ข่าว

เปิดร่างกฎหมายลูกส.ว.กำหนดประสบการณ์ 20 ด้าน คสช.เลือก 50คน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

เพิ่มโทษเอาผิดผู้สมัคร-ฝ่ายการเมืองทุจริต มีสิทธิโดนคุก 10ปี ซ้ำถูกเพิกถอนสิทธิสมัคร-สิทธิเลือกตั้ง 10 ปี 

 

              ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมกกต.วันที่ 26 ก.ย.นี้ ที่ประชุมจะมีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.)ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา ที่คณะทำงานของสำนักงานกกต.เสนอ โดยร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นฉบับสุดท้ายใน 4 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งระดับชาติ  ที่กกต.ต้องส่งให้กรธ.พิจารณาต่อไป 

                ซึ่งสาระสำคัญของร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นเรื่องของกระบวนการ วิธีการที่จะทำให้ได้มาซึ่งส.ว  200 คนตามมาตรา 107 ของร่างรัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติ โดยแบ่งเป็น 3 หมวด  คือ  หมวดการได้มาซึ่งส.ว.  หมวดการสืบสวน หรือไต่สวน และวินิจฉัย หมวดการควบคุมการเลือกและบทกำหนดโทษ และบทเฉพาะกาล   โดยบุคคลที่จะเป็นส.ว.ต้องมีความรู้ เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ในงานแต่ละด้านนั้น 

               ร่างกฎหมายได้กำหนดเป็น 20 ด้านตามแนวความคิดของกรธ.  คือ 1. ด้านการบริหาร ความมั่นคง หรือการต่างประเทศ  2. ด้านกฎหมาย หรือกระบวนการยุติธรรม  3. ด้านการบัญชี การเงิน การคลัง หรือการงบประมาณ 4. ด้านการศึกษาหรือวิจัย 5. ด้านการสาธารณสุข  6. ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 7. ด้านศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม วรรณกรรม การแสดง หรือการกีฬา  8. ด้านกสิกรรม หรือป่าไม้ 9. ด้านปศุสัตว์ หรือประมง  10. ด้านลูกจ้าง ผู้ใช้แรงงาน องค์กรลูกจ้าง หรือองค์กรนายจ้าง 

                11.ด้านคุ้มครองผู้บริโภค การสื่อสาร สื่อสารมวลชน 12. ด้านการประกอบการธุรกิจ การค้า หรือการธนาคาร 13 ด้านการประกอบการอุตสาหกรรม  14. ด้านการประกอบวิชาชีพ  15 ด้านสิ่งแวดล้อม ผังเมือง ที่อยู่อาศัย หรือการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์  16.ด้านทรัพยากรธรรมชาติหรือพลังงาน  17. ด้านองค์กรชุมชน หรือประชาสังคม 18.ด้านผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส หรือสตรี  19. ด้านผู้ประกอบอาชีพอิสระ 20. ด้านอื่น ๆ 

             ซึ่งผู้สมัครแต่ละด้านต้องมีคุณสมบัติตามมาตรา 108 ที่ร่างรัฐธรรมนูญกำหนดเป็นหลัก ยื่นลงสมัครได้เพียงด้านเดียวพร้อมค่าธรรมเนียม 5,000 บาท ห้ามหาเสียง  ทำได้เพียงเอกสารแนะนำตัวเกี่ยวกับประวัติส่วนตัว การศึกษา ผลงานในการทำงาน โดยกกต.เป็นผู้เผยแผร่ให้เท่านั้น

