุกข์มาถึง 7 ปี เสียหายทั้งหน้าที่การงาน เสียชื่อเสียง แต่วันนี้ก็ชัดเจนแล้วเราว่าเราทั้งสามไม่ได้กระทำผิด”

          พล.ต.ต.วิชัย อดีต รอง ผบช.น. กล่าวอีกว่า ตนยังไม่คิดว่าจะฟ้องกลับใคร ซึ่งในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐก็จะไม่ฟ้องกลับเพราะถือว่าข้อมูลมาจากผู้ร้องเรียน ส่วนอัยการ หากจะยื่นอุทธรณ์คดี ก็ต้องว่ากันตามกระบวนการ ส่วนตนนั้นสำหรับชีวิตราชการตำรวจ ไม่สามารถกลับไปรับราชการได้อีกเพราะอายุราชการเกินแล้ว ซึ่งขณะนี้ตนทำหน้าที่เป็นทีมช่วย พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยดูแลเกี่ยวกับเรื่องแฟลตดินแดง.

 

   

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