ข่าว

อย่าด่วนพิพากษา"ทัศนีย์"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

พท.ชี้จม.ปลอมไม่เข้าข่ายความผิดม. 61 วรรค 2 เนื้อหาเป็นเพียงการแสดงความห่วงใย อย่าด่วนพิพากษากรณี"ทัศนีย์"

          27 ก.ค. --  นายสามารถ แก้วมีชัย อดีตส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะทำงานติดตามร่างรัฐธรรมนูญพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ขณะนี้เริ่มรู้สึกห่วงใยและกังวลต่อการออกเสียงประชามติ 7 ส.ค. หลังจากเกิดกระแสเรื่องจดหมายปลอมระบาดในพื้นที่ภาคเหนือ รวมถึงกรณีที่น.ส.ธารทิพย์ บูรณุปกรณ์ น้องสาวน.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ อดีตส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ถูกควบคุมตัวไปยังค่ายกาวิละ จ.เชียงใหม่ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พฤติกรรมที่เกิดขึ้นทั้งหมดน่าเป็นห่วงว่า การออกเสียงประชามติมีแนวโน้มจะทำให้เกิดความสับสนแก่ประชาชนที่จะเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ 

         ทั้งนี้ที่ตนบอกว่าประชาชนจะสับสนเพราะฝ่ายที่เห็นต่างไม่สามารถใช้สิทธิเสรีภาพที่มีอยู่ตามมาตรา 7 ในพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติฯ ได้ ขณะที่พื้นที่การแสดงความคิดเห็นของประชาชนถูกปิดกั้น ไม่สามารถหารือต่าง ๆ เพราะกลัวจะเข้าข่ายผิดประกาศคสช.ที่ห้ามชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน หรือหากจะวิพากษ์วิจารณ์ก็กลัวจะถูกจับผิดว่าเข้าข่ายขัดมาตรา 61 วรรค 2 พ.ร.บ.ประชามติฯ หลายคนจึงพยายามสื่อข้อความถึงประชาชนโดยใช้วิธีการต่าง ๆ รวมถึงการส่งจดหมายและในที่สุดก็ถูกจับกุม ส่วนกรณีที่มีการพูดกันว่ามีจดหมายปลอม แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังระบุเนื้อหาไม่ได้ว่ามีการปลอมอย่างไรนั้น หากเนื้อหาในจดหมายมีลักษณะตามที่เผยแพร่กันยืนยันว่าไม่เข้าข่ายความผิดมาตรา 61 วรรค 2 เพราะเนื้อหาเป็นเพียงการแสดงความห่วงใยเท่านั้น เช่น สิทธิการศึกษา สิทธิผู้สูงอายุ สาธารณสุข ที่จะลดลงจากรัฐธรรมนูญปี 40 และ 50 

         นายสามารถ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ประชาชนยังไม่เคยเห็นร่างรัฐธรรมนูญฉบับสมบูรณ์เลย เห็นแต่จุลสารที่กกต.ส่งมาให้ ซึ่งตนอ่านเนื้อหาแล้ว ชัดเจนว่าเป็นการโฆษณาชวนเชื่อ บิดเบือนร่างชัดเจน เช่น ในหน้า 4 ข้อ 2 เรื่องสิทธิการเรียนฟรีของนักเรียน ซึ่งในร่างรัฐธรรมนูญให้สิทธิ 12 ปีตั้งแต่อนุบาลจนถึงมัธยมต้น ส่วนการเรียนฟรีที่มัธยมปลายเคยได้กลับไม่ได้แล้ว แต่จุลสารของ กกต.ระบุว่าเรียนฟรีถึง 14 ปี ชัดเจนว่าสาระในร่างกับข้อมูลไม่ตรงกัน  ยืนยันว่าในพื้นที่ภาคเหนือไม่มีการทำจดหมายปลอม ไม่มีการสร้างความปั่นป่วน มีแต่การใช้ความร่วมมือในการให้ประชาชนไปใช้สิทธิออกเสียงประชามติอย่างเสรี เพียงแต่สิ่งที่ยังเป็นข้อสงสัยก็ขอโอกาสให้วิพากษ์วิจารณ์ ซักถาม เพื่อให้ประชาชนรับทราบความชัดเจน เพื่อให้กติกาของประเทศในอนาคตเกิดความชอบธรรม

         นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว อดีตส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จดหมายที่เผยแพร่ในพื้นที่ภาคเหนือเป็นสิทธิที่ทุกคนสามารถเผยแพร่แสดงความเห็นได้ และจากการตรวจสอบพบว่า การแสดงความเห็นเรื่องสิทธิผู้สูงอายุ การศึกษามีความตรงไปตรงมา ส่วนสิทธิรักษาพยาบาลคนที่ไม่ใช่ผู้ยากไร้อาจต้องร่วมจ่ายค่ารักษาพยาบาล ซึ่งเป็นเพียงการแสดงความเห็นเท่านั้น อีกทั้งข้อความในจดหมายไม่ได้ชี้นำให้ประชาชนรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ เชื่อว่าถ้าเรื่องถึงศาลน่าจะไม่เข้าองค์ประกอบมาตรา 61 วรรคสองของ พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2559 ทั้งนี้หากแสดงความเห็นต่างจากตัวร่างรัฐธรรมนูญไม่ได้นั้นตนมองว่าไม่ยุติธรรม การกำหนดให้ตัวร่างรัฐธรรมนูญเป็นข้อเท็จจริงเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความวุ่นวาย ขอให้รัฐเปิดพื้นที่ให้ประชาชนได้แสดงความเห็นด้วย

         ขณะที่นายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่มีการออกคำสั่งมาตรา 44 ระงับการปฏิบัติหน้าที่ของนายบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ นายกอบจ.เชียงใหม่ว่า ทำไมไม่ใช้พ.ร.บ.ประชามติฯ ดำเนินคดีกับนายบุญเลิศ หรือองค์ประกอบความผิดไม่ครบจึงใช้อำนาจพิเศษลงโทษ น่าเป็นห่วงภาพลักษณ์ของประเทศในช่วงใกล้ทำประชามติ

         ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีมาตรการช่วยเหลือผู้ถูกลงโทษอย่างไรบ้าง นายสามารถกล่าวว่า เหตุเมื่อวันที่ 23 ก.ค.ที่ผ่านมาคือการบุกสำนักงานของน.ส.ทัศนีย์ การบุกรวบตัวเจ้าหน้าที่ที่เทศบาล ต.ช้างเผือก ซึ่งน.ส.ทัศนีย์ก็ได้เดินทางไปพบผู้บัญชาการตำรวจภาค 5 เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจเมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่ผ่านมาโดยไม่ได้มีการควบคุมตัวหรือตั้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด และอีกเหตุการณ์หนึ่งคือ มีการจับผู้ที่เตรียมส่งจดหมายที่จ.ลำพูน โดยมีการจับต่อเนื่องมาจนถึงเมื่อวันที่ 26 ก.ค. แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีการสรุปสำนวนอะไร เท่าที่ตนทราบจากข่าวนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่กล้าที่จะสรุปสำนวนว่าผิดกฎหมายประชามติหรือไม่ จึงส่งเรื่องให้กกต.จังหวัด ด้านกกต.จังหวัดเองก็ไม่กล้าฟันธงว่าผิดหรือไม่ ทราบว่าตอนนี้ได้ส่งเรื่องมาให้กกต.กลางพิจารณา ดังนั้นวันนี้กระบวนการทำสำนวนจึงยังไม่มี แต่ที่เดือดร้อนคือการใช้อำนาจพิเศษเข้าควบคุมตัว และเมื่อคืนก็เกิดเหตุการณ์ที่น.ส.ธารทิพย์ น้องสาวของน.ส.ทัศนีย์ถูกทหารล้อมและเข้าคุมตัว เห็นได้ชัดว่ามีการใช้อำนาจอื่นมากกว่าอำนาจปกติในการดำเนินคดีตามกฎหมายประชามติ ซึ่งไม่น่าจะเป็นธรรมกับผู้ถูกปฏิบัติ เราก็สงสัยว่าเพราะคนที่โดนมีความเกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่จึงเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้

         ผู้สื่อข่าวถามว่า อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยมีส่วนในการจัดทำจริงใช่หรือไม่นั้น นายสามารถกล่าวว่า ตอนที่น.ส.ทัศนีย์เดินทางไปพบผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ก็ได้บอกว่า เรื่องนี้เป็นความรับผิดชอบของท่าน เพราะต้องการสื่อถึงพี่น้องประชาชน และคิดว่าเป็นสิทธิเสรีภาพในการสื่อสาร ไม่คิดว่าผิด ซึ่งเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนายกอบจ.ด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม สาระในจดหมายดังกล่าว กกต.ก็ยังไม่กล้าวินิจฉัยเลยว่าผิดหรือไม่ ดังนั้นอย่าเพิ่งด่วนพิพากษาใคร

 

 

                 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