
‘บิ๊กตู่’ใช้ม.44คุม‘บั้งไฟ-พลุ-โคมลอย’ฝ่าฝืนคุก3ปี
‘บิ๊กตู่’ ใช้ ม.44 ออกมาตรการห้ามจุด-ปล่อย ‘บั้งไฟ-พลุ-โคมลอย’ ฝ่าฝืนเจอคุก 3 ปี ปรับ 6 หมื่น ย้ำมุ่งแก้ปัญหาการบิน 'ไอเคโอ' เชื่อมั่นไทยทำสำเร็จ
10มิ.ย.2559 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 27/2559 เรื่อง มาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากการจุดและปล่อยบั้งไฟ พลุ ตะไล โคมลอย โคมไฟ โคมควัน หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกันเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและเพื่อป้องกันอันตราย รวมทั้งความเสียหายที่จะเกิด แก่ชุมชนและประชาชน ลงนามโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ โดยอาศัยอํานาจตามความในมาตรา 44ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 มีคําสั่ง ดังต่อไปนี้
- ห้ามมิให้ผู้ใดจุดและปล่อย เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากผู้อํานวยการเขต สําหรับกรุงเทพมหานคร หรือนายอําเภอแห่งท้องที่ สําหรับจังหวัด ซึ่งรับผิดชอบในเขตพื้นที่ที่จะจุด และปล่อยหรือกระทําการอย่างใดนั้น โดยหลักเกณฑ์ในการพิจารณาอนุญาตของผู้อํานวยการเขตหรือนายอําเภอแห่งท้องที่ ให้เป็นไป ตามประกาศจังหวัดตามข้อ 2 หรือข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครตามข้อ 4 แล้วแต่กรณี
-ให้จังหวัดจัดทําประกาศจังหวัดโดยความเห็นชอบร่วมกันของคณะกรรมการจังหวัดและสภาวัฒนธรรมจังหวัด โดยอย่างน้อยต้องมีรายละเอียด เกี่ยวกับกําหนดระยะเวลาในการจุดและปล่อย ซึ่งต้องสอดคล้องกับระยะเวลาในการจัดงานประเพณีและวัฒนธรรมท้องถิ่น ชนิด ขนาด และจํานวน ที่จะทําการจุดและปล่อย
-ผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามประกาศจังหวัดหรือข้อบัญญัติ กรุงเทพมหานครต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจํา ทั้งปรับ
คําสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป คือวันนี้ (10 มิถุนายน 2559)
'บิ๊กตู่' ย้ำไอเคโอ ไทยมุ่งแก้ปัญหาการบิน
เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายอรัณ มิชรา ผู้อำนวยการภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (International Civil Organization: ICAO) เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
โดย พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังว่า ในการหารือทั้งสองฝ่ายกล่าวยินดีที่ได้พบ และขอบคุณที่เข้ามาร่วมกันแก้ไขปัญหาการบินพลเรือนของไทย โดยนายกรัฐมนตรีในนามรัฐบาลไทย กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญในการเร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว นายกรัฐมนตรีขอบคุณที่ไอเคโอ (ICAO) เห็นความสำคัญและเข้าใจสถานการณ์ปัญหาด้านการบินพลเรือนไทยเป็นอย่างดี และให้ความช่วยเหลือ โดยการส่งผู้เชี่ยวชาญมาร่วมแก้ไขปัญหา การติดต่อและแจ้งข่าวสาร ให้คำปรึกษาในการดำเนินการแก้ไขปัญหาข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความปลอดภัย ประเทศไทยจึงมีความจำเป็นที่จะต้องได้รับคำแนะนำ และช่วยเหลืออย่างใกล้ชิดจากไอเคโอ เพื่อให้ดำเนินงานไปในทิศทางที่ถูกต้องและมีมาตรฐาน
พล.ต.วีรชนกล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ไอเคโอได้ให้ความช่วยเหลือ คำปรึกษา และคำแนะนำในการตรวจสอบและประเมินเพื่อออกใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศ โดยสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ได้ร่วมทำงานกับผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ เพื่อมาช่วยดำเนินการการตรวจสอบและประเมินเพื่อออกใบรับรองผู้ดำเนินการเดินอากาศใหม่
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยได้กำหนดนโยบาย แนวทางการจัดทำแผนปฏิบัติการ รวมถึงปรับปรุงและพัฒนาการบินพลเรือนให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล อีกทั้งจัดงบประมาณสนับสนุนเพื่อฝึกอบรมบุคลากรด้านผู้ตรวจสอบความปลอดภัยการบิน ในโอกาสนี้นายกรัฐมนตรียืนยันถึงความมุ่งมั่นของไทยในการแก้ไขปัญหาในระยะยาว ทั้งการปรับปรุงโครงสร้างองค์กรเพื่อกำกับดูแลด้านการบิน เพื่อมุ่งเน้นการยกระดับระบบการกำกับดูแลความปลอดภัยด้านการบินพลเรือนในทุกกิจกรรม และเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล ข้อกำหนด และข้อเสนอแนะของไอเคโอ โดยจะมีการปรับปรุงกฎหมายและระเบียบต่างๆ การกำกับดูแลด้านความปลอดภัย การออกใบอนุญาตผู้ประจำหน้าที่ การปรับปรุงด้านอากาศยาน และการพัฒนาบุคลากรด้านการบิน
“ไอเคโอ” เชื่อมั่นนายกฯ แก้ปัญหาสำเร็จ
ด้านผู้อำนวยการภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก ไอเคโอ กล่าวขอบคุณไทย สำหรับการอนุญาตให้ตั้งสำนักงานประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ประเทศไทย และเชื่อมั่นว่า ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี ไทยจะสามารถดำเนินการแก้ปัญหาการบินพลเรือนได้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว รวมทั้งเชื่อมั่นในศักยภาพของบุคลากรไทย ทั้งนี้ประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีความสำคัญ ไม่ใช่แค่กับไอเคโอเท่านั้น แต่ไทยยังถือเป็นศูนย์กลาง (ฮับ) การบินทางอากาศ (แอร์ ทราฟฟิก) และเป็นศูนย์กลางในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย



