ข่าว

ป.ป.ช.เชือด‘บุญทรง’คดีระบายข้าวจีทูจี

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ป.ป.ช.เชือด‘บุญทรง’พร้อมพวก คดีระบายข้าวจีทูจี พร้อมไต่สวนบริษัทค้าข้าวอีกกว่า 100 ราย เรียกค่าเสียหายอีก 600,000 ล้าน 'บุญทรง'โวยใช้เป็นเหยื่อโยงคดีถอด‘ปู’

                 ที่สำนักงานป.ป.ช. สนามบินน้ำ เมื่อเวลา 15.00น.ของวันที่  20 ม.ค.2558  นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกกรรมการ ป.ป.ช. ได้แถลงถึงมติการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่าตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้แต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวน เรื่องกล่าวหา นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่ ตามกฎหมายอื่น กรณีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าว โดยมีนายวิชา มหาคุณ เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวนนั้น
     
                 จากการไต่สวนข้อเท็จจริงของคณะอนุกรรมการไต่สวน รับฟังได้ว่านายภูมิ สาระผล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าว พันตรี วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการ และเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายมนัส สร้อยพลอย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายทิฆัมพร นาทวรทัต เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ และรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายอัครพงศ์ ช่วยเกลี้ยง หรือทีปวัชระ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเลขานุการกรม และผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ นายสมคิด เอื้อนสุภา นายรัฐนิธ โสจิระกุล นายลิตร พอใจ ผู้รับมอบอำนาจชำระเงินและผู้รับมอบอำนาจรับมอบข้าว บริษัทสยามอินดิก้า จำกัด นางสาวรัตนา แซ่เฮ้ง ในฐานะกรรมการบริษัทสยามอินดิก้า จำกัด นางสาวสุธิดา จันทะเอ ในฐานะกรรมการบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด นางสาวเรืองวัน เลิศศลารักษ์ ในฐานะกรรมการบริษัทสยามอินดิก้า จำกัด และในฐานะส่วนตัว นายโจ หรือนิมล รักดี นายสุธี เชื่อมไธสง นางสาวสุนีย์ จันทร์สกุลพร นายกฤษณะ สุระมนต์ นายสมยศ คุณจักร บริษัทสิราลัย จำกัด หรือบริษัทกีธา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด นางสาวธันยพร จันทร์สกุลพร ในฐานะกรรมการบริษัทสิราลัย จำกัด และนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร

                 ได้ร่วมกันกระทำความผิด ด้วยการแบ่งหน้าที่กันทำงาน โดยช่วยเหลือ มุ่งหมาย และเอื้อประโยชน์ให้กับ Guangdong stationery & sporting goods imp. & exp. Corp. และ Hainan grain and oil industrial trading company ซึ่งมิได้รับมอบหมายจากรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนให้เข้ามาทำสัญญาซื้อขาย แต่ให้มีสิทธิเข้าทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ โดยไม่ต้องแข่งขันราคากับผู้เสนอราคารายอื่นแล้วนำข้าวที่ซื้อได้ในราคาที่ต่ำกว่าราคาขายภายในประเทศ หรือต่ำกว่าราคาที่ฝ่ายไทยเสนอ หรือต่ำกว่าราคาที่รับจำนำ   นำไปขายต่อให้กับผู้ประกอบการค้าข้าวในประเทศ  หรือนำไปให้บริษัทสยามอินดิก้า จำกัด นำไปขายต่ออีกทอดหนึ่ง ก่อให้เกิดความเสียหายแก่กรมการค้าต่างประเทศ และประเทศชาติ  อย่างร้ายแรง

                 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว มีมติว่า ผู้ถูกกกล่าวหาดังกล่าวข้างต้นร่วมกันกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม        การทุจริต พ.ศ. 2542 และให้ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชาของผู้ถูกกล่าวหา ที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพื่อพิจารณาโทษทางวินัย และให้ส่งรายงาน เอกสาร และความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดําเนินคดีอาญากับผู้ถูกกล่าวหาตามฐานความผิดดังกล่าวข้างต้น ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 92 และมาตรา 97 แล้วแต่กรณี สำหรับผู้ถูกกล่าวหารายอื่นนั้น ให้คณะอนุกรรมการไต่สวน ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงโดยเร็วต่อไป

                  พร้อมนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเพิ่มเติม ดังนี้

                 1. ให้นำข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องกล่าวหานี้ ในส่วนของการดำเนินการโครงการรับจำนำข้าว และการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ให้สำนักงาน ป.ป.ช. ไปดำเนินการศึกษาเพื่อกำหนดมาตรการ ความเห็น และข้อเสนอแนะ เพื่อให้มีการปรับปรุงการปฏิบัติราชการ หรือวางแผนงานโครงการของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานของรัฐ เพื่อป้องกันและปราบปรามการทุจริตต่อหน้าที่ กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม ตามมาตรา 19 (12) แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542

