ร้องขอเมตตาหลังถูกศาลจำคุกแกนนำม็อบชาวนาปิดถนน

 เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 27 กรกฏาคม นายจิรายุ เผ่ากา สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย  เขต อ.พาน ได้พากลุ่มแกนนำชาวนาจำนวน 11 คน ที่ได้ทำการปิดถนนพหลโยธิน ซึ่งเป็นถนนสายหลักเชียงราย-พะเยาะ ต.เจริญเมือง อ.พาน ในช่วงต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เข้ายื่นหนังสือขอความเมตตาที่ศาลจังหวัดเชียงราย หลังจากที่ศาลได้มีการพิจารณาคดีในวันที่ 23 กรกฏาคมที่ผ่านมา ให้จำคุกแกนนำกลุ่มผู้ปลูกข้าวนาปรัง ในพื้นที่ อ.พาน จำนวน 3 คน คือ

 ประกอบด้วย นายอำพล เวียงสิมา นายมานิตย์ คำปุก และ นายภูชิต โสลา เป็นเวลา 6 เดือน และปรับคนละ 100 บาท ในข้อหาผิดกฎหมายทางจราจร กฎหมายทางหลวงและการใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยไม่รอลงอาญา ยื่นต่อนายสมชาย นพสรอมรกิจ ผู้อำนวยการสำนักงานศาลจังหวัดเชียงราย ผ่านไปยังอธิบดีผู้พิพากษาศาลภาค 5 ประธานศาลอุทธรณ์ภาค 5 และหัวหน้าผู้พิพากษาศาลจังหวัดเชียงราย

 เบื้องต้นหนังสือดังกล่าวได้มีการระบุว่าในการตัดสินของศาลทุกคนยอมรับกการพิจารณาของศาล แต่ได้มีข้อเปรียบเทียบว่ากลุ่มเกษตกรชาวนา คือ นายบุญเรียน โนพะเส้า นายบุญแต่ง ธรรมสาร และนายกิจชนะ ปาระมี ที่ได้ทำการปิดถนน บริเวณศาลเจ้ากิ่วทัพยั้ง ต.แม่จัน อ.แม่จัน ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน ซึ่งได้ถูกส่งฟ้องเหมือนกันโดยข้อหาคล้ายกันและได้มีการรับสารภาพเหมือนกัน แต่ได้มีการพิจารณาลงโทษเพียงแค่ปรับคนละ 10,000 บาท และให้รอลงอาญา 2 ปี ดังนั้นจึงขอความเมตตาจากศาล

 นอกจากนี้ หนังสือยังระบุว่าการพิจารณาคำตัดสินของศาลที่มีต่อกลุ่มเกษตรกร อ.พาน นั้นทุกคนยอมรับผลการตัดสินแต่เห็นว่าคำตัดสินรุนแรงเกินไปและไม่เหมือนกัน ดังนั้นจึงขอความเมตตาจากศาลเพื่อให้ช่วยผ่อนปรนให้แก่ชาวนา เพราะไม่ได้มีเจตนาจะกระทำผิดกฎหมาย แต่ชาวนาได้รับความเดือดร้อนจริง

 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังที่นายสมชาย นพสรอมรกิจ ผู้อำนวยการสำนักงานศาล จ.เชียงราย ได้รับหนังสือจากตัวแทนเกษตรกรและรับจะได้ยื่นหนังสือต่อไป พร้อมกับระบุว่าอำนาจคำตัดสินของศาลไม่สามารถที่จะเข้าไปก้าวล่วงได้ ซึ่งต้องรอต่อสู้ในชั้นศาลอุทธรณ์ ซึ่งไม่สามารถทราบได้ว่าศาลจะมีการพิจารณาอย่างไรต่อไป พร้อมกันนี้กลุ่มชาวนาที่ได้ถูกศาลตัดสินได้มีการร่วมกันเรี่ยไรเงินในการประกันตัวคนละ 30,000 บาท ซึ่งทางนายจิรายุ ได้ใช้ตำแหน่งส.อบจ.เชียงรายในการช่วยประกันตัวในครั้งนี้ด้วย