
"ยิ่งลักษณ์"ลุยอุบลฯซับน้ำตาชาวนา
"ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”เดินทางไปอุบลฯเยี่ยมชาวนาดูราคาข้าวตก พร้อมกว้านซื้อข้าวแจกอดีต สส.เพื่อไทยคนละ 5 กก.
วันนี้(3พ.ย.) หน้าเฟซบุ๊ก อุบลวันนี้ ได้โพสต์ภาพ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมโพสต์ข้อความว่า "อดีตนายกยิ่งลักษณ์ ซื้อข้าวที่อุบลฯ บริเวณร้านข้าวต้มตี๋อำนวยโชค" โดยนางสาวยิ่งลักษณ์ เดินทางมาจ.อุบลราชธานี เพื่อพบปะพูดคุยและชื้อข้าวสารจากชาวบ้านที่นำข้าวสารมาวางขายที่ร้านข้าวต้มตี๋อำนวยโชค เขตเทศบาลนครอุบลราชธานี ซึ่งการเดินทางมาอุบลฯครั้งนี้ มีอดีต สส.อุบลราชธานี คอยอำนวยความสะดวกให้ตลอด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(3พ.ย.) เวลา 09.00 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางด้วยเครื่องบินมาที่สนามบินนานาชาติจ.อุบลราชธานี โดยมีอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ทั้งนายเกรียง กัลป์ตินันท์ นายสมบัติ รัตโน นายสมคิด เชื้อคง พร้อมสมาชิกพรรคในจ.อุบลราชธานี รอต้อนรับที่สนามบิน ก่อนเดินมาหน้าโรงเรียนเทศบาล 3 สามัคคี ถ.แจ้งสนิท ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี เพื่อทักทายกลุ่มชาวนาที่มาจาก อ.เดชอุดม ม่วงสามสิบ เหล่าเสือโก้ก เขื่องใน และเขตอำเภอเมือง ประมาณ 20 ราย ซึ่งสีข้าวสารมะลิรวมกันประมาณ 3 ตัน มานั่งจำหน่ายอยู่ริมรั้วหน้าโรงเรียนดังกล่าว
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้พูดคุยสอบถามเรื่องราคาซื้อขายข้าวระหว่างชาวนากับโรงสี ซึ่งได้รับคำตอบว่าราคาข้าวเปลือกในปีนี้ตกต่ำลงมาก โดยข้าวเปลือกสีใหม่สด โรงสีรับซื้อที่กิโลกรัมละไม่เกิน 7 บาท ตามความชื้นของข้าว หรือบางรายที่ยังมีน้ำเปียกเครื่องไม่สามารถตรวจวัดความชื้นได้ โรงสีจะหักร้อยละ 10 ของข้าวเปลือกที่นำไปขายให้ ทำให้ชาวนารวมกลุ่มนำข้าวเปลือกที่เก็บเกี่ยวไปตากแห้ง แล้วนำไปให้โรงสีในหมู่บ้านสีเป็นข้าวสารนำมาขายกิโลกรัมละ 20 บาท เมื่อหักต้นทุนค่าผลิต ค่าสีและค่าขนส่งชาวนายังได้กำไร เพิ่มจากการขายข้าวสารอีกกิโลกรัมละ 5 บาท จึงดีกว่านำไปขายให้โรงสีเหมือนที่ผ่านมา
ซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้พูดคุยและรับปากหากมีโอกาสกลับมาเป็นรัฐบาลอีกจะช่วยดันราคาข้าวของชาวนาให้สูงขึ้นอีกครั้ง พร้อมได้ซื้อข้าวสารจากกลุ่มชาวนาที่นำมาวางขายมอบให้กลุ่ม ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่ติดตามมาคนละ 5 กิโลกรัม เพื่อเป็นการช่วยเหลือ หลังจากนั้นได้เข้าเยี่ยมชาวนาที่นำข้าวสารไปวางขายที่หน้าโรงเรียนอุบลวิทยาคม และหน้าธนาคารกรุงไทย จำกัด สาขาตลาดบ้านดู่ ต.ในเมือง ก่อนจะเดินทางไปเยี่ยมชมโรงสีชุมชน บ้านยางชุม ต.ศรีณรงค์ อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ เพื่อดูผลผลิตข้าว และตรวจสอบราคาข้าว และเดินทางกลับกรุงเทพฯในเย็นวันเดียวกัน
น.ส.นวล พันธุ์เภา อายุ 46 ปี ชาวนาจาก อ.เหล่าเสือโก้ก กล่าวถึงการนำข้าวมาขายเอง เพราะทำให้ได้ราคาสูงขึ้นกว่าการขายข้าวเปลือก จะได้มีเงินเหลือไปใช้หนี้สินที่กู้ยืมมาปลูกข้าว และต้องการให้รัฐบาลช่วยดันราคาข้าวเปลือกให้สูงขึ้นกว่านี้ เพราะชาวนากำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างมากในปีนี้



