ข่าว

‘ปู’ขึ้นศาลคดีข้าวฟังไต่สวนพยานโจทก์นัด6

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

‘ยิ่งลักษณ์’ ขึ้นศาลฎีกาฯฟังการไต่สวนพยานโจทก์ ครั้งที่ 6 คดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ขณะที่มวลชนแห่ให้กำลังใจ

 
        ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ.แจ้งวัฒนะ วันที่ 1 เม.ย.59 เวลา 09.30 น. นายชีพ จุลมนต์ รองประธานศาลฎีกา เจ้าของสำนวน พร้อมองค์คณะรวม 9 คน ไต่สวนพยานโจทก์ครั้งที่ 6 คดีโครงการรับจำนำข้าว หมายเลขดำ อม.22/2558 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิดตาม พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 กรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งทำให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท      
 
        ทั้งนี้ก่อนการไต่สวน วันนี้ศาลได้แจ้งให้คู่ความทราบว่า หลังจากที่องค์คณะฯ มอบหมายให้ สำนักงานศาลยุติธรรมเชิญบรรณาธิการ หนังสือพิมพ์แนวหน้ารายวัน , ผู้จัดการออนไลน์ และสำนักข่าวสปริงนิวส์ มาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการเสนอข่าวนั้น สำนักงานศาลยุติธรรม ได้มีหนังสือรายงานมาที่องค์คณะฯ แจ้งว่า สำนักงานศาลยุติธรรม ได้เชิญสื่อทุกคนมาทำความเข้าใจแล้ว     
 
        ต่อมาเมื่อเริ่มไต่สวน อัยการจึงนำ พล.ต.ท.ยุทธนา ไทยภักดี อดีตประธานคณะอนุกรรมาธิการติดตามตรวจสอบการระบายข้าวรัฐบาล ในคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ วุฒิสภา เป็นพยานปากแรกในวันนี้ ระบุว่า หลังจากได้รับแต่งตั้งเป็น ปธ.อนุกรรมาธิการฯ ได้เข้าตรวจสอบปัญหาการทุจริตโครงการจำนำข้าว โดยกรณีดังกล่าวคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ได้มีมติให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) ดำเนินโครงการปรับปรุงข้าวและจำหน่ายข้าวถุงในราคาถูก เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมถึงประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ด้วย ซึ่งการจ้างเอกชนดำเนินการปรับปรุงคุณภาพและจำหน่ายข้าวถุง อคส.จะเป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด เมื่ออนุกรรมาธิการฯ ตรวจสอบสัญญาที่ อคส.ทำไว้กับเอกชนพบว่ามีความบกพร่อง และไม่ตรวจสอบศักยภาพของเอกชนที่จะปรับปรุงคุณภาพข้าวและนำข้าวบรรจุถุง อีกทั้งในการร่างสัญญา อคส.ไม่ได้ประสานไปยังอัยการให้มาช่วยตรวจสอบเนื่องจาก อคส.อ้างว่าเป็นเรื่องภายใน ซึ่งการตรวจสอบยังพบด้วยว่าข้าวส่วนใหญ่ไม่ถึงมือประชาชน เมื่อเรียกเจ้าของโรงสี และ อคส.มาชี้แจง ทราบว่าไม่มีการบรรจุข้าวถุงส่งร้านค้าเพื่อจำหน่าย แต่เป็นการขายช่วงต่อแบบยกกระสอบจนข้าวหมดสต๊อก อนุกรรมาธิการฯ จึงได้ทำหนังสือถึง รมว.พาณิชย์ แจ้งให้ระงับการดำเนินการทำข้าวถุง และให้กระทรวงพาณิชย์รายงานถึงนายกรัฐมนตรีทราบ ต่อมา รมว.พาณิชย์ ได้มีคำสั่งยกเลิกการจำหน่ายข้าวถุง และสั่งให้ อคส.เรียกข้าวคืนทั้งหมดภายในวันที่ 31 ส.ค.56 แต่เนื่องจากอคส. ขายช่วงต่อในเอกชนไปแล้วจึงไม่สามารถหาข้าวมาคืนได้ทันตามกำหนด
 
