ปม มติ กมธ.พัฒนาการเมืองฯเชิญ “ธาริต” แจงเรื่องชายชุดดำปี 53
เมื่อวันที่ 29 ก.ย. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายวัชระ เพชรทอง อดีตส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวเตรียมยื่นหนังสือถึงนายศุภชัย สมเจริญ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เพื่อให้ดำเนินคดีอาญากับนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย และนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในกรณีให้การเท็จต่อเจ้าพนักงาน จากการร้องเรียนตนและนายศุภชัย ศรีหล้า อดีตประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองการสื่อสารมวลชนและการมีส่วนร่วมของประชาชนสภาผู้แทนราษฎร ต่อกกต. เมื่อวันที่18มี.ค. 56 โดยระบุว่า ตนจงใจใช้สถานะของส.ส.ก้าวก่ายและแทรกแซงการปฏิบัติหน้าที่ของนายธาริต จากกรณีเรียกนายธาริต มาชี้แจงเรื่องชายชุดดำจากเหตุการณ์ไม่สงบในปี53โดยไม่มีมติที่ประชุมอันเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ2550มาตรา266(1) อีกทั้งยังให้การเท็จในกรณีนี้ด้วย ทั้งๆที่ตนและนายศุภชัยไม่ได้สมคบกันเชิญนายธาริตมาให้การ แต่เป็นมติของคณะกรรมาธิการฯที่มีส.ส.พรรคเพื่อไทยเป็นเสียงข้างมากดังนั้นการร้องเรียนของนายเรืองไกรจึงเป็นการร้องเท็จต่อกรรมการการเลือกตั้งโดยตนมีพยานหลักฐานหนาหนึ่งนิ้วเพื่อยืนยันในเรื่องนี้
ทั้งนี้นายวัชระ กล่าวอีกว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวนั้น มีโทษสั่งเพิกถอนสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา5ปีโดยให้การเท็จต่อ กกต. ว่าตนต้องการช่วยเหลือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรีซึ่งในการให้การกับคณะกรรมการไต่สวนของ กกต. ทั้งนายเรืองไกรและนายธาริตต่างก็สาบานต่อหน้านางพฤติพร เนติโพธิ์ ประธานกรรมการสอบสวนว่าหากให้ถ้อยคำอันเป็นเท็จย่อมมีความผิดและต้องได้รับโทษตามกฎหมายดังนั้นเมื่อมีการให้การเท็จกรรมการการเลือกตั้งต้องดำเนินคดีอาญากับบุคคลทั้งสองอย่างเด็ดขาดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา137กับนายเรืองไกรกรณีแจ้งความเท็จมีโทษจำคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับและมาตรา267ซึ่งเป็นความผิดของทั้งนายเรืองไกรและนายธาริตด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง