‘สุเทพ’หนุนร่างรธน.ฉบับ‘มีชัย’ชี้เหมาะสมกับสถานการณ์

 

          วันที่ 24 เม.ย.59 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืนร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ว่า  ในฐานะที่เป็นคนไทยคนหนึ่งและเป็นร่างทรงของมวลมหาประชาชน รู้สึกชอบรัฐธรรมนูญฉบับนี้มากเป็นพิเศษ ที่เขียนได้ถูกจริงตั้งแต่คำปรารภที่ระบุถึงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนของประเทศไทยว่าต้องการมีระบบการปกครองระบอบประชาธิปไตยและมีพระมหากษัตย์เป็นประมุข ซึ่งที่ผ่านมามีหลายประเทศไม่เข้าใจนึกว่าคนไทยและ กปปส. ต่อต้านประชาธิปไตย แต่ในคำปรารภได้เขียนแทนคนไทยทั้งประเทศที่ยืนยันว่าต้องการประชาธิปไตย แต่ไม่ใช่แคเปลือกนอกหรือรูปแบบเท่านั้น อีกทั้งร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้กำหนดเป้าหมายไว้ชัดเจนในการแก้วิกฤตของชาติ

 

          นายสุเทพ กล่าวว่า เมื่อดูในเนื้อหาสิ่งสำคัญที่สุดที่ต้องพิจารณาคือ บ้านเมืองไม่ได้อยู่ในสภาวะปกติ เป็นช่วงเวลาวิกฤต จนมาถึงวันที่ 22 พ.ค.ที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้ามาหาทางออกให้ประเทศ ตนจึงเห็นใจพล.อ.ประยุทธ์ ที่ยึดอำนาจมาเป็นคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ในวันนั้นจะเห็นว่าไม่มีทางเลือกหรือช่องทางอะไรอื่น แต่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้เขียนช่องทางไว้ชัดเจนว่าหากวันข้างหน้ามีเกิดวิกฤตเช่นในอดีต ก็ไม่ต้องทำรัฐประหาร เพราะมีคนเป็นเจ้าภาพตัดสินใจ โดยให้ประธานศาลรัฐธรรมนูญและผู้มีอำนาจในบ้านเมือง 13 คนมาร่วมกันหาทางออก ซึ่งคิดว่าเรื่องนี้ประชาชนชอบใจเพราะเชื่อว่าเป็นรัฐธรรมนูญที่แก้วิกฤตประเทศได้

 

          นายสุเทพ กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีการเขียนการปฏิรูปประเทศไว้อย่างชัดเจนในหมวดพิเศษที่ไม่เคยมีรัฐธรรมนูญฉบับใดเขียนไว้มาก่อน ซึ่งเมื่อคสช. เข้ามายึดอำนาจ มวลมหาประชาชนได้ตั้งความหวังว่าให้มีการปฏิรูปเกิดขึ้นและเห็นความพยายามของพล.อ.ประยุทธ์ ในการแก้ปัญหา แต่มีอีกหลายเรื่องคงทำไม่ทัน รัฐธรรมนูญจึงได้เขียนยุทธศาสตร์ชาติและกำหนดทิศทางการปฏิรูป โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วม และได้กำหนดว่ารัฐบาลต่อไปต้องทำอะไรบ้าง หากไม่ทำประชาชนสามารถฟ้องร้องได้ ซึ่งในสมัยที่ตนออกมาเดินขบวนทำหน้าที่เพื่อชาติและแผ่นดินไม่มีกฏหมายเขียนรองรับไว้ แต่ต่อไปเราสามารถแสดงออก เพื่อชาติบ้านเมืองได้ เพราะกฏหมายร้บรองไว้และไม่มีอะไรมายับยั้งได้

 

