ข่าว

“สมชัย”ซัดกรธ.หมกเม็ดพ.ร.ป.กกต.ฉบับแก้ไข

“สมชัย”ซัดกรธ.หมกเม็ดพ.ร.ป.กกต.ฉบับแก้ไข

17 พ.ย. 2559

“สมชัย”ซัดกรธ.หมกเม็ดไม่เปิดเผยร่าง พ.ร.ป.กกต.ฉบับแก้ไข เปรียบนักศึกษาสอบวิทยานิพนธ์ไม่ปรึกษาอาจารย์ เตือนระวังสังคมจับจ้องเป็นการยึดองค์กรอิสระ

          17 พ.ย. - นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านบริหารกลาง ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดเวทีแสดงความคิดเห็นต่อร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยกกต.และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ที่จัดขึ้นโดยคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เมื่อวานนี้ (16 พ.ย.) ว่า มีข้อสังเกตว่ากฎหมายดังกล่าวเป็นกฎหมายสำคัญที่มีผลต่อการเมืองไทย ทุกฝ่ายควรมีโอกาสให้ความเห็นเพื่อปรับปรุงให้ดีขึ้น แต่จากการจัดประชุมดังกล่าวตนเห็นว่า กรธ.ทำเพียงแค่ต้องการให้เป็นพิธีกรรม ไม่ได้มุ่งหวังจะให้ประชาชนได้รู้ถึงเนื้อหาสาระของกฎหมายอย่างแท้จริง เนื่องจากการเชิญคนเข้าร่วมในการสัมมนาก็ขาดความเอาจริงเอาจังในการติดต่อพรรคการเมืองต่าง ๆ เข้าให้ความเห็น ทำให้พรรคการเมืองใหญ่ไม่มีตัวแทนเข้าร่วม จะอ้างปัญหาทางธุรการไม่ได้ เพราะครั้งที่แล้วก็มีปัญหาเช่นนี้ก็ต้องปรับปรุง อีกทั้งกฎหมายที่นำมาเสนอยังเป็นกฎหมายคนละฉบับ เอาร่างเดิมของ กกต.ที่เสนอขึ้นไปมานำเสนอที่ประชุม ทั้ง ๆ ที่สาระสำคัญเปลี่ยนแปลงไปเยอะแล้ว แสดงให้เห็นถึงความไม่จริงใจ กรธ.ควรจะเอาร่างของ กรธ.ที่ปรับปรุงแก้ไขสาระสำคัญแล้วมาแสดง

            “ผมคิดว่าลักษณะของการดำเนินการของกรธ.เป็นลักษณะที่ไม่จริงใจในการที่จะให้ข้อมูลข้อเท็จจริงแก่ประชาชน ข้อเสนอของผมคิดว่าควรจะมีการจัดเวทีแบบนี้โดยให้ความสำคัญกับเนื้อหาสาระที่เป็นจริง เมื่อกรธ.ร่างของตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว ควรมีการจัดรับฟังความคิดเห็นอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง เพื่อฟังเสียงจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกๆ ฝ่าย มิฉะนั้นแล้วกฎหมายสำคัญซึ่งจะมีผลต่อบ้านเมือง มีผลต่ออนาคตทางการเมืองของไทย ก็จะมีผลเพียงแค่ถูกผ่านกระบวนการที่เป็นแค่พิธีกรรมเท่านั้นเอง ผมไม่อยากให้กรธ.ทำตัวเหมือนนักศึกษาส่งวิทยานิพนธ์ที่ต้องสอบวิทยานิพนธ์ แต่ไม่ยอมพบอาจารย์ที่ปรึกษา หมกเม็ดไม่ปรึกษาขอความเห็น พอถึงเวลาใกล้หมดอายุความก็ยื่นวิทยานิพนธ์เล่มเต็มมา แล้วก็อาศัยเวลาที่เหลืออยู่บีบบังคับให้จบ” นายสมชัย กล่าว

             ผู้สื่อข่าวถามว่า กรธ. มีแนวโน้มที่รับข้อเสนอที่ได้ไปปรับปรุงหรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เป็นเรื่องที่ กรธ.ต้องคิดดูว่าท่านมีความจริงใจที่จะให้ประชาชนรู้เนื้อหาสาระของกฎหมายหรือไม่ ไม่อยากให้เล่นการเมืองหมกเม็ดกฎหมาย เอากฎหมายที่ไม่จริงมาพูดกัน ถึงเวลาก็รีบส่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาในเวลาที่สั้น