               ส่วนการเลือกกันเองตั้งแต่ระดับอำเภอ จังหวัด ประเทศจะใช้เวลาดำเนินการไม่เกิน 60 วัน โดย กกต.จังหวัดและ คณะอนุกรรมการประจำอำเภอที่มีการแต่งตั้งขึ้น จะดำเนินการเลือกระดับอำเภอ และระดับจังหวัด  ส่วนกกต.กลางเลือกระดับประเทศ    หนึ่งหน่วยเลือกตั้งจะประกอบด้วยผู้มีสิทธิลงคะแนนจำนวน 500 คนเป็นประมาณ ใช้หีบบัตรเลือกตั้ง 20 หีบ ผู้สมัครจะลงคะแนนเลือกให้ผู้สมัครกลุ่มอื่นได้กลุ่มละหนึ่งหมายเลข  เกณฑ์ได้รับเลือก ผู้ได้คะแนนมากที่สุดเรียงลำดับลงมาตามจำนวนที่ต้องการในการเลือกของแต่ละกลุ่มแต่ละระดับเป็นผู้ได้รับเลือก ถ้ามีคะแนนเท่ากันในลำดับที่ทำให้เกินจำนวนที่จะพึงมีในแต่ละกลุ่มแต่ละระดับให้ใช้การจับสลาก และการเลือกในระดับอำเภอ ระดับจังหวัดใช้เวลาระดับละ  15 วัน ระดับประเทศ 7 วัน  

           ระดับอำเภอ เมื่อดำเนินขั้นตอนการสมัคร ตรวจสอบคุณสมบัติ  ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิสมัครแล้ว หากผู้สมัครกลุ่มใดใน 20 กลุ่มมีจำนวนเกินกว่า 5 คน จะทำ 2 ขั้นตอน  คือ ขั้นตอนแรกให้ผู้สมัครเลือกกันเองในกลุ่มให้เหลือผู้สมัครกลุ่มละ 5 คน และขั้นตอนที่ 2  ให้ผู้ที่ผ่านการคัดกรองกันเอง 5 คนของแต่ละกลุ่ม  ไปเลือกผู้สมัครในกลุ่มอื่น 19 กลุ่มที่เหลือ  หรือที่เรียกว่า "เลือกไขว้" โดยแต่ละคนมีสิทธิลงคะแนนเลือกผู้สมัครในกลุ่มอื่นได้กลุ่มละหนึ่งหมายเลข เพื่อให้ได้ผู้สมัครที่ได้รับคะแนนมากสุดเรียงลำดับลงมาจำนวน 3 คนในแต่ละกลุ่ม   

           ดังนั้นหนึ่งอำเภอเมื่อคัดเลือกได้ผู้สมัครที่เป็นตัวแทนกลุ่มละ 3 คนจาก 20 กลุ่ม ก็จะได้ผู้สมัครที่ได้รับเลือกเป็นตัวแทนอำเภอๆละ 60 คน ประเทศไทยมี 928 อำเภอ ก็เท่ากับว่าจะได้ผู้สมัครส.ว.ที่ได้รับเลือกเป็นตัวแทนระดับอำเภอ 55,680 คน โดยคณะอนุกรรมการฯจะประกาศรายชื่อผู้สมัครที่ได้รับเลือกในระดับอำเภอไว้ที่ว่าการอำเภอให้ประชาชนตรวจสอบพร้อมส่งรายชื่อดังกล่าวให้กับกกต.จังหวัด ซึ่งทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการเลือกส.ว.ประจำจังหวัดนำเข้าสู่กระบวนการเลือกระดับจังหวัด

