ข่าว

"นริศร”แจงหลังผ่าตัดมือยุกยิกเสียบบัตรหลายครั้ง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

“นริศร”แจงสนช.หลังผ่าตัดมือยุกยิก ชอบเสียบบัตรตัวเองหลายครั้ง ปัดเสียบแทนคนอื่น ด้าน “อุเดมเดช” ยันทำตามขั้นตอนถูกต้อง

 

          28 ต.ค. -- มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) โดยมีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช.คนที่หนึ่ง  ทำหน้าที่ประธานในการประชุม เพื่อดำเนินการกระบวนการถอดถอนนายนริศร ทองธิราช อดีตส.ส.สกลนคร พรรคเพื่อไทย ออกจากตำแหน่ง กรณีใช้บัตรลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ลงคะแนนแทนบุคคลอื่น ตามมาตรา 6 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557  ประกอบมาตรา 64 แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ซึ่งเป็นขั้นตอนซักถามของคณะกรรมาธิการซักถาม ทั้งนี้ที่ประชุมมีการเปิดคลิปบันทึกภาพการเสียบบัตรลงคะแนนของนายนริศร ที่ใช้บัตรลงคะแนนถึง 3 ใบในการประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 10 ก.ย.และวันที่ 11 ก.ย. 2556  ด้วย
            น.ส.สุภา ปิยะจิตติ ป.ป.ช. ตอบข้อซักถามว่า ได้มีการตรวจสอบคลิปทั้งหมดจนเชื่อได้ว่าเป็นของจริง ไม่มีการตัดต่อและจากการสอบถามเจ้าหน้าที่สภาฯ พบว่า นายนริศรมีบัตรลงคะแนนเพียงใบเดียว ไม่มีการออกบัตรสำรอง ดังนั้นแสดงให้เห็นว่านายนริศรใช้บัตรลงคะแนนเกิน 1 ใบ ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ว่าอีก 2 ใบที่เหลือนั้นเป็นบัตรของใคร เพื่อจะได้จะดำเนินการต่อไป ส่วนการลงโทษทางคดีอาญานั้นถือว่านายนริศรมีความผิดตามมาตรา 123 และ123/1 ของกฎหมายป.ป.ช. เป็นการใช้ตำแหน่งหน้าที่เพื่อให้คนอื่นได้ประโยชน์ ทั้งนี้ ป.ป.ช.ได้ส่งเรื่องไปยังอัยการเพื่อให้ดำเนินการส่งเรื่องไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองดำเนินการต่อไป โดยมีบทลงโทษจำคุก 1-10 ปี หรือทั้งจำและปรับ
            นายนริศร กล่าวว่า ภาพในคลิปนั้นเป็นตนจริง ยอมรับว่าการฝากบัตรนั้นไม่ใช่เฉพาะนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร และนายคมเดช ไชยศิวามงคล อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยเท่านั้น แต่ยังมีมาฝากอีกหลายคน แต่ยืนยันว่าได้กดบัตรใบเดียวซึ่งเป็นบัตรของตัวเอง ไม่เคยเสียบบัตรให้ใคร อย่างไรก็ตาม ตนเป็นโรคประสาท ชอบเสียบบัตรของตัวเองหลายใบ เพราะเป็นคนขี้ลืม โดยเฉพาะหลังจากผ่าตัดลิ้นหัวใจรั่วเมื่อปี 2554 นั้น ทำให้มือยุกยิก อยู่ไม่เป็นสุข ไม่อยู่นิ่ง ทั้งนี้ ตนเป็นคนมีเกียรติและศักดิ์ศรีในความเป็นส.ส. ดังนั้นจะมารับจ้างคนอื่นเสียบบัตรเพื่ออะไร แต่สงสัยว่าคลิปดังกล่าวมีการตัดต่อหรือไม่ โดยจะทำเรื่องถึงประธานสนช.เพื่อขอคลิปไปตรวจสอบ เพราะช่างภาพที่ไม่ยอมเปิดเผยชื่อนั้นเป็นบุคคลนิรนามที่อาจจะมาทำลายเกียรติและศักดิ์ศรีขององค์กรนิติบัญญัติได้ อีกทั้งกรณีคลิปการกล่าวหานายยุทธพงศ์นั้นก็มีการพิสูจน์แล้วว่ามีการตัดต่อ ซึ่งนายยุทธพงศ์ได้ฟ้องดำเนินคดีกับคนเผยแพร่คลิปแล้วด้วย
            จากนั้นคณะกรรมาธิการฯ ได้ซักถามคดีของนายอุดมเดช รัตนเสถียร อดีตส.ส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย กรณีสลับสับเปลี่ยนร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่มาส.ว.โดยกรรมาธิการฯ ซักถามป.ป.ช.ว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ยื่นต่อประธานสภาฯ เมื่อวันที่ 20 มี.ค.56 กับ 27 มี.ค.56 เมื่อเทียบกันแล้วแตกต่างอย่างไร และเป็นการเอื้อประโยชน์ให้ส.ว.ที่หมดวาระแล้วสามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้โดยไม่ต้องเว้นวรรคหรือไม่และการที่นายอุดมเดชอ้างว่า 4 สำนวนถอดถอนอดีตประธานรัฐสภา อดีตรองประธานรัฐสภา และอดีตสมาชิกรัฐสภาสนช.มีมติไม่ถอดถอนนั้น นำมาเทียบเคียงได้กับสำนวนนี้หรือไม่
