ข่าว

“รัฐบาล”ของดเผยแพร่ข่าวบิดเบือน-ภาพขัดแย้ง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

"รัฐบาล”ขอความร่วมมือ“ปชช.คำนึงถึงบรรยากาศประเทศรวมพลังรักสามัคคี-ความเข้าใจ วอน อย่าทำร้ายกัน  ขอทุกภาคส่วนทั้งใน-ตปท.งดเผยแพร่ส่งต่อข่าวบิดเบือน-ภาพขัดแย้ง

 

          20 ต.ค. -- พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการใช้กำลังรุมทำร้าย ผู้ที่มีพฤติกรรมเข้าข่ายละเมิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งที่ตั้งใจหรือเข้าใจผิด ว่า รัฐบาลขอให้ทุกคนทุกฝ่ายคำนึงถึงบรรยากาศ ที่ประเทศกำลังอยู่ในช่วงของการแสดงความอาลัย ประชาชนส่วนใหญ่ ยังมีจิตใจเศร้าโศก จึงต้องการพลังรักสามัคคี และความเข้าใจซึ่งกันและกัน เพื่อร่วมกันก้าวผ่านจุดนี้ไปให้ได้นายกฯเข้าใจดีถึงความรู้สึกของพี่น้องประชาชนที่มีความจงรักภักดี และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างสูงสุด แต่ขอให้ทุกคนระลึกเสมอว่า ต้องไม่ดึงสถาบันลงมาอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งเห็นต่าง อีกทั้งบ้านเมืองมีกฎหมาย และรัฐบาลจะไม่ละเว้นการบังคับใช้กฎหมายทุกกรณีหากมีการฝ่าฝืน จึงขอให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเข้ามาดำเนินการ จะเหมาะสมที่สุด

          พล.ท. สรรเสริญ กล่าวว่า รัฐบาลมีความห่วงใยต่อความสงบสุขเรียบร้อยของประเทศและไม่ต้องการให้เกิดภาพของความขัดแย้งหรือการใช้ความรุนแรง โดยขอความร่วมมือไปยังทุกภาคส่วน ทั้งสื่อมวลชนไทย สื่อมวลชนต่างประเทศ ตลอดจนเจ้าหน้าที่รัฐและประชาชน ไม่เผยแพร่ภาพและเสียงเหตุการณ์ ที่อาจกระตุ้นให้ผู้คนเกิดความรู้สึกไม่พอใจ และใช้กำลังเข้าทำร้ายกัน จนทำลายภาพลักษณ์ประเทศ บั่นทอนความรู้สึกของคนไทย หรือเกิดการรับรู้ที่ไม่ถูกต้องของชาวต่างประเทศ

        “หลายคนรู้สึกกังวลใจต่อการเผยแพร่หรือส่งต่อข่าวและภาพ อย่างไม่มีวิจารณญาน ซึ่งมักเกิดขึ้นบ่อยครั้ง โดยเฉพาะทางสื่อโซเชียลมีเดีย ทำให้เกิดความขุ่นมัวในจิตใจ เข้าใจผิด หรือสร้างความสับสนวุ่นวาย เช่น ข่าว ม.พัน 1 รอ.เตือนการวางระเบิดตามจุดสำคัญต่าง ๆ ที่ไม่เป็นความจริงหากเรื่องใดเป็นเรื่องจริง เจ้าหน้าที่จะออกประกาศอย่างเป็นทางการ และไม่ใช้การชี้แจงผ่านโซเชียลมีเดีย ดังนั้น จึงขอความร่วมมือทุกฝ่ายหยุดเผยแพร่ หรือส่งต่อข้อมูลที่ขาดความน่าเชื่อถือ เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อหลงเชื่อข้อมูลผิด ๆ ทางโซเชียลมีเดีย โดยหากประชาชนเกิดความสงสัย ควรตรวจสอบโดยตรงจากหน่วยงานที่ถูกอ้างอิง หรือติดต่อศูนย์บริการประชาชน 1111 และศูนย์ดำรงธรรมในแต่ละจังหวัด สายด่วน 1567” โฆษกประจำสำนักนายกฯ  กล่าว

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