
‘กกต.’หวั่นมือมืดปลอมบุ๊คแล็ตบิดเบือนเนื้อหา-แอบวางแจกปชช.
กกต. หวั่น มือมืดปลอมบุ๊คแล็ตบิดเบือนเนื้อหา-แอบวางแจกปชช. เผย คนกรุงแห่แจ้งเบาะแส ทำผิดกม.ประชามติ “บุญส่ง” ขอบคุณศาลรธน. เร่งรับคำร้องผู้ตรวจฯ หวังเกิดความชัด
วันที่ 10 มิถุนายน 2559 นายบุญส่ง น้อยโสภณ กกต.ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่ กกต.ส่งเรื่องที่ประชาชนแจ้งเบาะแสกรณีนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายพิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ใส่เสื้อสกรีนข้อความว่า “รับ ไม่รับ เป็นสิทธิ์ ไม่ผิดกฎหมาย” ให้ กกต.กทม.พิจารณาว่า อยู่ระหว่างการรอผลการสอบสวนจาก กกต.กทม. ซึ่งหากมีมูลก็จะดำเนินการตามกฎหมาย นอกจากนี้ กกต.ยังได้รับการแจ้งเบาะแสการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญมาตลอด ซึ่งทั้งหมดเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร
นายบุญส่ง กล่าวต่อว่า ทราบจากผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดหลายจังหวัด ได้แสดงความกังวลว่าอาจมีผู้ไม่หวังดีปลอมแปลงจุลสารการออกเสียงประชามติ สรุปย่อสาระสำคัญร่างรัฐธรรมนูญและประเด็นเพิ่มเติม หรือ บุ๊คเล็ต ที่ กกต.จะดำเนินการส่งไปยังประชาชนทุกครัวเรือน ให้มีเนื้อหาที่ผิดเพี้ยนจากความเป็นจริง หรือ ชี้นำการออกเสียงประชามติทางใดทางหนึ่งไปวางไว้ในชุมชน ซึ่งในอนาคตอาจจะต้องพิจารณากันว่า ผอ.กกต.จังหวัดจำเป็นต้องลงบันทึกประจำวันต่อพนักงานสอบสวนถึงเนื้อหาที่แท้จริงของบุ๊คเล็ตไว้ก่อนหรือไม่
“ขอขอบคุณศาลรัฐธรรมนูญที่ดำเนินการรับคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดินไว้วินิจฉัยด้วยความรวดเร็ว ซึ่งจะทำให้เรื่องนี้มีความชัดเจนขึ้น ส่วนตัวมองว่ามาตรา 61 วรรคสอง ไม่กระทบต่อการแสดงความเห็นของประชาชนโดยทั่วไป แต่จะกระทบกับการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนมากกว่า อีกทั้งการตีความกฎหมายของกระบวนการยุติธรรมในการพิจารณาคดีในฐานความผิดนี้จะต้องไปเป็นอย่างเคร่งครัด โดยคำนึงถึงสิทธิเสรีภาพของประชาชน และองค์ประกอบของกฎหมายเป็นหลัก แต่ยอมรับว่าคำว่า ”หยาบคาย“ และ ”รุนแรง“ ไม่เคยถูกบัญญัติในโทษทางอาญามาก่อน”นายบุญส่ง กล่าวและว่า ยืนยันว่า ไม่ว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะออกมาเป็นอย่างไร กระบวนการออกเสียงประชามติในวันที่ 7 สิงหาคม นี้จะไม่ได้รับผลกระทบ ซึ่งขณะนี้สำนักงานกกต.ได้เตรียมความพร้อมไว้ทั้งหมดแล้ว
นายบุญส่ง กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ากฎหมายดังกล่าวขัดต่อรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ก็จะต้องนำไปสู่การร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ (แก้ไขเพิ่มเติม) ฉบับที่ 1 โดยนอกจากจะแก้ไขตามคำวินิจฉัยของศาลแล้ว กกต.อาจจะพิจารณาว่าควรเพิ่มเติมบทบัญญัติอะไรไปหรือไม่ในการแก้คราวเดียวกัน เพื่อประโยชน์ในการออกเสียงประชามติ โดย กกต.จะเป็นผู้ร่าง ก่อนส่งให้คณะรัฐมนตรีเป็นผู้พิจารณา จากนั้นส่งไปยังคณะกรรมกฤษฎีกาเพื่อดูความถูกต้อง และส่งกลับมาคณะรัฐมนตรีอีกครั้งเพื่อเสนอต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติให้พิจารณาอีก 3 วาระ โดยระหว่างนั้นจะยังถือว่า พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ยังมีผลใช้บังคับอยู่ จนกว่าฉบับแก้ไขจะประกาศใช้



