ข่าว

“บิ๊กตู่”ยอมรับรัฐบาลนี้กลายเป็นการเมืองแล้ว

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

แต่ยังอ้างเป็นการเมืองในแบบของตัวเอง

 

            เมื่อเวลา10.00น. วันที่21ตุลาคม ที่ชาเลนเจอร์ อิมแพค เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าความรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวตอนหนึ่งระหว่างเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมสัมมนา และมอบนโยบายในการจัดทำงบประมาณในลักษณะบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2561ว่า การประชุมครั้งนี้เป็นความต่อเนื่องหลังจากที่ได้คุยกันแล้วถึงสองครั้งว่าจะทำให้แผนพัฒนาฉบับที่12และยุทธศาสตร์ชาติเดินหน้าไปได้อย่างไร ให้เป็นรูปธรรม การทำงานในวันนี้ไม่ได้อยู่ที่นายกฯ รองนายกฯ ผอ.สำนักงบประมาณ หรือใครคนใดคนหนึ่ง แต่อยู่ที่พวกเราทุกคน ทั้งข้าราชการ ภาครัฐและประชาชนทุกคน ซึ่งจะต้องร่วมมือและเดินไปด้วยกันในทิศทางเดียวกัน ตนไม่ได้บังคับให้เป็นไปตามที่พูด ซึ่งการทำงานในวันนี้ต้องเอาอนาคตเป็นตัวกำหนด แม้จะมีแผนแต่ไม่มีวิธีปฏิบัติก็ไม่มีความหมาย ก็จะกลายเป็นปัญหาเหมือนในอดีตที่ผ่านมา ที่ประเทศไทยมีรัฐธรรมนูญมาหลายฉบับ ทั้งกฎหมายลูก และกฎหมายฉบับต่างๆไม่ได้รับการแก้ไขให้สมบูรณ์ ทันสมัย มีความเป็นสากล ถือเป็นสิ่งสำคัญ และสุดท้ายอยู่ที่คน เพราะการพัฒนาคนเป็นสิ่งสำคัญ ตนเข้าใจดีว่า แต่ละรัฐบาลและองค์กรต่างก็มีวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง แต่เราต้องปรับปรุง บูรณาการร่วมกัน วันนี้ประเทศกำลังอยู่ในระหว่างสองทางแยก คือจะล้มเหลวต่อไปหรือไม่ หรือว่าจะมีอนาคตที่รุ่งโรจน์ ขึ้นอยู่กับช่วงเวลานี้ เราจึงจำเป็นที่จะต้องมาพูดคุยกันเพื่อกำหนดทิศทาง ในการเดินหน้าประเทศ การทำงานฝ่ายการเมือง

          “รัฐบาลนี้เข้ามาทำงานในแบบของเราแต่ก็กลายเป็นการเมือง แต่เป็นการเมืองในแบบของเรา เราจำเป็นต้องมีประชาธิปไตยในแบบของเรา ที่ไม่มีความขัดแย้ง มีความสมดุลกับต่างประเทศ ทั้งหมดต้องสร้างความเข้าใจ และรักษาสิ่งที่เราต้องการไว้ให้ได้มากที่สุด เพราะเราเป็นประเทศที่มีความภาคภูมิใจ มาโดยตลอด เป็นประเทศที่มีอิสระเสรี แม้บางครั้งจะมากไป แต่ก็ต้องค่อยๆแก้เพราะไม่มีใครผิดหรือถูก เว้นแต่กฎหมายจะชี้ชัดออกมา ผมต้องการให้ประเทศมีทิศทาง มีธรรมาภิบาล มีการตรวจสอบถ่วงดุล โปร่งใสและมีประสิทธิภาพ ในการใช้จ่ายงบประมาณ เราไม่ใช่ประเทศที่ร่ำรวย แต่เราต้องการให้ประเทศมีรายได้สูงขึ้น ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับข้าราชการทุกคน เพราะประชาชนต่างรอความหวัง หลายอย่างอาจจะไม่เข้าใจ และต้องการผลที่รวดเร็ว แม้รัฐบาลจะทำให้ไม่ได้ทั้งหมดแต่จะพยายามทำให้ได้มากที่สุด มีความเชื่อมโยงถึงอนาคต ไม่ใช่ปล่อยให้ขาดวิ่น หรือขึ้นอยู่กับว่าใครจะมาทำหรือเป็นรัฐบาล เพราะถ้าปล่อยไว้ปัญหาก็จะเป็นเช่นนี้ตลอด”พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

           พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ประเทศเราอยู่ได้ด้วยการบริหารราชการแผ่นดิน รัฐบาลและธรรมาภิบาล โดยมีข้าราชการนำไปสู่การปฏิบัติ รัฐบาลต้องบริหารงานให้สอดคล้องกับความต้องการและงบประมาณของแผ่นดิน ซึ่งบางอย่างต้องปรับแก้ แต่ต้องสร้างความรับรู้ให้ประชาชนและสังคม วันนี้ต่างประเทศมองดูว่าประเทศไทยจะเดินไปอย่างไร และเราขัดแย้งกับประชาธิปไตยสากลไม่ได้ เพราะเราเป็นประเทศประชาธิปไตย เราต้องทำให้ประชาธิปไตยของไทยเข้มแข็ง ซึ่งจะต้องเป็นความเข้มแข็งทั้งในแบบสากลและแบบของไทย อย่างที่ประเทศไทยต้องการ โดยต้องไม่มีความขัดแย้ง ปัญหาต่างๆจะเกิดขึ้นอีกไม่ได้นับแต่นี้เป็นต้นไป เพราะทุกคนคงไม่อยากและไม่ยอมให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นอีก

            นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การทำงานวันนี้จะต้องมองอนาคตตามยุทธศาสตร์20ปี การจัดสรรงบประมาณต้องเป็นไปตามข้อมูลข้อเท็จจริง เพราะร้อยละ40ถึง50เป็นประชาชนผู้มีรายได้น้อย ดังนั้น จึงต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพื่อจัดสรรงบประมาณลงไปให้ถูกต้อง วันนี้เอาแค่1ปีก่อน ในช่วงเวลาของตนที่อยู่ตามโรดแมปจนถึงปี2560เพราะ2ปีที่ผ่านมาเป็นการปูพื้นฐาน เราต้องวางแผนปฏิรูปต่อไปถึง20ปี การปฏิรูปคือการทำใหม่ทั้งหมด อะไรไม่ดีก็ต้องแก้ไข สิ่งที่ยังไม่เริ่มก็ต้องเริ่ม ส่วนของที่เป็นโบราณก็ต้องแก้ไข ถึงจะถือเป็นการปฏิรูปประเทศ แต่ไม่ใช่ว่าสั่งวันนี้แล้วทุกอย่างจะเสร็จ สิ่งที่เป็นปัญหาให้ทำงานกันไม่ได้ คือความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจของประชาชนและสังคม ที่รัฐบาลนี้อยู่เพราะไม่ต้องการให้เกิดปัญหาเหมือนเดิม ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับความไม่ไว้วางใจว่าจะมีการทุจริตคอร์รัปชั่น การเอื้อประโยชน์ เพราะถ้าเจอปัญหาดังกล่าว ขอให้มีการสอบสวนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ดังนั้น การทำงานต้องสร้างความรับรู้แก่ประชาชนให้เกิดความเข้าใจ อย่าปล่อยให้ประชาชนเกิดความหวาดระแวง และเมื่อได้มีโอกาสไปต่างประเทศตนก็พยายามชี้แจงทำความเข้าใจ ว่าเรากำลังอยู่ในช่วงการพัฒนาประเทศ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือและสนับสนุนซึ่งกันและกัน

           นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ความจริงประเทศไทยวันนี้ต้องก้าวหน้าไปไหนสักดวงดาว แต่ทำไมยังอยู่ที่เดิม เราได้ใช้ศักยภาพที่มีอยู่ทั้งหมดครบถ้วนหรือยัง จึงต้องกลับมาสู่การบูรณาการ ทุกคนต้องเรียนรู้ ตนยังต้องเรียนรู้เพราะเป็นทหารมาตลอดชีวิตเมื่อต้องเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ก็ต้องเรียนรู้ ต้องศึกษาต้องอ่านหนังสือดูโทรทัศน์ ฟังข้อมูลจากต่างประเทศและนำมาประมวล นั่นคือความแตกต่างของการเป็นผู้นำทั้งหมดไม่ใช่เฉพาะตน เป็นผู้นำไปสู่ความเจริญในอนาคต เพราะทุกคนคือห่วงโซ่เดียวกันวันนี้แผนทุกอย่างมีมากมายแต่ทำอย่างไรให้แผนเหล่านั้นสอดคล้องกันโดยต้องประสานกันทุกกระทรวง อย่าเอาแผนเดิมที่เคยเสนอมาตลอดหลายสิบปี กลับมาเสนอใหม่ จะทำให้ไม่จบเสียที เสียเวลา แต่การดำเนินการอย่างเดิมต้องค่อยผ่อนคลาย ไม่เดือดร้อน และเร่งทำของใหม่ขึ้นมา ก็จะทำให้เกิดความต่อเนื่องเชื่อมโยง

            พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาทั้งรัฐบาลและคสช. คิดด้วยกันมาตลอด ไม่เช่นนั้นคงทำงานไม่ได้ถึงวันนี้ หากทำแบบเดิมเซ็นส่งเดชก็จะเหมือนเดิม ในเมื่อทุกคนให้ตนมาทำตรงนี้หรือให้หรือเปล่าไม่รู้ แต่ให้ ไม่ให้ ก็จะทำเพื่อแผ่นดินเพื่อประเทศ ของตนและพวกท่าน ตนหวงความจงรักภักดีหรืออะไรต่างๆไว้คนเดียวหรือ ซึ่งคนไทยทุกคนต้องเป็นอย่างตน เอาในส่วนที่ดี สิ่งที่ไม่ดีอย่าเอาเป็นตัวอย่าง เพราะตนไม่ดีสุดยอดอยู่แล้ว สิ่งสำคัญถ้าเราคิดว่าประชาชนคือศูนย์กลางทุกอย่างจะทำได้หมด ตั้งแต่เข้ามาสั่งงานไปกว่าพันเรื่อง สั่งล่วงหน้าไปยี่สิบปีแล้ว ตอนนี้ปัญหาคือทำได้แค่ไหน คนทำก็คือแต่ละกระทรวงไม่ใช่ตน ที่มีหน้าที่กำกับดูแลอำนวยความสะดวก ดังนั้นต้องช่วยไม่ให้เกิดความขัดแย้ง

              นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การจะทำอะไรก็ตามใช้อำนาจและกฎหมายอย่างเดียวไม่ได้ ดังนั้นต้องคิดว่าจะช่วยกันอย่างไร ซึ่งทุกวันตนไม่เคยหยุดคิด อ่านและคิดวิเคราะห์ทุกวัน ถึงมีเรื่องจะพูดทั้งวัน วันนี้เราหยุดอะไรไม่ได้เลย รัฐมนตรีทุกคนทำงานไม่มีหยุด เพราะตนสั่ง ดังนั้นปลัด อธิบดีทุกกระทรวงต้องมีวิสัยทัศน์กรอบการทำงาน โดยนำนโยบายกรอบใหญ่ไปคิดเพิ่ม

             “รัฐบาลวันหน้าหรือต่อๆไปต้องเป็นรัฐบาลที่มีหน้าที่อำนวยความสะดวกกำหนดนโยบาย สร้างความร่วมมือ ขจัดอุปสรรคต่างๆทั้งหมดให้กับการทำงาน หน้าที่รัฐบาลมีแค่นั้น ส่วนเอกชนมีหน้าที่นำสิ่งที่รัฐบาลเปิดไว้แล้วไปเดินคู่ขนาน ไม่ใช่อะไรก็รัฐบาล หากไม่ทำก็จบหมด จึงมีคำกล่าวจากภาคธุรกิจเอกชนว่าที่ผ่านมาแทบไม่ได้พึ่งรัฐบาล เขาทำของเขาเอง ผมคิดว่าเป็นคำพูดที่น่าอับอาย เพราะมีผลกระทบถึงข้าราชการทุกคน นั่นคือสิ่งที่อยากให้คิด แต่มันคงไม่ถูกนัก เราก็ทำแต่มันไม่ตรงกับที่เขาต้องการ ฉะนั้นต้องเกิดการบูรณาการอย่างแท้จริง วันหน้าจะต้องเกิดทั้งรัฐบาล พรรคการเมือง ข้าราชการ ประชาชน ต้องเดินไปด้วยกัน” นายกฯ กล่าว

            พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทั้งหมดคือหลักการกว้างๆที่แต่ละกระทรวงต้องคิดทั้งเรื่องความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม กฎหมายกระบวนการยุติธรรม การต่างประเทศ รวมถึงวาระแห่งชาติต่างๆที่กำหนดไว้ หากเราไม่วางยุทธศาสตร์ในการเดินก็จะกลับไปที่เดิม เสียเวลา มันอยู่ระหว่างล้มเหลวกับรุ่งโรจน์ขึ้นอยู่กับเรา มันคืออนาคตประเทศไทย ซึ่งท่านจะมีส่วนร่วมในการสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ แต่อย่าลืมประวัติศาสตร์ของไทย ชาติไทยมีสถาบันกษัตริย์ยาวนาน7-8ร้อยปี ทุกวันนี้อยู่ได้เพราะสถาบันพระมหากษัตริย์เริ่มต้นไว้ทั้งสิ้น แม้โลกจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร เราต้องไม่ลืมรากเหง้าตัวเอง อะไรที่ไม่ดีอย่าให้เกิดอีก อะไรไม่ดีก็สานต่อ อย่างที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงทำตลอดมา เป็นหลักทศพิศราชธรรม ซึ่งเราต้องให้ประชาชนรู้อนาคตใน1-5ปีจะเกิดอะไรขึ้น ตนต้องการภาพทั้งประเทศ แต่ละกระทรวงมีแผนแม่บทอย่างไร รวมถึงกองทัพว่ามีแผนพัฒนาอย่างไร ทุกกระทรวงมีแผนมีงบประมาณแต่อาจไม่มีกำลังคน จึงมีการจัดซื้อจัดจ้างมากมายก็ทำไปแต่ทหารพร้อมที่จะออกมาทันที เพราะนโยบายทหารตำรวจ ข้าราชการต้องเป็นที่พึ่งประชาชนในทุกโอกาสไม่ว่าสุขทุกข์ ฉะนั้นต้องพึ่งพาอาศัยกันทั้งทหารตำรวจ คนไม่ดีมันมี ไม่ดีก็ขจัดปรับออกไป แต่มนุษย์เป็นไปไม่ได้ว่าเลวหรือดีทั้งหมด แต่ละจังหวัดก็มีพ่อเมืองคือผู้ว่าราชการจังหวัด

            นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มันติดอะไรไม่รู้หลายๆอย่าง จากนี้ไปทุกรัฐบาลต้องเป็นรัฐบาล4.0เชื่อมแผนแม่บทเดิมและใหม่ เน้นการทำให้เกิดรายได้ อาชีพ และต้องสร้างคน เพราะเราใช้กฎหมายและเครื่องมืออย่างเดียวไม่ได้ รวมถึงต้องสร้างความเข้าใจ เนื่องจากบางคนทำเพราะความเคยชิน และอย่าไปว่าเขา กับประชาชนที่มีรายได้น้อย เพราะเราทำให้เขาเป็นแบบนี้ เราผ่านวันเวลามาร่วมกัน เป็นความชอบร่วมกัน โทษใครไม่ได้ เพราะเรามีประชาธิปไตยแบบนี้ ที่ผ่านมาเลือกเขามา แล้วเขาทำได้แบบนี้แล้วเราก็เลือกเขาไปเรื่อยๆ มันก็จะเป็นแบบนี้หรือเปล่า ตนไม่รู้ อย่าหาว่าตนไปว่านักการเมือง ตนไม่อยากพูดเรื่องการเมือง ปลัดกระทรวงการคลังงานหนักไปหรือเปล่า ขาหักไปแล้ว หรือถูกใครลอบตี แน่นอนมันต้องมีคนเจ็บตัว มันต้องมีคนเปลืองตัวบ้าง ถูกด่าถูกว่า ข้าราชการหลายคน หลายหน่วยไม่ค่อยมีกำลังใจ ตนก็ให้กำลังใจบอกให้ใจเย็นดูแลกัน แต่อย่าให้มันเกิดขึ้นอีก เห็นใจ ก็ต้องดูแลจะทำอย่างไร ซึ่งยังไม่รู้ว่ากฎหมายจะว่าอย่างไร

            นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นอกจากนี้ การสร้างความเข้าใจเป็นเรื่องสำคัญ เราต้องอธิบายเขาให้ได้ว่าเราทำเพื่ออะไร เพราะถ้าไม่อธิบายก็กลับสู่ขัดแย้งเหมือนเดิม เพราะมีคนต้องการนำสิ่งต่างๆเหล่านี้กลับมาสร้างความขัดแย้ง สิ่งที่ทำทุกอย่างวันนี้ เพราะต่างประเทศก็จับตาดูอยู่ทุกวันว่า ประเทศไทยจะไปอย่างไร ตนถึงบอกว่ามันอยู่ระหว่างล้มเหลวกับรุ่งโรจน์ แต่วันนี้เขารับได้ว่าเรามีการพัฒนา ปรับปรุง เริ่มมาติดต่อการค้าการลงทุนเต็มไปหมด แต่เขาก็จะดูรู้ว่าประเทศไทยสงบหรือยัง มีเสถียรภาพหรือไม่ สำหรับรายการคืนความสุขให้คนในชาติในวันนี้ ตนได้เปลี่ยนชื่อรายการใหม่ เพราะเรากำลังอยู่ในช่วงทุกข์โศกเป็น“ศาสตร์พระราชาสู่การปฏิบัติอย่างยั่งยืน”โดยนำสิ่งที่เราทำผ่านมา3ปีมาดูว่าตรงกับสิ่งที่ท่านทรงมีพระราชดำริอย่างไร แล้วจะเข้าใจสิ่งที่รัฐบาลเดินมาทั้งหมดเป็นอย่างไร เข้าแนวทางพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทุกพระองค์ ต่อไปนี้สื่อเสนอข่าวแบบนี้

           พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องกฏหมาย กระบวนการยุติธรรม สังคม เด็กแว๊นต้องช่วยกันแก้ปัญหา ดูแล มิเช่นนั้นจะถูกจับกุมดำเนินคดีแล้วก็ไม่เคยเข็ด ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้ลำบาก ตำรวจเองก็ไม่อยากจับแล้วก็ต้องปล่อย ทำให้กฎหมายเสื่อมไปโดยเจตนา ทุกคนต้องกลับเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แก้ปัญหาในเชิงนิติศาสตร์ก่อน ค่อยแก้ไขปัญหาอย่างรัฐศาสตร์ ไม่ใช่เอาทั้งหมดมาตีกันจนเกิดความขัดแย้ง ถามว่าประชาชนรักตำรวจกี่เปอร์เซ็นต์ รู้หรือไม่ว่าทำไมประชาชนไม่ชอบตำรวจ เพราะตำรวจเป็นผู้ถือกฎหมาย เป็นคนต้องรบกับประชาชน จับประชาชน ทำไมประชาชนรักทหารมากกว่าตำรวจ ตนไม่เห็นด้วยกับตรงนี้ เพราะอยากให้รักเท่ากัน เพราะทหารไม่ได้ไปจับประชาชน จึงอยากให้เข้าใจเพราะไม่มีใครต้องการทำร้ายประชาชน และส่วนตัวยิ่งไม่เคยคิด

            นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ต้องขอความร่วมมือจากพรรคการเมืองทุกพรรค ซึ่งประชาชนต้องเรียนรู้ว่าจะอยู่กับรัฐบาลได้อย่างไร หากปัญหายังคงเป็นเหมือนเดิมจะอันตรายต่อข้าราชการและประชาชน ดังนั้น ประชาชนซึ่งมีอำนาจเป็นของตัวเองต้องเรียนรู้ หากไม่เกิดปัญหาขึ้นในประเทศไทย ตนคงไม่เข้ามา ไม่อยากให้เกิดปัญหาเกิดขึ้นอีก ประชาชนต้องมีความเข้มแข็ง มีมาตรการป้องกันตัวเอง วันนี้ไม่อยากให้มีประเด็นการเมือง ประเทศไทยมีแต่คนอยากเข้ามาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เพราะเป็นที่ที่ดีที่สุด แต่ก็ยังมีคนที่ไม่อยากอยู่เหมือนกัน ซึ่งเป็นคนไทยบางคน ที่ไปอยู่ต่างประเทศแล้วยังด่าประเทศตัวเองทุกวัน ตรงนี้ตนทนไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ว่าใคร สื่อวันนี้อย่าเขียนเรื่องการเมือง เพราะวันนี้ไม่มีเรื่องการเมือง เขียนเฉพาะเรื่องที่รัฐบาลได้ทำงาน แนวทางพระราชดำริ ให้เข้ากับสถานการณ์ อย่าเพิ่งรบกันเลย ขอเวลาก่อน ขอทำความสงบหน่อย รัฐมนตรีก็ต้องช่วยกัน อย่าเป็นอื่น อย่าชอบไม่ชอบใคร อย่าเกลีียดคนนั้นคนนี้ พอได้แล้ว ถ้าจะเกลีียดให้เกลีียดตัวเอง จะได้ไม่เดือดร้อนคนอื่น

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