        ส่วนที่กระทรวงพาณิชย์ มีคำสั่งตามมติ กขช.ให้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบการดำเนินงานของ อคส.นั้น คณะกรรมการที่ทำหน้าที่ตรวจสอบก็เป็นบุคคลภายในของ อคส. จึงไม่แน่ใจว่าการตรวจสอบจะพบความผิดปกติหรือไม่ ทั้งนี้การดำเนินการของ อคส.อยู่ในการกำกับดูแลของ กขช. เมื่อพบว่าการระบายข้าวถุงมีการทุจริต และยังมีสงสัยเกี่ยวกับการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวที่สามารถเชื่อมโยงไปถึงบุคคลอื่นได้ จึงส่งเรื่องให้กับ ป.ป.ช.ใช้อำนาจตรวจสอบ แต่ปรากฏว่า ป.ป.ช.ได้แจ้งข้อกล่าวหาบุคคลเพียง 16 คนและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในฐานะประธานกขช. แต่คณะกรรม กขช.อีก 23 คน ป.ป.ช.ยังไม่มีดุลยพินิจ ซึ่งไม่ทราบ ป.ป.ช.จะมีการแจ้งข้อกล่าวหาบุคคลอื่นเพิ่มเติมอีกหรือไม่    
 
        ขณะที่นายประจักษ์ บุญยัง รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน พยานอีกปาก ที่เข้าไต่สวนวันนี้ ระบุว่า สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน มีหนังสือด่วนที่สุดเกี่ยวกับข้อห่วงใยในการดำเนินโครงการจำนำข้าวถึงนายกรัฐมนตรี 4 ฉบับ เพื่อให้มีการแก้ไขโดยเร็ว และได้ให้การเรื่องดังกล่าวรวมถึงจัดทำรายงานการตรวจสอบโครงการจำนำข้าวที่ระบุหนี้สินโครงการระบายข้าวกว่า 5.4 แสนล้านบาท ส่งให้กับป.ป.ช.ด้วย ซึ่งตัวเลขดังกล่าวพยานได้ข้อมูลจาก อคส. สำหรับหนังสือฉบับแรกนั้นเป็นการตรวจสอบข้อมูลจากหน่วยงานภาครัฐพบปัญหาและความเสี่ยงของโครงการ จึงทำหนังสือแจ้งนายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นข้อมูลกำหนดแนวทางดำเนินโครงการไม่ให้เกิดปัญหา     
 
        ส่วนฉบับที่ 2 ได้แจ้งให้คณะรัฐมนตรีเร่งรัดดำเนินการออกใบประทวนให้เป็นธรรม แต่ก็ไม่ได้รับการชี้แจงกลับมา ขณะที่หนังสือฉบับที่ 3 ได้แจ้งปัญหาและความไม่โปร่งใสของโครงการจำนำข้าว และฉบับที่4 เป็นข้อเสนอให้รัฐบาลพิจารณาทบทวนและยุติโครงการจำนำข้าว แม้จะไม่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบหรือมีหลักฐานยืนยันความไม่โปร่งใสของโครงการ แต่ก็ได้วิเคราะห์และตรวจสอบข้อมูลของโครงการครั้งก่อนๆ จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดมาตรการป้องกัน     
 
        ขณะที่พยาน ระบุด้วยว่าหลังทำหนังสือแล้วไม่ทราบว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้แต่งตั้งอนุกรรมการขึ้นมา 2 ชุด เพื่อติดตามดูและให้ความเป็นธรรมการดำเนินโครงการจำนำข้าว และตรวจสอบการทุจริตเยียวยาฟื้นฟูฯ รวมถึงสั่งการให้กระทรวงพาณิชย์นำข้อเสนอแนะของ สตง.ไปดำเนินการ ซึ่งหลังรับคำสั่ง กระทรวงพาณิชย์ขอหนังสือฉบับที่ 1-2 แสดงให้เห็นว่ากระทรวงพาณิชย์ไม่ได้รับทราบคำแนะนำแต่แรก ต่อมากระทรวงพาณิชย์มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการจำนำข้าวตามความเห็นของสตง. และรายงานการตรวจสอบให้ สตง.ทราบ     
 
