ข่าว

ศาลยกฟ้อง‘มัลลิกา’ไม่ผิดหมิ่น‘ปู’ว.5โฟร์ซีซั่นส์

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ศาลยกฟ้อง "มัลลิกา" รองโฆษก ปชป. ไม่ผิดแถลงข่าวหมิ่น อดีตนายกฯ "ยิ่งลักษณ์" ว.5 โฟรซีซั่นส์ ชี้ เป็นการติชมฝ่ายรัฐบาลทำงาน

 
 
          วันที่ 27 เม.ย.58 เมื่อเวลา 09.00 น. ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.2493/2556 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมกันเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นด้วยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 , 328 และ332 ตามฟ้องโจทก์ เมื่อวันที่ 10 ก.ค.56 บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า ระหว่างวันที่ 19-20 ก.พ.55 กลางวัน จำเลยได้แถลงข่าว ที่พรรคประชาธิปัตย์ ต่อสื่อมวลชนหลายฉบับ ทำนองว่า “ ตอนนี้คุณอยู่ในฐานะผู้นำประเทศ ในหมวกใบนี้...คุณจนตรอกพูดอะไรไม่ได้ และเอาคำว่าสิทธิสตรีไปทำเรื่องผิดจริยธรรมขอถามคุณว่าจะเป็นนายกได้หรือไม่ จะเป็นภรรยาที่ดีได้หรือไม่...” ซึ่งภายหลังสื่อมวลชนได้นำไปเผยแพร่โดยตีพิมพ์ในหัวข้อข่าวเมื่อวันที่ 20 ก.พ.55 “ไล่ปูอยู่ไม่ได้ก็ออกไป” ซึ่งข้อความดังกล่าวทำให้คนอื่นเข้าใจว่า น.ส ยิ่งลักษณ์ นายกรัฐมนตรี ผู้เสียหายมีพฤติการณ์และความประพฤติที่ผิดจริยธรรมในฐานะ ภรรยาและแม่ของลูก โดยท้ายคำฟ้องอัยการขอให้ศาลยึดและทำลาย เอกสารที่มีข้อความแสดงการหมิ่นประมาท รวมทั้งให้จำเลยโฆษณาคำพิพากษาอย่างน้อย 7 ฉบับเป็นเวลา 7 วันด้วยเช่นกัน
 
          โดยนางมัลลิกา จำเลย เดินทางมาฟังคำพิพากษาของศาลพร้อมด้วยทนายความ ส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์ โจทก์ร่วม ไม่ได้เดินทางมาศาล แต่มีผู้รับมอบอำนาจมาฟังคำพิพากษาแทน
  
          ขณะที่เมื่อถึงเวลาอ่านคำพิพากษา ศาลไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนและผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องในคดี เข้าร่วมฟังคำพิพากษาในห้องพิจารณา โดยให้เพียงแต่คู่ความที่เกี่ยวข้องเท่านั้น
  
          อย่างไรก็ดี ศาลได้มีคำพิพากษายกฟ้อง โดยพิเคราะห์แล้วเห็นว่า แม้อัยการโจทก์และโจทก์ร่วม นำพยานขึ้นเบิกความ แต่ประเด็นการเบิกความของพยานโจทก์แตกต่างกันทั้งในประเด็นเรื่องของห้องที่ใช้ในการประชุม ที่โรงแรมโฟรซีซั่นส์ ซึ่งเบิกความเป็นคนละห้องกัน
 
          ส่วนพยานซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ติดตามโจทก์ร่วม ก็ไม่ได้อยู่ภายในห้องประชุมด้วย โดยนั่งรออยู่ด้านนอกห้องประชุมชั้น7 รวมทั้งตัวโจทก์ร่วมเองและนักธุรกิจที่เข้าร่วมประชุมกับโจทก์ร่วมในวันดังกล่าว ก็ไม่ได้มาเบิกความเป็นพยานต่อศาล จึงมีข้อพิรุธสงสัยว่าโจทก์ร่วมอยู่ในการประชุมที่โรงชั้นโฟร์ซีซั่นส์ชั้น 7 ด้วยหรือไม่ อีกทั้งโจทก์ร่วมไม่ได้แจ้งกำหนดการดังกล่าวให้สื่อมวลชนทราบ จึงเป็นที่สงสัยแห่งสาธารณชน และไม่ปรากฎว่าโจทก์ร่วมได้ออกมาชี้แจงหรือแถลงข่าวในกรณีดังกล่าวให้ทราบแต่อย่างใด จำเลยในฐานะประชาชนและในฐานะรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ย่อมมีสิทธิที่จะติชมการทำงานของฝ่ายรัฐบาลและสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้
 
          ส่วนข้อความที่จำเลยแถลงข่าวนั้น ก็ไม่ได้ชี้ชัดว่าเป็นการกล่าวหาโจทก์ร่วมในประเด็นเรื่องที่โจทก์ร่วมผิดจริยธรรมหรือไปเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ทับซ้อนอย่างไรบ้าง พยานหลักฐานของอัยการโจทก์และโจทก์ร่วมที่นำสืบจึงไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะรับฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง การแถลงข่าวของจำเลยจึงเป็นการติชมด้วยความสุจริตเป็นธรรม จึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท
           
          ขณะที่ น.ส.มัลลิกา รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ จำเลย กล่าวว่า ขอบคุณศาลให้ความเป็นธรรมพิพากษายกฟ้อง ตนในฐานะรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของผู้บริหารประเทศ เราต้องยึดมั่นในการทำหน้าที่ต่อไป
 
          น.ส.มัลลิกา กล่าวอีกว่า สาระสำคัญของคดีนี้ คือ ข้อมูลที่โจทก์นำมายื่นฟ้องนั้น เมื่อมีการนำสืบพยานในชั้นศาลที่จะต้องชี้แจงข้อมูลอย่างละเอียดแล้วปรากฏว่า พยานฝ่ายโจทก์และโจทก์ร่วมต่างเบิกความไม่ตรงกันในหลายประเด็น อีกทั้งไม่ได้มีการนำนักธุรกิจที่อ้างว่าเข้าร่วมประชุมที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาสืบพยานในชั้นศาลแม้แต่คนเดียว ศาลเห็นว่าการแถลงข่าวของตนเป็นการติชมด้วยความเป็นธรรมสุจริต จึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ทั้งนี้หากโจทก์หรือโจทก์ร่วมยื่นอุทธรณ์ เราก็จะสู้อุทธรณ์ต่อไป อย่างไรก็ดีสำหรับคดีเกี่ยวเนื่องกันนี้ มีทั้งหมด 3 สำนวน ซึ่งคดีที่ยื่นฟ้องตน และนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ศาลก็ยกฟ้องแล้ว ขณะนี้จึงเหลือเพียงคดี ที่ยื่นฟ้อง นายชวนนท์ , นายเทพไท เสนพงศ์ และนายศิริโชค โสภา ในฐานะผู้ดำเนินรายการ “สายล่อฟ้า ” ช่องบลูสกาย อีกเพียงคดีเดียวเท่านั้นที่ยังพิจารณาอยู่
 
 
logoline

ข่าวที่น่าสนใจ