เลือกตั้ง ส.ส.ไม่ต้องหาเสียง สกัดทุนผูกขาด

  
          31 ส.ค. 59 - นายไพบูลย์ นิติตะวัน อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ แถลงว่า ตนมีข้อสังเกตเกี่ยวกับการทำประชามติ 4 ข้อ คือ 1.ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์โดยไม่มีอามิสสินจ้าง เป็นการใช้ดุลพินิจของตนเอง 2.ในการดำเนินการออกเสียงประชามติไม่ต้องไปหาเสียง เพราะคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.)เป็นผู้ส่งสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วงประชามติไปยังผู้มีสิทธิ์ทุกบ้าน 3.ผลประชามติออกมาเป็นที่ยอมรับในสากล และ 4.จำนวนผู้มีสิทธิ์ออกเสียงประชามมติ 50 ล้านคน มีผู้มาใช้สิทธิ์ออกเสียงจำนวน 29.74 ล้านเสียงหรือคิดเป็น 60 เปอร์เซ็นต์เป็นจำนวนที่เกินครึ่งของผู้มาใช้สิทธิ์ ดังนั้นควรถอดบทเรียนจากการทำประชามติในครั้งนี้    
          นายไพบูลย์ กล่าว่า ตนเห็นว่า ในการเลือกตั้งส.ส. โดยควรให้ประชาชนใช้ดุลพินิจในการเลือกตั้ง ไม่ต้องมีการหาเสียง ผู้สมัครรับเลือกตั้งส.ส.ส่งประวัติ นโยบายพรรคไปให้ กกต.เพื่อจัดพิมพ์เอกสารส่งไปให้ผู้มีสิทธิ์ทุกครัวเรือน ไม่ต้องมีการรณรงค์ปราศรัย ไม่มีหัวคะแนนไปเคาะประตูบ้านแต่เป็นเรื่องที่ กกต.จะเป็นผู้จัดสถานที่ติดป้ายหาเสียง ผู้สมัครจะหาเสียงต้องไปเพียงคนเดียวมีผู้ติดตามไม่เกิน 5 คน มีรถหาเสียง 1 คัน ห้ามแจกใบปลิว ปราศรัย เหมือนการหาเสียงของญี่ปุ่น สามารถใช้โซเชียลเน็ตเวิร์คในการแสดงความเห็นได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะทำให้ผู้สมัครไม่ต้องตกอยู่ภายในนายทุนหรืออิทธิพลทางการเมือง และผู้สมัครก็จะมีค่าใช้จ่ายในการลงรับสมัครน้อย ไม่มีระบบหัวคะนน เชื่อว่าการเลือกตั้งจะบริสุทธิ์ ยุติธรรม ซึ่งตนเชื่อว่าจะมีประชาชนมาใช้สิทธิถึง 66 เปอร์เซ็นต์ จึงของฝากให้คณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กกต. นายกรัฐมนตรี และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ช่วยพิจารณาด้วย นอกจากนี้ตนขอเชิญชวนคนรุ่นใหม่จาก 77 จังหวัดที่สนใจเป็น ”นักปฏิรูปการเมืองรุ่นใหม่” ที่มีอุดมการณ์ต้องการปฏิรูปนักการเมือง พรรคการเมือง เพื่อให้ได้นายกฯที่เป็นคนดี มีความซื่อสัตย์และมีความสามารถในการบริหารประเทศ.