ข่าว

‘บิ๊กตู่’สั่งจับ‘มือโพสต์ผังโกงราชภักดิ์’เอง

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

‘บิ๊กตู่’สั่งจับ‘มือโพสต์ผังโกงราชภักดิ์’เอง ไม่ห่วงหลังบ้านถูกโยงเพราะไม่ใช่เรื่องจริง ‘ไพบูลย์’ถกนปช.ชื่นมื่นหวังเป็นต้นแบบปรองดอง นายกฯยังแจงอยู่ระหว่างศึก

            เมื่อเวลา 16.00น. วันที่ 9 ธ.ค.2558 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้สัมภาษณ์กรณีเจ้าหน้าที่จับกุมผู้เผยแพร่แผนผัง “เปิดปมการทุจริตอุทยานราชภักดิ์” ได้แล้วว่า ไม่ต้องมีข่าวตนรู้อยู่แล้ว เพราะเป็นคนสั่งเขาจับเอง ทำไม แล้วจะยังไง เขาจับมาแล้วมีตัวมีชื่อ มีรูปหน้า มีบัตรประชาชน กำลังสอบว่าโยงไปถึงใคร สำหรับเหตุผลในการโพสต์ดังกล่าวก็ยังไม่รู้ เขากำลังสอบ เบื้องต้นผู้ถูกจับบอกว่าไม่รู้ รับจากคนอื่นมา พูดทำนองนี้ตลอดไอ้พวกนี้ แต่มันโพสต์จังเลย ทุกที ทำไมต้องส่ง ตนก็ไม่เข้าใจ ซึ่งเมื่อเห็นแล้วก็โมโห มันไม่ใช่เรื่อง                    

            ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นห่วงจิตใจคนหลังบ้านหรือไม่ที่ถูกพาดพิงในแผนผังด้วย นายกฯ กล่าวว่า จะไปโยงใยอะไร ก็ไม่ใช่เรื่องจริงเขาก็ไม่เดือดร้อนอะไร อย่าไปยุ่งกับทุกเรื่อง ถ้าเรามั่นใจว่าเราทำในสิ่งที่ดีแล้ว และไม่ได้ทำในสิ่งที่เขาว่ามา มันก็ต้องทำใจให้สบาย ต้องไปว่าคนทำ เดี๋ยวก็หาว่าตนไปรังแก ละเมิดสิทธิมนุษยชน ในการใช้สื่อโซเชี่ยล มีเดียร์ อย่างนั้นก็เตลิดกันไปให้หมดแล้วกัน อยากจะด่าว่าใครก็เขียนลงมา                

            ผู้สื่อข่าวรายงายว่าการให้สัมภาษณ์ในวันนี้ของนายกฯมีท่าทีที่อารมณ์ดีขึ้น กว่าการแถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีวานนี้ (8ธ.ค.) โดยภายหลังการให้สัมภาษณ์เสร็จ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สองสามวันนี้ตาช้ำหมดแล้ว เพราะเวลาคิดมากแล้วปวดลูกตา จำหน้าใครไม่ค่อยได้ มองใครแล้วเห็นเป็นศัตรูหมด แต่ความจริงจำได้ทุกคนแหล่ะ พอได้พูดก็หายเครียด ถ้าไม่มีนักข่าวก็ไม่รู้จะมีชีวิตอยู่ได้ยังไง เพราะไม่มีที่ระบาย ที่พูดไปก็แบบนี้ก็คลื่นไส้นะ


‘ไพบูลย์’ถกนปช.หวังต้นแบบปรองดอง

            นายณัฐวุฒิ ใสยเกี้อ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการ (นปช.) เข้าพล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อขอให้มีการตรวจสอบการทุจริตโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์  พร้อมนำเอกสารและข้อมูลด้านการข่าวมามอบให้ โดยมีนายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และพ.ท.กรทิพย์ ดาโรจนรองเลขาธิการสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท เข้าร่วมรับฟังโดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง

            พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า  ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่นายจตุพรและนายณัฐวุฒิได้ใช้ช่องทางนี้ในการขอให้ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ทำการตรวจสอบปัญหาการทุจริตโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์โดยมีการนำเอกสารมาให้เพื่อประกอบการพิจารณา เป็นเอกสารข้อมูลทางการสอบสวนแต่ละเรื่อง ไม่ได้มีหลักฐานชี้ชัดว่า ใครหรือมีการทุจริตตรงไหน แต่เป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐและเอกชนที่บริจาคเงิน และการรับจ้างหล่อพระรูป โดยมีข้อสังเกตเป็นประเด็นและให้สอบแต่ละเรื่อง ซึ่งได้ข้อยุติว่าจะใช้ช่องทางนี้ในการประสานการตรวจสอบ โดยนายจตุพรและนายณัฐวุฒิจะมาพบเป็นระยะๆและจะส่งข้อสังเกตเพิ่มเติมให้หากพบหลักฐานอีก ในส่วนของศอตช.นั้นตนได้ให้สตง.และป.ป.ท.ชี้แจงว่า ได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง และแต่ละหน่วยงานมีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบอย่างไร ทั้งการจัดซื้อจัดจ้างว่ามีประเด็นหรือไม่

            พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวอีกว่า สำหรับข้อมูลที่ให้มาเป็นข้อสังเกตเพื่อนำไปสู่การตรวจสอบในแต่ละจุด ไม่ได้เป็นหลักฐานเพราะหลักฐานส่วนใหญ่อยู่ที่กองทัพ ซึ่งสตง.ได้ชี้แจงว่าตรวจสอบในแนวทางเดียวกันกับข้อสังเกตดังกล่าว โดยข้อสังเกตของคนทั้งสองจะระบุถึงหน่วยงานภาครัฐฐและเอกชนที่บริจาคเงินไปใช้ในอุทยานราชภักดิ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการนำเงินบริจาคไปใช้และการรับจ้างโรงหล่อพระรูป เบื้องต้นข้อมูลที่นำมาให้ก็มีประโยชน์หลายส่วน อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกองทัพบก ได้ส่งข้อมูลเบื้องต้นมาให้ตรวจสอบแล้ว แต่ยังไม่ครบเนื่องจากตลอดเดือนธันวาคมนี้ กองทัพมีภารกิจสำคัญเชื่อว่าหลังเสร็จสิ้นภารกิจในวโรกาสสำคัญต่างๆ การตรวจสอบจะเดินหน้าอย่างรวดเร็วเพราะเป็นประเด็นทีป่ระชาชนให้ความสนใจ

            รมว.ยุติธรรม กล่าวด้วยว่า นายจตุพรยืนยันว่าการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับการเมืองและไม่มีการเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่ต้องการเอาผิดคนทำทุจริตและนำมาลงโทษ โครงการนี้มีการทุจริตแน่นอน เพราะได้รับคำยืนยันจากฝ่ายปฎิบัติและบุคคลที่เกี่ยวข้อง จึงเป็นหน้าที่ของหน่วยงานตรวจสอบที่จะต้องตรวจให้พบ จะตรวจไม่เจอได้อย่างไร ในเมื่อผู้ปฎิบัติออกมายอมรับแล้วว่ามีการทุจริต ทุกคนก็เชื่อว่ามีการทุจริต ถ้าวันหนึ่งตนไม่มีคุณธรรมจริยธรรม ตนก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน

            “ผมบอกวันนี้เลยว่า ต้องเจอคนผิด การตรวจสอบไม่มีเบี่ยงเบน เพราะผู้เกี่ยวข้องยอมรับเอง หากสตง.ไปตรวจสอบแล้วออกมาบอกว่าไม่มีทุจริต ท่านจะเชื่อหรือไม่ ประชาชนจะเชื่อหรือไม่ หากบอกว่าไม่มีทุจริตบ้านเมืองจะอยู่อย่างไร ให้บอกประชาชนไปเลยว่ามีการทุจริต แต่จะเป็นใครและเกิดขึ้นในช่วงไหน ขอให้รอการตรวจสอบให้ชัดเจนส่วนเรื่องบัญชีบริจาคของมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ที่ระบุว่าต้องมีการรับรองงบดุล แต่ขณะนี้ยังมีเงินไหลเข้ามาเรื่อยๆเพราะยังไม่ได้ปิดบัญชีจึงขอให้สตง.ขีดเส้นเพื่อปิดบัญชี เพื่อเริ่มการตรวจสอบ” พล.อ.ไพบูลย์กล่าว

            พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มนักศึกษาประชาธิปไตยใหม่กำลังเคลื่อนไหวเรื่องดังกล่าว ว่า ถ้ามีเวลาอยากให้มาพบในแนวทางเดียวกับนายณัฐวุฒิและนายจตุพร ถ้าตั้งใจจะตรวจสอบเรื่องนี้จริงๆก็ขอให้มาร่วมมือกัน อย่าสร้างนวตกรรมใหม่ในการตรวจสอบเพราะจะทำให้บ้านเมืองสับสน หลังจากนี้ขอให้ประชาชนตัดสินว่าผู้ที่ออกมาเคลื่อนไหวในรูปแบบต่างๆต้องการอะไรกันแน่ เพราะตนได้ทำให้เห็นชัดเจนแล้ว ซึ่งนายณัฐวุฒิและนายจตุพรก็พอใจจึงน่าจะเป็นตัวอย่างที่ดีที่จะนำไปสู่การปรองดองที่แท้จริง วันนี้ไม่อยากพูดมากเพราะนักศึกษาก็อายุมากแล้วแต่เรายังเห็นว่ายังเป็นเยาวชนจึงไม่อยากจะทำอะไรมาก

            "ที่ผ่านมานายกฯก็พูดชัดว่า หลักฐานถึงใครลงโทษทันที ไม่มีการตัดตอนไปยังบุคคลที่หลบหนีคดี หากหลักฐานถึงใครก็ต้องโดนหมด ขอให้แยกแยะระหว่างคดี 112 กับคดีทุจริตการก่อสร้างอุทยานฯ ซึ่งอาจจะมีบุคคลกลุ่มเดียวกันเข้าไปเกี่ยวข้องโดยคดี 112 ทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) ได้ตรวจสอบเส้นทางการเงินแล้ว แต่ในคดีทุจริตฯยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบยังไม่ถึงขั้นตอนที่ปปง.จะเข้ามาตรวจสอบบอกได้ว่าขณะนี้หลักฐานทยอยเข้ามาเรื่อยๆและยังตอบไม่ได้ว่า คดีมีความซับซ้อนหรือไม่”พล.อ.ไพบูลย์กล่าว

            ด้านนายจตุพร กล่าวว่า หลักฐานที่นำมายื่นให้ตรวจสอบครั้งนี้ยอมรับว่าไม่มีทางที่จะครบถ้วน 100% เพราะหลักฐานทั้งหมดอยู่ในกลไกรัฐ ดังนั้น ข้อมูลที่นำมาให้จึงเป็นเพียงหลักฐานเบื้องต้นที่จะนำไปสู่การสืบสวนสอบสวน ทั้งนี้ โครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ เป็นกรณีที่ใหญ่เกินกว่าที่จะเป็นเรื่องของการเมือง การจะทำให้จบได้ก็คือทำความจริงให้ปรากฏ ซึ่งได้ยื่นให้ตรวจสอบหลายเรื่องตั้งแต่เรื่องของงบบริจาคที่บางส่วนเป็นงบประมาณของแผ่นดิน เนื่องจากมีการทำหนังสือส่วนราชการ และผู้ว่าราชการรับทราบ ทำให้หลายจังหวัดมีการนำงบของจังหวัดซึ่งเป็นงบประมาณแผ่นดินมาบริจาค นอกจากนี้ ตนได้รับทราบข้อมูลว่ามีการโยกพัฒนาของกองทัพบกมาใช้สร้างความไม่พอใจภายในกองทัพซึ่งแสดงออกด้วยการไม่เข้าร่วมพิธีเปิด และยังขอสนับสนุนงบประมาณจากทุกกระทรวงและผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆด้วย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องดำเนินการเร่งด่วนขณะนี้คือการเข้าไปตรวจสอบโรงหล่อเพื่อเทียบสัดส่วนโลหะว่าได้มาตรฐานหรือไม่ เรื่องดังกล่าวจะกระทบความโครงสร้างและความแข็งแรงของรูปหล่อ

