ข่าว

"เจษฎ์" ชี้ พรรคการเมืองเข้มแข็ง-อ่อนแออยู่ที่นโยบาย

"เจษฎ์" ชี้ พรรคการเมืองเข้มแข็ง-อ่อนแออยู่ที่นโยบาย

02 ก.ย. 2559

"กรณ์" แนะ 4 นโยบายที่ดี ชี้ อดีตเน้นแต่คะแนนเสียงไม่คำนึงผลเสีย ด้าน "เจษฎ์" ระบุ พรรคการเมืองเข้มแข็ง-อ่อนแออยู่ที่นโยบายพรรค

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดสัมมนาหัวข้อ “นโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง :  ข้อเท็จจริง ปัญหา และแนวทางแก้ไข” ให้กับนักศึกษาหลักสูตรพัฒนาการเมืองและการเลือกตั้งระดับสูง รุ่นที่ 7 (พตส.7)มี วิทยากร Mr.Michael (ไมเคิล) Winzer ผู้แทนมูลนิธิคอนราด อเดนาวร์ นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ นายเจษฎ์ โทณะวณิก ที่ปรึกษาคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) 

    โดยนายกรณ์ กล่าวว่า นโยบายที่ดีไม่จำเป็นต้องโดนใจประชาชน และนโยบายที่โดนใจประชาชนไม่จำเป็นต้องดี ซึ่งหลักการของนโยบายที่ดีมี 4 ข้อ คือ 1.พัฒนาประเทศโดยไม่สร้างความแตกแยก 2.พัฒนาประเทศถูกต้องตามหลักกฎหมายและศีลธรรม 3.พัฒนาประเทศโดยไม่เสียวินัยการคลัง และ4.พัฒนาประเทศด้วยความยุติธรรมตามหลักประชาธิปไตย ส่วนการพิจารณาว่าดีหรือไม่นั้น ต้องดูว่าสามารถแก้ปัญหาได้จริงหรือไม่ ถูกต้องตามหลักกฎหมายหรือไม่ และมีความเป็นไปได้เพียงใด ที่ผ่านมาแต่ละพรรคการเมืองมุ่งเน้นว่านโยบายจะต้องตอบโจทย์ความต้องการของผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ได้ เพื่อให้ได้คะแนนเสียงทำให้พรรคการเมืองใหญ่มุ่งชูนโยบายให้ประชาชนเข้าใจง่าย แต่บางครั้งก็ไม่คำนึงถึงผลเสียที่ตามมา 
 
    "ยกตัวอย่างในการเลือกตั้งที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทย ชูนโยบายรถยนต์คันแรก พรรคประชาธิปัตย์ชูนโยบายบ้านหลังแรก ซึ่งนโยบายพรรคเพื่อไทยโดนใจประชาชนมากกว่า ทำให้ได้คะแนนเสียงจำนวนมาก และชนะพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งที่ นโยบายดังกล่าวสร้างผลเสียมากกว่า ทั้งกับตัวประชาชน และงบประมาณของประเทศ ขณะที่พรรคขนาดกลาง และเล็ก เมื่อประชาชนไม่ให้ความสนใจก็ทำให้พรรคไม่สนใจที่จะชูนโยบายที่จะแก้ไขปัญหาได้จริง"นายกรณ์ กล่าว
 
    นายกรณ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนใหญ่นโยบายพรรคก็เป็นลักษณะที่เป็นไปไม่ได้ ในช่วงของการร่างรัฐธรรมนูญมีการพูดว่าจำเป็นต้องใช้กฎหมายเข้ามาควบคุมการเสนอนโยบายของพรรค เพื่อไม่ให้มาสร้างปัญหาให้กับประเทศ แต่ตนกลับเห็นว่าการที่จะทำให้พรรคเสนอนโนบายที่ดีต้องมาจากการกดดันของประชาชน สื่อต้องติดตามอย่างเข้มข้น ควรจะมีหน่วยงานวิเคราะห์งบประมาณของฝ่ายนิติบัญญัติ เพื่อมาวิเคราะห์นโยบายของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ว่า นโยบายดังกล่าวจะใช้งบประมาณในการดำเนินการเท่าใด และจะสร้างความเสียหายเกิดขึ้น
 
    ด้านนายเจษฎ์ กล่าวว่า แนวทางร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ในเรื่องพรรคการเมืองมีเสรีภาพในระดับที่เหมาะสม มีขื่อแปที่จะดำเนินงานร่วมกัน  ทำให้พรรคต้องมีความรับผิดชอบในการเสนอนโยบายที่เป็นสัญญาประชาคม และมีการกำหนดว่า เมื่อเป็นรัฐบาลแล้วนโยบายนั้นสร้างความเสียหาย คณะรัฐมนตรีที่ร่วมเห็นชอบจะต้องรับผิดชอบร่วมกันชดใช่ค่าเสียหาย ยืนยันว่าร่างรัฐธรรมนูญของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. ไม่ได้ความคิดที่จะออกแบบให้พรรคการเมืองหรือรัฐบาลที่อ่อนแอ ความเข้มแข็งของรัฐบาลหรือพรรคการเมืองไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ว่าเรามีพรรคมากหรือน้อย แต่อยู่ที่นโยบายของพรรคว่าดีกับประชาชนหรือไม่ ซึ่งต้องทำให้ประชาชนมองนโยบายพรรคสำคัญ แต่ลักษณะของคนไทยและสื่อ เป็นลักษณะของพวกเกาะไม่ติด กัดแล้วปล่อย คือเห็นว่ามีปัญหาก็ไม่ตรวจสอบให้ถึงที่สุด ดังนั้นถ้าจะเรียกร้องให้พรรคการเมืองเปลี่ยน ประชาชนก็ต้องเปลี่ยนด้วย 
 
    ส่วนนายไมเคิล กล่าวถึงการเลือกตั้งและพรรคการเมือง ว่า พรรคการเมืองเป็นสถาบันที่รัฐต้องสนับสนุนด้วย ซึ่งในเยอรมันการให้งบสนับสนุนพรรคการเมืองจะขึ้นอยู่กับคะแนนเสียง ได้คะแนนเสียงมากเท่าไหร่รัฐก็ให้เงินสนับสนุนมากเท่านั้น และการบริจาคเงินให้พรรคการเมืองจะได้รับการยกเว้นภาษี เป็นเครื่องมือที่ดีมากในการสนับสนุนพรรคการเมือง ทั้งนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือการให้การศึกษากับพลเมือง ในการคิดเชิงวิพากษ์และตัดสินใจ ซึ่งปัญหาโลกาภิวัฒน์มีความซับซ้อนขึ้น บางเรื่องผู้มีสิทธิก็ไม่เข้าใจ ดังนั้น พรรคการเมืองและผู้สมัครต้องยืนหยัดในการสร้างความไว้วางใจ และน่าเชื่อถือ