        ภายหลังศาลไต่สวนพยานอัยการโจทก์วันนี้เสร็จ 2 ปาก อัยการได้อ้างส่งเอกสาร สรุปประเด็นหนังสือ 4 ฉบับของิสตง.ที่ส่งถึงนายกรัฐมนตรี โดยศาลรับไว้พิจารณา ซึ่งจำเลยจะขอทำคำคัดค้านเอกสารดังกล่าวต่อไป     
 
        ขณะที่ศาลนัดไต่สวนพยานโจทก์ปากต่อไป ในวันที่ 22 เม.ย.นี้ เวลา 09.30 น.    
 
        ขณะที่วันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กล่าวถึงการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ว่า อยากให้ประชาชนใช้ดุลพินิจพิจารณาในประเด็นสำคัญคือเรื่องสิทธิของประชาชนแ ละที่มาของ ส.ว. โดยเฉพาะ ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้ง ซึ่งขอให้ไปพิจารณาเทียบกับรัฐธรรมนูญฉบับเก่า รวมทั้งกรณีอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญว่าเป็นไปตามกลไกของระบอบประชาธิปไตยและสากลหรือไม่
 
        โดยขอให้ ครม. และ คสช.พูดให้ชัดเจนว่าหลังผลการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญจะมีทิศทางขับเคลื่อนเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งตามระยะเวลาและแผนของโร๊ดแมปอย่างไร    
 
        น.ส.ยิ่งลักษณ์ อดีตนายกฯ กล่าวด้วยว่า คงไม่ใช่เพียงพรรคเพื่อไทยเท่านั้นที่ก่อนหน้านี้ได้ออกแถลงการณ์ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ แต่เชื่อว่าพรรคอื่นๆก็จะใช้โอกาสนี้ในการแสดงความเห็น ดังนั้นจึงอยากให้ทุกฝ่ายรณรงค์ภายใต้กฎหมาย และขอโอกาสให้ทุกฝ่ายได้รณรงค์แม้ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้เพื่อให้ประชาชนได้ทราบข้อมูลที่ครบถ้วนก่อนตัดสินใจ     
 
        ส่วนกรณีที่มีการจับกุมผู้โพสต์ภาพ ขันสีแดง ระบุข้อความ แม้สถานการณ์จะร้อน ขอให้พี่น้องได้รับความเย็นผ่านขันใบนี้ ด้วยรักและห่วงใยสุขสันต์วันสงกรานต์
 
        น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า บรรยากาศช่วงนี้นึกถึงประเพณีไทย ส่งความสุขถึงกัน ประชาชนทุกคนต้องการกำลังใจ และเป็นการระลึกถึงกันในช่วงประเพณีสงกรานต์ที่สืบต่อกันมา    
 
        การที่เจ้าหน้าที่จับกุม จะเป็นการทำเกินไปหรือไม่ เป็นเรี่องดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ ส่วนตัวอยากเห็นการสืบสานประเพณีไทยมากกว่าเรื่องความมั่นคง พร้อมปฎิเสธว่าไม่รู้เรื่องและไม่เกี่ยวข้องกับการแจกขันแดง    
 
        ส่วนที่คสช.จัดหลักสูตรอบรมนักการเมือง อดีตนายกฯ กล่าวว่าขึ้นอยู่กับผู้จัดว่ามีวัตถุประสงค์ และต้องการอะไร ผลหลังการจัดได้ประโยชน์อะไร และดีขึ้นหรือเปล่า ไม่อยากให้มองเรื่องการจัดเพื่อจำกัดสิทธิเสรีภาพ อยากเห็นการเปิดโอกาสให้พูดคุย และให้เกียรติซึ่งกันและกัน
 
 
 
logoline

ข่าวที่น่าสนใจ