            ขณะที่นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า แม้เงินที่นำมาจัดสร้างอุทยานฯจะมาจากการบริจาค ซึ่งมาจากทั้งภาครัฐและเอกชน แต่ประเด็นคือเมื่อบริจาคแล้วเงินทุกบาทถือเป็นเงินหลวง เมื่อมีการนำไปใช้อย่างไม่ถูกต้องก็ต้องตรวจสอบได้ ทั้งนี้ แม้รมว.ยุติธรรมจะยืนยันว่าจะตรวจสอบเรื่องดังกล่าวเหมือนกับการตรวจสอบทุจริตปกติ แต่ตนเสนอว่ากระบวนการปกติใช้ในห้วงเวลาที่ไม่ปกติเช่นนี้ไม่ได้ เนื่องจากขณะนี้ความเชื่อมั่นกลไลการตรวจสอบลดลงมาก ดังนั้น จึงเสนอให้มีตัวแทนภายนอกเข้าร่วมสังเกตการณ์ตรวจสอบของศอตช. ประกอบด้วย ตัวแทนจากสื่อมวลชน จากนักวิชาการที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรม และด้านอื่นที่เกี่ยวข้องกับกลไลทั้งหมด และเอกชนที่มีหน้าที่ตรวจสอบทุจริต เบื้องต้นรมว.ยุติธรรมรับไว้พิจารณา

            นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ตนมีความกังวลกรณีที่มีข้อมูลปรากฏชัดเจนโดยรมว.กลาโหมระบุว่ากระบวนการจัดสร้างอุทยานฯมีการเรียกรับผลประโยชน์ หักหัวคิว ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ที่ผู้จัดสร้างจะลดวัสดุที่นำมาก่อสร้างหรือไม่ ประเด็นนี้เกรงจะกระทบกับความคงทนของพระรูป สมควรต้องตรวจสอบทันที อย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่าขณะนี้กระบวนการขับเคลื่อนในการหาตัวผู้ที่ถูกออกหมายจับมาดำเนินคดียังไม่เป็นรูปธรรมนัก ย้ำว่าการออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องที่ถูกนำมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง และไม่มีการเดินเกมส์ใต้ดิน ต้องการแค่ความจริงและผู้รับผิดชอบ สำหรับการออกมาเคลื่อนไหวของกลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ตนไม่ได้มีความรู้จักส่วนตัว แต่เห็นว่าเป็นการเคลื่อนไหวของเสรีชน แกนนำนปช.ได้กำชับกันเสมอว่าไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของนักศึกษา เพราะจะยิ่งสร้างความเคลือบแคลงใจให้กับประชาชน

            เมื่อถามว่าหลักฐานที่นำมาวันนี้เกี่ยวข้องกับแผนผังทุจริตอุทยานฯที่เชื่อมโยงบุคคลต่าง ๆ รวมถึงนายกรัฐมนตรีและภรรยาด้วยหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เป็นหลักฐานคนละประเด็นกัน เรื่องอุทยานฯต้องรอฟังผลตรวจสอบของรัฐบาล วันนี้พูดได้เพียงพอใจท่าทีที่เปิดกว้างของรมว.ยุติธรรม


