ข่าว

เปิดสถาบันพัฒนาบุคลากรด้านดิจิตัล

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

“นายกฯ” เปิดสถาบันพัฒนาบุคลากรด้านดิจิทัลภาครัฐ ชี้ต้องพัฒนาคนให้ทันต่อการพัฒนาโลกดิจิทัล ลั่นไม่เคยใช้อำนาจเผด็จการกับใคร เว้นแต่พวกทำผิดกฎหมาย 


 

          วันที่ 29 ก.ค. 59 - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในพิธีเปิดสถาบันพัฒนาบุคลากรด้านดิจิทัลภาครัฐ และเปิดการอบรมหลักสูตรรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์สำหรับผู้บริหารระดับสูง (รอส.) รุ่นที่ 3 พร้อมกล่าวปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ "นโยบายการเตรียมความพร้อมของบุคลากรภาครัฐเพื่อรองรับการก้าวไปสู่ Digital Thailand" ที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ โดยกล่าวตอนหนึ่ง ว่า ทุกวันนี้มีการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว กล่าวได้ว่าระบบดิจิทัลได้ขับเคลื่อนโลกอยู่ ซึ่งประเทศไทยอาจจะช้าไปบ้าง แต่ก็ใช้เวลาตลอด 2 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่รัฐบาลนี้เข้ามา ให้ความสำคัญกับเรื่องดังกล่าว ซึ่งจำเป็นต้องพัฒนา ไม่เช่นนั้นจะไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก วันนี้ถือว่าตนพูดครั้งแรกซึ่งปกติจะพูดทั้งวัน เนื่องจากเราต้องแข่งกับเวลาที่มีอยู่ ซึ่งการให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีดิจิทัล คงไม่เฉพาะส่วนราชการ หรือรัฐบาลอย่างเดียว ทุกภาคส่วนควรจะต้องมีการพัฒนาไปด้วยกัน ซึ่งนอกจากการพัฒนาบุคคลากรภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคธุรกิจ และประชาชน ก็ต้องทำควบคู่กันไป ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดความขัดแย้งในตอนปลายทุกครั้ง เพราะไม่เข้าใจตั้งแต่ต้น ซึ่งอาจจะต้องมีหลักสูตรพิเศษขึ้นมา โดยทางกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร จะเป็นผู้รับผิดชอบ
           พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แม้วันนี้เราจะมีเทคโนโลยีเข้าช่วยในทุกเรื่องแต่ก็มีติดขัดบ้างอย่าง จึงต้องใช้ระบบดิจิทัลเข้ามาช่วยในการบริหาร ซึ่งคงทำให้ตนเองอารมณ์เสียน้อยลง ทุกวันนี้ตน รองนายกฯ และรัฐมนตรีทุกคนทำงานหนักมากทั้งปัญหาเก่า ปัญหาใหม่ การขับเคลื่อน การวางอนาคต กฎหมาย แต่ขณะเดียวกันยังมีคนคอยดึงขาอยู่ ทำให้การเดินหน้าทำงานเป็นไปได้ช้า แต่ไม่เป็นไร เพราะตนมีกำลังใจจากทุกคนที่ช่วยทำให้ประเทศเดินหน้า วันนี้เราต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ทันสถานการณ์ และเทคโนโลยี ซึ่งอนาคตทุกคนอาจจะไม่ต้องออกจากบ้านมาทำงาน ซึ่งตนเกรงว่าประเทศจะไร้ชีวิตจิตใจ จิตวิญญาณจะหายไป หลายคนวันนี้ก็เริ่มจะไม่ออกจากบ้าน ทำให้โลกมีอันตรายหลายอย่าง เพราะคนเหล่านี้ไม่ยอมออกไปไหน เล่นแต่คอมพิวเตอร์ อยู่แต่ในบ้านทำให้มีโลกส่วนตัวคิดอยู่คนเดียว หากมีการป้อนสิ่งไม่ดีเข้าไป ทำให้ความคิดไม่เป็นกระบวนการ คิดสั้น คิดง่าย ทำให้โลกมีความขัดแย้ง จึงต้องมีการเตรียมพร้อมในทุกด้าน
           "ผมขอให้ทุกคนร่วมมือกันสร้างระบบใหม่ให้กับประเทศไทย ขอให้ไว้วางใจ และไว้เนื้อเชื่อใจเราบ้าง ไม่เช่นนั้นทุกอย่างก็จะกลับไปที่เดิม รัฐบาลเข้ามารื้อเกือบทุกเรื่อง ขณะที่บ้านเมืองยังมีความเห็นต่างอยู่มากมายหลายเรื่องทำอะไรก็ติดขึ้นไปหมด เพราะคนยังไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง หลายคนยังติดอยู่ที่เดิม หลายคนติดอยู่ที่ตัวเอง ติดที่องค์กร ติดที่ผลประโยชน์ สิ่งเหล่านี้ทำให้ประเทศไทยเดินหน้าไปไม่ได้ ดังนั้นเราจะกล่าวไปสู่การเป็นประเทศ 4.0 ไม่ได้เลย เพราะทุกคนไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ต้น ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง ไม่เปลี่ยนแปลงแนวความคิดของตัวเอง และวิสัยทัศน์ และนำพาคนอื่นเปลี่ยนแปลงไปด้วย มีแต่จะนำพาให้เกิดความขัดแย้งมากกว่าจะทำให้เกิดความร่วมมือ สิ่งนี้เทคโนโลยีต่างๆ ก็ช่วยไม่ได้ ไม่สามารถส่งคลื่นไฟฟ้าไปใส่สมองคนได้ แต่ถ้าทำได้คงจะรวย ผมไม่ใช่จะใช้แต่เผด็จการ ยืนยันว่าผมไม่เคยเผด็จการกับใครเลย เว้นแต่พวกที่ไม่เคารพกฎหมาย ส่วนใหญ่วันนี้คนก็เคารพกฎหมายกันดี ทำให้เป็นกำลังใจให้ผมทำงานต่อไปได้ทั้งรัฐบาล และคณะรัฐมนตรี" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
           นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า 2 ปี ในการทำงานของรัฐบาล และคสช. มีการพัฒนาก้าวหน้า แม้แรกๆ จะมีปัญหาบ้าง แต่ข้าราชการมีความพร้อม อยากเห็นประเทศมีความก้าวหน้า แต่ความคิดต่าง และความเห็นแก่ตัว เห็นแก่ประโยชน์ขององค์กรตัวเอง ทำให้เกิดปัญหา และอุปสรรคกับบ้านเมือง ระบบข้าราชการ และเป็นอุปสรรคกับตัวบุคคล โดยเฉพาะความคิดที่เห็นต่าง แต่วันนี้ทุกอย่างเริ่มดีขึ้นเพื่อช่วยกัน แต่ก็ยังมีคนเดินข้าง ๆ บ้างก็ไม่เป็นไร ขอให้น้อยลงไปเรื่อยๆ ก็แล้วกัน เราต้องรวบรวมความต่างมาช่วยกันสร้างสรรค์ อย่าไปชี้นำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ยกเว้นสื่อบางประเภท หรือโซเชียลมีเดียบางช่องทาง ทำให้ประเทศชาติไปไม่ได้ทั้งหมด ทุกคนจะต้องมีสติปัญญาในการแก้ไขปัญหา
            นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทุกคนในรัฐบาลทำงานหนัก โดยเฉพาะกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสาร ซึ่งอยู่ระหว่างการเปลี่ยนชื่อกระทรวง รัฐมนตรีก็อาจจะตกงาน แต่ไม่ต้องห่วงต้องทำงานต่ออยู่แล้ว ส่วนจะทำอย่างไรค่อยว่ากัน เพราะหลายอย่างอยู่ในกระบวนการของรัฐธรรมนูญด้วย แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องอยู่เพื่อทำงานอย่างแน่นอน อย่าเพิ่งดีใจว่าจะไม่มีรัฐมนตรี หรือปรับเปลี่ยนตำแหน่งที่จะต้องปรับเปลี่ยนใหม่ สิ่งต่างๆ ที่ทำทั้งหมดก็เพื่อให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 12 ทุกคนต้องร่วมมือกันเมื่อมีรัฐบาลใหม่เข้ามาก็ต้องให้มีการดำเนินการต่อ ไม่ใช้ปล่อยว่าพอเลือกตั้งมาแล้วอยากทำอะไรก็ทำ วันข้างหน้าก็เลือกเข้ามาใหม่ประเทศชาติก็เดินต่อไม่ได้หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ ตนคิดให้ได้แค่นี้ จากนี้ไปทุกคนก็ต้องช่วยกันคิดกันเองในการเข้าสู่ความเป็นประชาธิปไตยที่กำลังจะมาถึง ตนไม่ได้ขัดแย้งกับประชาธิปไตยอยู่แล้ว แผนสภาพัฒน์ฯ ตนไม่ได้ไปกดดันหรือบังคับใคร ที่ผ่านมา 11 แผนยังไม่ทำกันเลย พอแผนพัฒนาฉบับที่ 12 ก็คงไม่ทำกันอีก ทำให้คนไม่ค่อยจะยอมรับว่าเราจะมีกติกาอะไรขึ้นมา เพราะเรายังไม่ยอมกันทำให้ประเทศติดกับดักมากกว่าอย่างอื่น อย่าไปคิดว่าที่ทำทั้งหมดเพื่อเป็นการสืบทอดอำนาจกลไกที่มีอยู่ไม่สามารถไปละเมิดกลไกฝ่ายบริหารได้ อย่างนี้เรียกว่าตนเป็นประชาธิปไตยหรือไม่ ไม่อย่างนั้นตนคงเขียนแผนหนักกว่านี้ แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะโลกวันนี้เป็นประชาธิปไตย ตนไม่สามารถหลีกหนี้พ้นประชาธิปไตยอยู่แล้ว ถึงเวลาก็ต้องทำ ตนก็มีหน้าที่เหมือนทุกคน 1 สิทธิ์ 1 เสียง เพราะฉะนั้นเราต้องทำทุกอย่างไปสู่เป้าหมายเดียวกัน แต่ในองค์กรเดียวกันบางครั้งก็ยังไปด้วยกันไม่ได้
             "หลายอย่างที่ทำให้ผมหงุดหงิด แต่ไม่สามารถเดินหน้าไปได้ โดยเฉพาะเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ผมถามว่าต้องการเงิน ต้องการรายได้ ความมั่นคงในชีวิต แต่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงอะไรกันเลย มันก็ไปไม่ได้ รัฐบาลจะเอาเงินที่ไหนมาอุดหนุน ถ้าไม่ร่วมมือกับผม ทุกอย่างก็ต้องล่มไปเลย ผมก็ต้องทำแบบนี้ แล้วท่านก็ไม่ทีจะกิน แล้วถ้าใครออกมาเดินขบวนมีเรื่องกับผมแน่ ผมพยายามทำให้อยู่ ก็แสวงหาความร่วมมือเข้ามา ไม่ใช่อะไรก็ไม่เอา พอถามก็ตอบไม่รู้ มันเป็นไปไม่ได้ จะต้องร่วมมือซึ่งกันและกัน ปรับจูนเข้าหากันอย่าไปขัดแย้งมากนัก ผมเตือนไว้ก่อน คงทราบดีว่าใครบ้างที่กำลังทำอยู่ วันนี้ผมทำให้บ้านเมืองเดินได้ ไม่ได้ทำเพื่อใช้อำนาจบ้าบอคอแตกอะไร ผมไม่อยากได้อำนาจอะไรสักอย่าง พอแล้วอำนาจของผม ใครเป็นทหาร ผบ.ทบ. รู้อยู่แล้ว การเป็นผบ.ทบ. เบื่อที่จะใช้อำนาจอย่ามาอะไรกันนักหนา ใช้อำนาจอย่างเดียวมันเบื่อ แต่ถ้าใช้อำนาจแล้วได้ผลประโยชน์มันไม่เบื่อหรอก แต่ผมเบื่อไม่รู้ทุกคนต้องการอะไรกันก็ไม่รู้ วันนี้ว่าจะไม่พูดการเมืองแล้วพอดีกว่า เมื่อคืนตื่นมาตี 2 ไม่รู้ว่าตัวเองโมโหอะไร นอนไม่หลับหาสาเหตุไม่เจอ แต่เช้าวันนี้เพิ่งคิดออก เป็นเรื่องที่ทำให้ผมนอนไม่ค่อยหลับตลอด เช้าขึ้นมาหน้ายับทุกวัน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว    

