
องค์กรอิสระต้องปรับตัวตามกฎหมายลูก : สุรชัย
“สุรชัย” ชี้ องค์กรอิสระต้องปรับตัวตามกฎหมายลูก เชื่อ สนช.-กรธ.พร้อมหากติกาที่ดีที่สุดให้บ้านเมือง
18 พ.ย. - นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) คนที่หนึ่ง ในฐานะคณะกรรมาธิการ(กมธ.)พิจารณาศึกษา เสนอแนะ และรวบรวมความเห็น เพื่อการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ ให้สัมภาษณ์กรณีที่มีการมองสวนทางกันเกี่ยวกับการร่างกฎหมายลูกระหว่าง สนช.กับคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ว่า ยังไม่มีบทสรุปว่ามีความคิดเห็นสวนทางกับกรธ. เพราะร่างกฎหมายลูกอย่างเป็นทางการของกรธ. ยังไม่ได้เผยแพร่ ซึ่งนายมีชัย ฤชุพันธ์ ประธานกรธ. บอกแล้วว่ายังไม่ตกผลึก และอยู่ในขั้นตอนการรับฟังความเห็น
นายสุรชัย กล่าวว่า ประเด็นที่เป็นข้อถกเถียงกันมากคือการรีเซ็ตหรือเซ็ตซีโรองค์กรอิสระหรือไม่ ซึ่งในรัฐธรรมนูญฉบับผ่านประชามติกำหนดให้เป็นต่อไปได้หลังจากรัฐธรรมนูญประกาศใช้ จนกว่าจะมีกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญออกมา ถึงตอนนั้นก็แล้วแต่กฎหมายลูกจะเขียนอย่างไร ถ้าเขียนให้อยู่ต่อ ท่านก็อยู่ต่อ ถ้าเขียนให้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงก็ต้องเป็นไปตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ดังนั้นตรงนี้คือหัวใจว่าทางออกที่ดีที่สุดขององค์กรอิสระและพรรคการเมืองจะมีผลอย่างไรหลังจากรัฐธรรมนูญประกาศใช้
“เรื่องนี้ทุกฝ่ายต้องรับฟัง ซึ่งในที่ประชุมกมธ.ลองตั้งโจทย์พิจารณาดูว่า ถ้าบุคคลในองค์กรอิสระอยู่ต่อไปจนกว่าทุกฝ่ายครบวาระผลจะเป็นอย่างไร ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ถูกต้องตามคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามใหม่ของรัฐธรรมนูญจะเป็นอย่างไร จะเกิดช่วงสุญญากาศหรือเป็นภาวการณ์หยุดชะงักในการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ซึ่งเราเอามาชั่งน้ำหนักทั้งหมด เพราะไม่ว่า กรธ.จะตกผลึกอย่างไร โจทย์ข้อนี้ต้องมาอยู่ที่ สนช.”
นายสุรชัย กล่าวอีกว่า ถ้าสิ่งที่ สนช.เห็นต่างกับ กรธ. กระบวนการต่อไปคือ ตั้งกมธ.ร่วมกันระหว่าง สนช. กรธ.และองค์กรอิสระ หรือศาลที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายฉบับนั้น ๆ จำนวน 11 คน และยังมีขั้นตอนสุดท้ายคือ กมธ.ร่วมต้องทำรายงานเสนอกลับมาที่ สนช.อีกครั้ง โดยสนช.ต้องใช้เสียงโหวต 2 ใน 3 หากจะเห็นต่างจากความเห็นของ กมธ.ร่วมฯ แต่กระบวนการที่ออกแบบไว้ในรัฐธรรมนูญค่อนข้างรัดกุม มีการถ่วงดุลระหว่างสภาฯกับกรธ. เชื่อว่า กระบวนการที่ออกแบบไว้ และภารกิจที่ได้รับมอบหมาย ทั้งสองฝ่ายตั้งตีโจทย์นี้ให้แตก และหากติกาที่ดีที่สุดสำหรับบ้านเมือง
เมื่อถามว่า กกต.บางคนกังวลในระเบียบใหม่ที่กำลังจะออกมา นายสุรชัย กล่าวว่า เป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคน ตนคิดว่า องค์กรอิสระทุกองค์กร กังวลแน่นอนว่า สุดท้ายแล้วการอยู่ต่อไปหลังจากรัฐธรรมนูญประกาศใช้จะมีผลอย่างไร เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องปรับตัวเข้าหากติกาใหม่ แม้กระทั้ง สนช.ก็เคยมีการจัดสัมมนาเกี่ยวกับคุณสมบัติใหม่ตามรัฐธรรมนูญใหม่ด้วยเช่นกัน
เมื่อถามถึง บทลงโทษพรรคการเมืองที่มีการซื้อขายตำแหน่งถึงขั้นประหารชีวิต นายสุรชัย กล่าวว่า เป็นแนวคิดที่ต้องการปฏิรูประบบการเมืองของประเทศให้ใสสะอาด ไม่ต้องการให้มีการทุจริตการเลือกตั้ง จึงเป็นแนวคิดที่มีมาตรการลงโทษอย่างรุนแรง ในสมัยรัฐธรรมนูญปี 50 คือการให้ยาแรง ซึ่งน่าจะเป็นวิธีการที่ได้ผล เรื่องนี้เป็นแนวคิดของกรธ.แต่สนช.ก็คิดในแนวคิดอื่นๆเผื่อไว้ด้วยว่า นอกจากแนวคิดนี้มีแนวคิดและมาตรการการลงโทษอื่น ๆ หรือไม่ ที่จะได้ผลในการจัดการทุจริตเลือกตั้ง
“ในขั้นจัดทำกฎหมายลูกจะถึงขั้นตั้ง กมธ.ร่วมหรือไม่นั้นยังมีอีกหลายปัจจัย รวมทั้งบทบัญญัติของ กรธ.และแนวคิดของสนช. ในระหว่างนี้ ผมพยายามปูพื้นฐานให้ สนช.เพื่อให้มีความเข้าใจรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูกในเชิงลึก” รองประธาน สนช.กล่าว