             การเลือกในระดับจังหวัดนั้น เมื่อนำผู้สมัครที่ได้รับเลือกเป็นตัวแทนระดับอำเภอ 55,680 คน มาแยกเป็น 20 กลุ่มก็จะได้ผู้ที่ได้รับเลือกเป็นตัวแทนระดับอำเภอกลุ่มละ2,784 คน   ไปลงคะแนนเลือกผู้สมัครในกลุ่มอื่น 19 กลุ่มที่ไม่ใช่กลุ่มของตน โดยเลือกให้เหลือกลุ่มละ 3 คน เป็นผู้ได้รับเลือกในระดับจังหวัด ซึ่งทั้งประเทศมี 77 จังหวัด ดังนั้นใน 20 กลุ่ม ก็จะได้ผู้สมัครที่ได้รับเลือกเป็นตัวแทนจังหวัดรวม 4,620 คน  รายชื่อดังกล่าวจะถูกส่งให้กกต.กลางดำเนินการเลือกในระดับประเทศ ซึ่งเมื่อแบ่งเป็น 20 กลุ่มก็จะมีผู้ที่ได้รับเลือกเป็นตัวแทนระดับจังหวัดในแต่ละกลุ่ม  231 คน  ไปลงคะแนนเลือกผู้สมัครในกลุ่มอื่น 19 กลุ่มที่ไม่ใช่กลุ่มของตนให้เหลือกลุ่มละ 10 คน เป็นผู้ได้รับเลือกในระดับประเทศจาก 20 กลุ่มรวม 200 คน  

             ซึ่งหากกกต.เห็นว่าการเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริต ไม่มีการคัดค้านก็จะประกาศรายชื่อผู้ได้รับเลือกตามลำดับคะแนน 10 อันดับในแต่ละกลุ่ม 20 กลุ่มจำนวน 200 คน เป็นผู้ได้รับเลือกเป็นส.ว.  พร้อมจัดทำบัญชีสำรองของผู้ผ่านการคัดเลือกไว้บัญชีละ 10 รายชื่อ เผื่อกรณีที่สมาชิกภาพของส.ว.ในกลุ่มใดสิ้นสุดลงก่อนครบวาระ 5 ปี ก็จะไม่ต้องมีการเลือกใหม่ แต่ให้เลื่อนจากบัญชีสำรองในแต่ละกลุ่มได้เลย  

                ขณะที่การดำเนินการเกี่ยวกับกรณีมีการร้องเรียน การคัดค้านการทุจริตการเลือกส.ว. หรือบทลงโทษนั้นส่วนใหญ่จะเหมือนกับที่บัญญัติในร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มีเพิ่มในส่วนผู้ใดกระทำการสนับสนุนให้บุคคลเข้าหรือไม่เข้ารับการสมัครเพื่อประโยชน์ในการลงคะแนนให้แก่ตน หรือผู้สมัครอื่น หรือลงสมัครเพื่อการเลือกโดยมีผลประโยชน์ตอบแทน  รวมทั้งกรรมการบริหาร ผู้ดำรงตำแหน่งอื่นใดในพรรคการเมือง ส.ส.  ผู้บริหารและสมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองผู้ใด กระทำการโดยวิธีใดที่เป็นการช่วยเหลือให้ผู้สมัครได้รับเลือกเป็นส.ว หรือผู้สมัครคนใดยินยอมให้บุคคลเหล่านี้ช่วยเหลือเพื่อให้เป็นส.ว.  อีกทั้งผู้ใดกระทำการให้ สัญญาว่าจะให้ จัดเลี้ยง ใช้อิทธิพล เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิลงคะแนนๆ ให้แก่ตน หรืองดเว้นลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครใด ให้ถือว่ามีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับตั้งแต่สองหมื่น-สองแสนบาทและให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง หรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี

                อย่างไรก็ตามผู้ได้รับเลือกเป็นส.ว.จำนวน 200 คนดังกล่าว ตามบทเฉพาะกาลของร่างรัฐธรรมนูญมาตรา 269 (ค) ได้บัญญัติให้คสช.เลือกผู้ที่ได้รับเลือกเป็นส.ว.จากบัญชีที่กกต.ส่งไปนี้ จำนวน 50 คน และคัดเลือกรายชื่อสำรองไว้อีกจำนวน 50 คน โดยให้นำจำนวนที่เลือกจากบัญชีที่กกต.ส่งไป 50 คนไปรวมกับที่คสช.จะเลือกอีก  200 คน รวมเป็นส.ว. 250 คนตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดด้วย

 

                            

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