          นายสุเทพ กล่าวต่อว่า สำหรับกรณีที่มีรัฐธรรมนูญระบุให้ประชาชนที่ไม่สังกัดพรรคการเมืองสามารถเข้ามาเป็น สมาชิกวุฒิสภาได้นั้น ตนรู้สึกชื่นชอบและพอใจ และคิดว่าคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญได้พิจารณาจากความจริงที่เกิดขึ้นว่าที่ผ่านมาการฝากบ้านเมืองไว้กับนักการเมืองทำให้เห็นถึงความอันตรายมาแล้ว แต่ต่อไป ส.ว.จะเป็นอิสระจริงๆไม่มีใครมาแทรกแซงได้ ส่วนการเสนอชื่อบุคคล. 3 คน ของพรรคการเมืองที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีให้ประชาขนทราบก่อนการเลือกตั้งที่มีเสียงวิจารณ์ว่าเปิดทางให้นอกมาเป็นนายกรัฐมนตรี นั้น เราต้องรับความเป็นจริงว่าบางสถานการณ์จำเป็นต้องให้คนนอกมาเป็นนายกฯ เพื่อแก้ปัญหาบ้านเมือง ซึ่งไม่ต้องกังวลในประเด็นนี้ แต่เป็นเหมือนบทบัญญัติที่ค้ำประกัน เพื่อเปิดทางให้ประเทศเดินหน้าได้

 

          “ผมนายสุเทพ ฟังเสียงประชาชนและติดตามการร่างรัฐธรรมนูญมาโดยตลอด จึงขอยืนยันด้วยความเห็นส่วนตัว ในฐานะที่ทำงานร่วมกับมวลมหาประชาชนว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ดี และเหมาะสมกับสถานการณ์ เป็นร่างรัฐธรรมนูญที่ให้ความหวังในเรื่องการปฏิรูป ”นายสุเทพ กล่าว

 

          นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ส่วนที่ยังมีข้อกังขาเกี่ยวกับส.ว. 250 คน ที่คสช. ระบุไว้ในบทเฉพาะกาล นั้น มองว่าเป็นกรณีชั่วคราว เป็นข้อยกเว้นที่เหมาะสมเพราะสถานการณ์ข้างหน้าคาดการได้ยาก และเชื่อว่าประชาชนยังไม่มั่นใจ ว่าเลือกตั้งแล้วจะเกิดอะไรขึ้น คสช.ได้เสี่ยงตายมายึดอำนาจ จึงต้องการให้หลังการเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงไม่มีอะไรน่ากังวลและตนก็เห็นด้วยกับบทเฉพาะกาลนี้ และที่มีการครหาว่าเป็นการสร้างพรรคการเมืองใหญ่มามีอำนาจในสภานั้นตนมองว่าเป็นเพียงจินตนาการ อย่าเอาความสงสัยมาเป็นความเชื่อ มันบาป และบทบัญญัติก็ไม่ได้เขียนไว้อย่างนั้น นอกจากนี้ในประเด็นคำถามพ่วง ที่ ให้ ส.ว.มีส่วนร่วมเลือกนายกฯ นั้น ตนยังไม่เห็นความชัดเจนว่าคำถามยาวหรือสั้น แต่หากประชาชนทั้งประเทศลงคะแนนประชามติเห็นด้วย ก็มองว่าเป็นเพียงแค่หลังการการเลือกตั้งครั้งแรกครั้งเดียว

 

          นายสุเทพ กล่าวว่า สำหรับการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ เชื่อว่าไม่มีผลต่อการทำประชามติและเชื่อมั่นว่านายกจะดูแลบ้านเมืองให้สงบ ทำประชามติอย่างราบรื่นได้ และเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่จะให้ความร่วมมือกับนายกฯที่อยากเห็นประเทศเดินหน้า ส่วนการเปิดให้มีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญนั้น หากพูดตามข้อเท็จจริงแบบตนในวันนี้ก็สามารถทำได้ แต่อย่าบิดเบือนหรือปลุกระดม ว่าจะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ แต่หากคิดว่าที่ตนพูดวันนี้ทำไม่ได้ก็คงเรียกตนไปปรับทัศนคติเอง

 

          ส่วนท่าทีของ กปปส. ที่ออกมาตรงกันข้ามกับท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่ต้องเอามาพิจารณาเพราะนักการเมืองมีบทบาทอีกแบบ แต่เราเป็นประชาชนที่ลงทุนลงแรงเสียเลือดเสียเนื้อและเสียชีวิตต่างต้องการเห็นบ้านเมืองพ้นวิกฤตอย่างถาวรจึงต้องเดินหน้าทำหน้าที่ต่อไปและตนได้ประกาศไปแล้วว่าเลิกเล่นการเมือง จะไม่กลับไปพรรคการเมืองใด และจะไม่ตั้งพรรคการเมืองใหม่ ดังนั้นท่าทีของตนจึงคิดแบบประชาชนไม่ใช่คิดแบบนักการเมือง