 
บ่นปวดหัวแต่ยังสู้ ขอไว้เนื้อเชื่อใจกันฟังรบ.มากขึ้น ไม่ได้ใช้อำนาจเพื่อสร้างความขัดแย้ง-เอื้อประโยชน์ใคร บอกถ้ากลัวระบบ"พร้อมเพย์" เพราะถูกบิดเบือน จะพารมต.ลงสมัคร เพื่อสร้างความมั่นใจ 
          นายกฯ กล่าวว่า ปวดหัวเมื่อคืนตื่นมาตี 2 ครึ่ง โมโหปวดหัวอะไร นอนไม่หลับ หาสาเหตุปวดหัว เช้าเพิ่งคิดออก เลยนอนไม่หลับอยู่ตลอด เช้าหน้ายับทุกวัน สิ่งสำคัญประชาชนต้องเรียนรู้ นอกจากสร้างบุคคลากร ต้องดูเรื่องกฎระเบียบ วันนี้ต้องแก้ไขให้หมด ให้มันง่าย รัฐบาลวันนี้ทำกฎหมายกว่า 300 ฉบับ กฎหมายลูกก็ต้องทำ กฎหมายลูกก็ต้องแก้ แต่ทุกคนจะเอานี่เอานู่น มันทำได้ไหมล่ะ มันทำไม่ได้ ที่ผ่านมามันสะเปะสะปะ ที่ดีก็มี ตนไม่ว่าใครเลวร้ายทั้งหมด เดี๋ยวไปหาว่าตนไปว่าเขาไม่ดี ตนไม่อยากจะแตะต้องผู้มีพระคุณทั้งหลาย แต่ทำไมตนต้องมาลำบากวันนี้ไม่รู้ แต่ก็จะสู้ วันนี้เราต้องเรียนรู้จะใช้เทคโนโลยีอย่างไรที่มันถูกต้อง ไปดูต่างประเทศเขาบ้าง ถามนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ซิ มีอะไรดีขึ้นมาบ้าง 2 ปีผ่านมา ไปดูแต่ความขัดแย้งเรื่องเดิม ๆ พอมีอะไรนิดหนึ่งก็ไปตีเจาะช่อง

          พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนยังโดนเลย มีคนมาถามตนสมัครพร้อมเพย์หรือยัง ตนถามว่าทำไม เขาบอกจะได้มีความมั่นใจว่า นายกฯสมัครแล้ว แต่ตนบอกว่าเป็นทางเลือกของการโอนเงินของผู้ที่มีรายได้น้อย เพราะไม่ต้องเสียค่าโอน เรื่อง่ายๆทำไมยังไม่เข้าใจ พร้อมจะบิดเบือนได้ทุกเรื่อง ซึ่งธนาคารควบคุมความปลอดภัยอยู่ แค่เชื่อมโยงระบบไอซีที การพิสูจน์ทราบจากเลข 13 หลักเป็นการแสดงตัวตนเท่านั้นเอง ใครมีความลับอะไรหรือในบัตร ตรงนี้ทำเพื่ออำนวยความสะดวกคนมีรายได้น้อย แต่ถ้ามันจำเป็นเดี๋ยวผมจะสมัครให้ แต่เขาจะรับสมัครผมเปล่าไม่รู้ กลัวกันไปหมด ให้รัฐมนตรีทุกคนพร้อมเพย์เลยดีไหม จะได้เชื่อมั่น กลัวไปหมด ไปบิดเบือน ตนแค่ต้องการให้รู้มีรายได้เท่าไร วันหน้าจะได้ดูแลงบประมาณรัฐ ให้มีมากขึ้น สวัสดิการรัฐจะได้ตรวจสอบกันได้ มีความรวดเร็วขึ้น
          นายกฯ กล่าวว่า วันนี้อย่ามองแต่จอโทรศัพท์ เพราะประเทศไทยมีจิตวิญญาณ มีความเคลื่อไหว ใช้โทรศัพท์ให้น้อยลง ยกเว้นใช้ในเรื่องที่มีสาระ ไลน์ถามกันนอนหรือยัง กินข้าวยัง เข้าใจมันเป็นความสุข แต่บางทีเสียเวลา อยากให้มาอ่านเรื่องเป็นประโยชน์การบริการรัฐบาลดีกว่า รัฐทำอะไรบ้าง ตนพูดอะไรบ้าง ลดเวลาก็แล้ว แต่ตอนนี้จากที่ประเมินมาฟังตนมากขึ้น เพราะฟังทันแล้ว ตนก็ปรับตัวเองจากที่พูดเร็วเกินไป ต้องทำให้รวดเร็วขึ้น ไม่อย่างนั้นจะปวดหัวแบบตน ตนมาแบบนี้ต้องอ่านหนังสือเยอะ วันๆต้องอ่าน เพราะต้องลงนาม ต้องตัดสินใจ อีกสมองก็ต้องคิดถึงอนาคต ไม่ใช่ไม่ทำอะไรเลย ถ้ามาไม่ทำอะไรเลย ก็ไม่ต้องเข้ามา
             "ผมไม่รู้สืบทอดอำนาจไปทำไม อำนาจประชาชนสำคัญสุด และเป็นอำนาจที่ถูกต้อง อยากเห็นประเทศเดินหน้า ไม่ใช้อำนาจที่ไปขัดแย้ง ขอให้ทุกคนดูแลกันว่าจะทำอย่างไร ต้องมีช่องทางให้ประชาชนเรียนรู้ว่า มีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร วันนี้หลายพวกเอาไปบิดเบือน ที่ปรับวันนี้เพื่อเอื้อประโยชน์ ผมถามว่าเอื้อใคร แล้วใครได้ รัฐบาลไม่เห็นได้อะไรเลย ขอสร้างความไว้เนื้อเชื้อใจกันด้วย ฝากคิดทำระบบข้าราชการเข้มแข็ง ไม่ขัดแย้งกับฝ่ายบริหาร ที่มีคุณธรรม จริยธรรม และธรรมาภิบาล และมองประโยชน์ประเทศชาติเป็นหลัก รวมถึงประชาชนต้องเรียนรู้ทันการพัฒนาไปพร้อมๆ กัน" นายกฯ กล่าว.

 

 

 


  

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