             ผู้สื่อข่าวถามถึงการที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. ยืนยันว่าการกำหนดคุณสมบัติของ กกต.จะใช้เท่าเทียมกับองค์กรอิสระอื่น นายสมชัย กล่าวว่า โดยหลักการถ้าทำทุกองค์กรถือว่าเป็นธรรม เอาคุณสมบัติใหม่ไปใช้ทุกองค์กรแต่ประโยชน์ที่ได้รับ ผลดีผลเสียอย่างไรต้องคิดดูให้ดี ประเด็นสำคัญขณะนี้สังคมกำลังจับจ้องว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งกำลังเตรียมการในการโละเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบภายในองค์กรอิสระทุกองค์กร โดยเอาคนของตัวเองเข้าไปทำหน้าที่ในองค์กรเหล่านั้น นี่คือการยึดพื้นที่ทางการเมืองขององค์กรอิสระที่ต้องดูให้ดี ไม่อยากให้เกิดภาพว่าฝ่ายที่ไม่ได้รับการยอมรับในสังคมกำลังจะเปลี่ยนแปลงยึดพื้นที่ในทุกภาคส่วน อย่าให้สังคมคิดแบบนั้นโดยอ้างเรื่องคุณสมบัติ มิฉะนั้นแล้วในแง่การทำงานจะเป็นไปในแนวเดียวกัน กระบวนการตรวจสอบคัดค้านให้เกิดความเป็นธรรมจะไม่เกิดขึ้น

             “ผมขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่าไม่ได้พูดบนผลประโยชน์ส่วนตัว เพราะผมเชื่อว่าโดยคุณสมบัติที่ผมมีอยู่ผมไม่น่าจะมีปัญหา ผมยืนยันประโยคนี้ ถ้าผมพูดโดยประโยชน์ส่วนตัวผมต้องเกรงว่าผมจะขาดคุณสมบัติ แต่ผมยืนยันว่าภายใต้คุณสมบัติที่อยู่ในรัฐธรรมนูญ ผมทำงานภาคประชาสังคมมามากกว่า 24 ปี นับย้อนหลังไปช่วงการสรรหา 21 ปี ก็เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ดังนั้นผมไม่ได้เป็นห่วงเรื่องส่วนตัว เว้นแต่ท่านจะตีความหมายเป็นอย่างอื่น” นายสมชัย กล่าว

             ผู้สื่อข่าวถามว่านายศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต.ให้ความเห็นสนับสนุนการกำหนดคุณสมบัติใหม่ นายสมชัย กล่าวว่า ต้องไปถามท่าน ตนไม่สามารถให้ความเห็นได้ 

            ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีกรรมการบางคนต้องพ้นตำแหน่งจะกระทบการเลือกตั้งปีหน้าหรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า ตอนนี้ที่มีชื่อที่ถูกเล็งอยู่ในข่ายคือตนกับนายประวิช รัตนเพียร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม ส่วนตนไม่มีปัญหาเพราะได้เตรียมการมาพอสมควร คงจะเดินหน้าต่อไปได้ ส่วนนายประวิชก็ได้ทำงานอย่างเข้มแข็งมาโดยตลอด เป็นเรื่องของสำนักงานที่จะสานนโยบายต่อไป

              ส่วนหากร่างกฎหมายไปถึงสนช.กกต.จะทำข้อเสนอส่งไปสนช.หรือไม่นั้น นายสมชัย กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับที่ประชุม กกต.ว่าจะให้ความเห็นหรือไม่ วันนี้ตนอยากให้ กกต.มองปัญหาที่เกิดขึ้นจริงบนพื้นฐานประสบการณ์การทำงาน ให้ความเห็นอย่างตรงไปตรงมาว่าสิ่งที่เขียนมาใช้ได้หรือใช้ไม่ได้ ไม่อยากให้เป็นวัฒนธรรมองค์กรที่ว่าแล้วแต่เขาจะเขียนให้อย่างไรก็เอาตามนั้น คนคิดแบบนี้ไม่ควรจะทำงานเป็น กกต. เราควรเอาประสบการณ์สะท้อนข้อเท็จจริงว่ารูปแบบดังกล่าวมีปัญหาอย่างไร ก่อให้เกิดผลดีทางการเมืองหรือไม่ ถ้าดีกว่าเดิมก็ต้องสนับสนุน ถ้าแย่กว่าเดิมก็ต้องกล้าให้ความเห็น ไม่ใช่ติดยึดตำแหน่งของตัวเองว่าพูดไปแล้วจะกระทบหน้าที่ตำแหน่งของตัวเอง