เบื้องหลัง 'ฟ้าให้ทีวี' กับ 'เสียงเสรี' ที่ทหารไม่ปลื้ม

รายการ “เสียงเสรี” โดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีต ผบ.ตร. ออกอากาศทางช่องทีวีดาวเทียม “ฟ้าให้ทีวี” (Fahhai TV) มานานกว่าครึ่งปี แต่เพิ่งมีคนรู้จักทั้งประเทศ เมื่อ คสช.บุกสถานีทีวีดังกล่าว แจ้งจับผู้เกี่ยวข้องฐานเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ

วันที่ 18 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา พ.อ.บุรินทร์ ทองประไพ เสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชาฝ่ายกฎหมาย คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นำกำลังเข้าตรวจค้นสถานีวิทยุโทรทัศน์ ฟ้าให้ทีวี ตั้งอยู่เลขที่ 45/410-411 ซอยบอนด์สตรีท ถนนติวานนท์ ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี หลังพบว่ามีการออกอากาศรายการทีวี “เสียงเสรี” มีเนื้อหาเข้าข่ายเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ กระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน และไม่ได้รับอนุญาตให้เปิดสถานี

จากนั้น “พ.อ.บุรินทร์” ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด 8 ราย โดยเป็นนิติบุคคล 1 ราย ประกอบด้วย 1.บริษัท ฟ้าคุ้ม จำกัด 2.พรทิพา สุพัฒนุกูล 3.ชัยวัฒน์ จันทร์เต็ม 4.ขุนน้ำ เนรัญชรา 5.ณรงค์ฤทธิ์ ภู่ทวี 6.วริศ อาคำ 7.ปัณณธร รัตน์ภูริเดช และ 8.พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)

เหตุการณ์ดังกล่าวข้างต้น ก่อให้คำถามตามมาว่า ช่องฟ้าให้ทีวี เป็นของใคร? และพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผบ.ตร. คนที่ 5 ฉายา “วีรบุรุษนาแก” มาเกี่ยวข้องกับช่องนี้ได้อย่างไร?

ย้อนไปต้นเดือนเมษายน 2558 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้เป็นประธานพิธีเปิดสถานีโทรทัศน์ฟ้าให้ทีวี ซึ่งออกอากาศทางแพลตฟอร์มจานส้ม ไอพีเอ็ม ช่อง 69 ขณะเดียวกัน “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” ก็มีรายการเป็นของตัวเองชื่อ “เสียงเสรี” ออกอากาศทุกวันเสาร์ และวันอาทิตย์ เวลา 13.00-14.00 น. ทางช่องนี้

สำหรับช่องฟ้าให้ทีวี เป็นของบริษัท ฟ้าคุ้ม จำกัด โดยมี ธนวิทธิ์ กลับน่วม เป็นประธานบริษัท และ พรทิพา สุพัฒนุกูล เป็นผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ฟ้าให้ทีวี

จริงๆ แล้ว แกนหลักของช่องนี้คือ “ฟ้า” พรทิพา สุพัฒนุกูล อดีตผู้จัดรายการทีวีทางช่อง 13 สยามไท และเจ้าของแฟนเพจ “ฟ้า พรทิพา ข่าวเพื่อประชาชน”

ปี 2551 “ฟ้า" พรทิพา อดีตเจ้าของร้านข้าวต้มกลางเมืองสุราษฎร์ธานี ได้เข้าร่วมชุมนุมกู้ชาติ 193 วัน กับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และเป็นหนึ่งในกลุ่ม “7 หมวยรักชาติ” แม่ยกเจ้าประจำหน้าเวทีพันธมิตรฯ

ต่อมา “ฟ้า" พรทิพา ไปร่วมจัดรายการทีวีทางช่อง 13 สยามไท ของ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ซึ่งได้จัดรายการ “เบสต์ออฟยัวร์ไลฟ์” ขายน้ำสมุนไพรก้านตอง