            น.ส.สุภา ตอบข้อซักถามดังกล่าวว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่นายอุดมเดชเสนอฉบับแรกกับฉบับหลังมีความแตกต่างกันถึง 3 จุด คือเรื่องหลักการ เนื้อหาในมาตรา 5 และเนื้อหาในมาตรา 6 ที่เสนอแก้ไขมาตรา 116 วรรค 2 ของรัฐธรรมนูญ 50 เข้ามาด้วย ซึ่งเป็นการแก้ไขเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ส.ว.ที่พ้นวาระสามารถสมัครรับเลือกตั้งได้โดยไม่ต้องเว้นวรรค 2 ปี แม้ว่าข้าราชการของรัฐสภาจะให้การว่า ขั้นตอนการสลับเปลี่ยนร่างสามารถทำได้ก่อนที่ประธานรัฐสภาจะบรรจุระเบียบวาระเพราะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ แต่เนื่องด้วยร่างที่นำมาแก้ไขมีการเปลี่ยนแปลงหลักการสำคัญ ไม่ใช่ข้อผิดพลาดเล็กน้อย ป.ป.ช.จึงเห็นว่า จะเอาเหตุเรื่องธรรมเนียมปฏิบัติมาเทียบเคียงไม่ได้ ส่วนการที่นายอุดมเดชยกกรณีที่สนช.ไม่ถอดถอน 4 สำนวนมากล่าวอ้างนั้นไม่สามารถเทียบเคียงได้ เพราะกรณีของนายอุดมเดชเป็นความผิดเฉพาะตัว เพราะนำร่างที่มีการเปลี่ยนแปลงมาสลับโดยที่ไม่มีสมาชิกรัฐสภารับรองแม้แต่คนเดียว
            จากนั้นคณะกรรมาธิการฯ ได้ซักถามนายอุดมเดชว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาของส.ว.เป็นการเอื้อประโยชน์ให้อดีตส.ว.ที่กำลังจะพ้นวาระหรือไม่ เหตุใดร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่มาส.ว.ที่ยืนต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 20 มี.ค.56 จึงมีสาระสำคัญไม่ตรงกับสำเนาที่แจกในการประชุมร่วมรัฐสภาถึง 3 จุด ทั้ง ๆ ที่ตัวเลขรับเดียวกันและเหตุใดจึงไม่ดำเนินให้ถูกต้องตามกฎหมายโดยนำฉบับแก้ไขไปให้สมาชิกรับรองใหม่    
            นายอุดมเดช ตอบข้อซักถามว่า เป็นคำถามที่มีความเข้าใจคลาดเคลื่อน ยืนยันว่าไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้อดีตส.ว.เพราะเป็นการให้โอกาสประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจมีตัวเลือกเพิ่มในแต่ละพื้นที่ และคนเก่าลงสมัครก็ไม่ได้หมายความจะต้องได้รับเลือกตั้งโดยอัตโนมัติ อีกทั้งหลักการดังกล่าวก็ได้แถลงข่าวจนสื่อนำไปเสนอจนรับรู้ทั่วกันแล้ว เมื่อมีข้อท้วงติงจากสมาชิกรัฐสภาว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับแรกที่เสนอไปมีข้อบกพร่อง ไม่เป็นไปตามที่หารือกันและที่ได้แถลงข่าวไว้ จึงเสนอร่างเข้ามาใหม่ โดยที่เจ้าหน้าที่ก็ยืนยันว่าทำได้ เพราะตราบใดที่ประธานรัฐสภายังไม่ได้บรรจุระเบียบวาระถือว่ายังอยู่ในมือของสมาชิกอยู่ ยังแก้ไขได้ ยืนยันว่า ร่างรัฐธรรมนูญมีร่างเดียว และไม่ได้ทำตามอำเภอใจหรือเปลี่ยนแปลงรูปแบบของรัฐ แต่เป็นการแก้ไขเพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของผู้ร่วมเสนอ
             จากนั้นนายสุรชัยได้นัดประชุมสนช.เพื่อรับฟังการแถลงปิดสำนวนด้วยวาจาของคู่กรณีในวันที่ 3 พ.ย. และลงมติถอดถอนหรือไม่ถอดถอนในวันที่ 4 พ.ย.
            ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า การซักถามของคณะกรรมาธิการซักถามนั้น เป็นคำถามที่ถามโดยนายสมชาย แสวงการ สมาชิกสนช. คนเดียวทั้ง 19 คำถาม


 
 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