นายกฯแจงอยู่ระหว่างศึกษาร่วมทีพีพี

            พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการพิจารณาเข้าร่วมความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (ทีพีพี)ว่า กำลังอยู่ในระหว่างศึกษาใช้เวลา 1 ปี แต่แนวโน้มไม่ได้ตัดสินใจว่าจะร่วมหรือไม่ ต้องไปดูว่าหากเข้าร่วมแล้วจะได้เสียอย่างไร หากไม่ร่วมแล้วจะได้เสียอะไร มันมีทั้งได้และเสีย หากวันหน้าเขาไปกันหมดแล้วเราตกขบวน จะทำอย่างไร วันนี้ไม่ได้ วันหน้าก็ไม่ได้ คนละกลุ่มกัน ผูกพันกันอย่างไรทั้งทีพีพี การเจรจาเปิดเสรีในกรอบความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ ระดับภูมิภาค(อาเซป) เยอะไปหมด มันเป็นกลุ่มที่ตั้งขึ้นมาตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลก ตามที่มหาอำนาจกำหนดอย่างนี้ เราอยู่คนเดียวไม่ได้แน่นอน ต้องรีบทำให้เขายอมรับให้ได้ว่าบ้านเมืองเราเปลี่ยนแปลง หากกลับไปที่เดิมก็อยู่กันลำบาก

            ผู้สื่อข่าวถามว่ากังวลถึงผลการประเมินของสำนักงานบริหารการบินแห่งชาติของสหภาพยุโรป (เอียซา) ที่กำลังจะถึงนี้แล้วหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กังวล ไม่ใช่เราประเมินเองเขาประเมิน กังวลทุกเรื่อง แต่อย่าลืมว่าปัญหาทั้งหมดมันมีความบกพร่องมาทั้ง 2-3 ร้อยข้อ มีมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เราก็ค่อย ๆ แก้มา จน 35 ปัญหาเราก็แก้ แต่บางปัญหามันแก้ไม่ทัน มันหมักหมม การตรวจสอบ การกำหนดมาตรฐาน คนของเราไม่พอ แต่มีสายการบินเพิ่ม ใครทำ มันต้องฝ่ายบริหารทั้งหมด ไม่อย่างนั้นไม่ต้องมาแก้เสียเวลา ประเทศจะเดินหน้าต้องมาแก้ข้างหลังนี่ด้วย ทั้งเดินหน้า ทั้งดึงขา ตลอด จะเดินไป 3 ก้าวต้องถอย 2 ก้าว มาแก้ปัญหา มันเลยช้า เวลาก็มีจำกัด แต่จะทำให้ได้มากที่สุด


ไฟเขียว‘ภุชงค์’ขอความเป็นธรรม

            พล.อ.ประยุทธ์  ให้สัมภาษณ์กรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) มีมติปลดนายภุชงค์ นุตราวงศ์ พ้นจากตำแหน่งเลขาธิการกกต. ว่า หากนายภุชงค์ จะร้องขอความเป็นธรรมก็ร้องเรียนโดยการทำหนังสือขึ้นมาตามช่องทาง ซึ่งที่ผ่านมามีหลายเรื่องขอความเป็นธรรมมา ตนก็ให้คณะกรรมการไปตรวจสอบความถูกต้อง หลายอย่างเป็นเรื่องการประเมินก็มาชี้แจงให้ชัดเจนขึ้น ถ้าเป็นในส่วนของข้าราชการ แต่กรณีนายภุชงค์ เป็นการจ้าง ถ้าประเมินแล้วไม่ผ่านก็จ้างต่อไม่ได้ ต้องไปดูว่าไม่ผ่านเกณฑ์การประเมินเพราะอะไร ทำงานได้หรือไม่ได้ ดีหรือไม่ดี แต่ไม่ใช่เป็นการรังแกกัน โดยตนแทบไม่เคยได้เจอนายภุชงค์ และคุยกันนาน ๆ เสียที เจอแว็บ ๆ ก็รู้จัก              

            ผู้สื่อข่าวถามว่า นายภุชงค์ ให้เหตุผลการขอความเป็นธรรมโดยอ้างว่ากกต.ใช้งบประมาณไม่โปร่งใส จนกระทบการทำหน้าที่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่เกี่ยว ยุ่งกันไปหมดทุกวัน สรุปว่าทุจริตเกือบทุกหน่วยงานหรืออย่างไร ตนไม่รู้ เดี๋ยวไปร้องเรียนเข้าช่องทางมา เสนอร้องทุกข์กล่าวโทษเข้ามา

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