แม้จะทำกิจการขายน้ำสมุนไพรขายตรงทางหน้าจอ แต่ “ฟ้า" พรทิพา ก็ยังทำกิจกรรมทางการเมือง ผ่านแฟนเพจ “ฟ้า พรทิพา ข่าวเพื่อประชาชน” และคอยติดตามความเคลื่อนไหวของ “กลุ่มคนล้มเจ้า” ในสื่อโซเชียล

ปี 2556 “ฟ้า" พรทิพา ร่วมกับกลุ่มกองทัพนิรนาม นำโดย ร.อ.ทรงกลด ชื่นชูผล (ผู้กองปูเค็ม) เรียกร้องให้รัฐบาลชี้แจงโครงการจำนำข้าว

ต้นปี 2558 มี “ผู้ใหญ่” ที่เคยพบกับ “ฟ้า" พรทิพา ในเวทีชุมนุมพันธมิตรฯ ได้พาตัวเธอไปพบกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ และกลุ่มเพื่อนเสรี อันนำมาสู่การเปิดรายการ “เสียงเสรี” ทางช่องฟ้าให้ทีวี

รายการ “เสียงเสรี” กลายเป็นจุดขายของช่องฟ้าให้ทีวี เพราะ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ มีสไตล์การพูดตรง ไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม แถมชำแหละวงการตำรวจแบบคนรู้ลึกรู้จริง

จะว่าไปแล้ว พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ มิได้จัดรายการเสียงเสรี ทางช่องฟ้าให้ทีวีอย่างเดียว หากยังเดินสายให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์และออกทีวีบางช่อง โดยเน้นการวิพากษ์องค์กรตำรวจ รวมถึงตัวบุคคลในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ให้สัมภาษณ์ จอม เพชรประดับ ผ่านทางเว็บ Thaivoicemedia เรียกร้องให้ปฏิรูปกองทัพเช่นเดียวกับองค์กรอื่น และเป็นครั้งแรกที่ “วีรบุรุษนาแก” วิพากษ์กองทัพอย่างตรงไปตรงมา

เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ในรายการ “เสียงเสรี” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้พูดถึงปัญหาความไม่โปร่งใส ในโครงการอุทยานราชภักดิ์ และวิจารณ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ว่าปกป้องพวกเดียวกัน

อีก 4 วันถัดมา นายทหารจาก คสช. จึงเดินทางไปเยี่ยมสถานีทีวีช่องฟ้าให้ทีวี พร้อมกับการแจ้งจับบุคคลที่เกี่ยวกับรายการเสียงเสรี

วันที่ 20 พฤศจิกายน 2558 “ฟ้า" พรทิพา ได้ออกแถลงการณ์ในนามสถานีโทรทัศน์ฟ้าให้ทีวี ว่า “ทางฟ้าให้ทีวี มีความจำเป็นต้องงดออกอากาศชั่วคราว ตามที่ปรากฏต่อสาธารณชนนั้น ทางสถานีโทรทัศน์ฟ้าให้ทีวี ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส แต่อย่างใด สถานีโทรทัศน์ฟ้าให้ทีวีมีนโยบายสนับสนุนการทำงานของรัฐบาล และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ มาโดยตลอด ไม่ได้มีเจตนา ฝ่าฝืนกฎหมาย และข้อห้ามต่างๆ ซึ่งจะไม่ขอกล่าวในที่นี้”

ส่วน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ นับจากวันที่เกิดเหตุ “ปิดฟ้าให้ทีวี” ก็ยังไม่ได้ยิน “เสียงเสรี” ออกมาชี้แจงหรือตอบโต้ใดๆ นอกจากส่งทนายความไปพบเจ้าพนักงานที่กองปราบฯ

เสรีพิศุทธ์...จะได้ส่ง “เสียงเสรี” ต่อไปอีกหรือไม่ คสช.จะเป็นผู้ให้คำตอบ