                 2. สำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐกับ Guangdong stationery & sporting goods imp. & exp. Corp. และ Hainan grain and oil industrial trading company แจ้งให้กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลัง ดำเนินการให้ผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ซึ่งเกี่ยวข้องกับความเสียหายชดใช้ค่าเสียหาย ตามมาตรา 73/1 วรรคท้าย แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542

                 3. แจ้งให้กรมสรรพากร กระทรวงการคลัง ตรวจสอบธุรกรรมการทางการเงิน หรือการชำระภาษีของผู้ถูกกล่าวหา รวมถึงผู้เกี่ยวข้องที่ทำการสั่งจ่ายแคชเชียร์เช็คให้กับกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ตามมาตรา 103/7 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542

                 4. กรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่าการเจรจาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ซึ่งมีนางปราณี ศิริพันธ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และประธานคณะทำงานดำเนินการระบายข้าวเป็นผู้เสนอ และมีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวเป็นผู้ให้ความเห็นชอบ กับ (1) บริษัท Haikou Liangmao Cereals and Oils Trading Co., Ltd. ปริมาณ 3,000,000 ตัน (2) บริษัท Haikou Liangyunlai Cereals and Oils Trading Co., Ltd. ปริมาณ 2,000,000 ตัน (3) บริษัท Hainan Province land Reclamation Industrial Development ปริมาณ 4,000,000 ตัน  และ  (4) บริษัท Hainan Land Reclamation Commerce and Trade Group Co., Ltd. ปริมาณ 5,000,000 ตัน นั้น บริษัทฯ ดังกล่าวมิได้เป็นหน่วยงานของรัฐที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนให้เข้ามาทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ แต่กระทำไปโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม อันเป็นการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือทุจริตตามกฎหมายอื่น เห็นควรดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงตามมาตรา 66 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542

                 5. ให้สำนักงาน ป.ป.ช. ดำเนินการแสวงหาและรวบรวมพยานหลักฐานว่าในสมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีการซื้อขายมันสำปะหลังในรูปแบบสัญญาซื้อขายรัฐต่อรัฐหรือไม่ อย่างไร แล้วนำเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ช. เพื่อพิจารณาวินิจฉัยต่อไป

              นายวิชา กล่าวอีกว่านอกจากนี้ยังมีมติให้กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กรมการค้าต่างประเทศเรียกค่าเสียหาย กับบริษัทที่ถูกกล่าวหทั้งหมด ซึ่งน่าจะเกิน 600,000 ล้านบาท และแจ้งให้กรมสรรพากรตรวจสอบภาษีของผู้ถูกกล่าหาและผู้จ่ายแคเชียร์เช็ค

              เมื่อถามว่าการชี้มูลช่วงนี้ตรงกับที่จะถอดถอนนางสาวยิ่งลักษณ์ เชื่อมโยงหรือไม่ นายวิชากล่าวว่าเป็นเรื่องบังเอิญจำได้หรือไม่ว่าตนบอกล่วงหน้าแล้ว ตั้งแต่ก่อนทีกำหนดการถอดถอนนางสาวยิ่งลักษณ์ ไม่ได้ปุบปับชี้มูลเราทำงานมีขั้นตอน

 

'บุญทรง'โวยใช้เป็นเหยื่อโยงคดีถอดถอน'ปู'
 
             นายบุญทรง กล่าวว่า แม้ว่าคณะกรรมการป.ป.ช.จะชี้มูลตนในวันนี้ก็ตาม แต่กระบวนการทางกฎหมายก็ยังไม่ถึงที่สุด ยังมีขั้นตอนที่ต้องส่งสำนวนคดีไปให้อัยการสูงสุดพิจารณาอีกชั้นหนึ่ง และท้ายที่สุดแม้ว่าอัยการสูงสุดจะมีความเห็นสั่งฟ้องต่อศาล ตนยังเชื่อว่าจะได้รับความเป็นธรรมจากศาล เพราะไม่ได้กระทำผิดตามที่ถูกกล่าวหา แต่ที่น่าเสียใจจากการชี้มูลคดีของป.ป.ช.ในวันนี้ คือ มีวาระซ่อนเร้นหรือไม่ เพราะเป็นการชี้มูลคดีของตนก่อนที่จะมีการแถลงปิดคดีถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ เพียง 2 วัน ตนเป็นเพียงเหยื่อทางการเมืองที่หวังจะเอาผลคดีนี้ไปโยงกับคดีถอดถอนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วคดีเป็นคนละเรื่องกัน

 

ทนาย'ยิ่งลักษณ์'ยันเป็นคนละข้อกล่าวหากัน

                 นายนรวิชญ์  หล้าแหล่ง ทนายความน.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า สำหรับกรณีที่ป.ป.ช.ชี้มูลนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์นั้น เป็นกรณีที่ป.ป.ช.กล่าวหาว่าทุจริตในเรื่องการระบายข้าว ซึ่งต่างจากคดีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ถูกกล่าวหาว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 ซึ่งเป็นคนละข้อกล่าวหากัน จะเห็นได้จากรายงานการไต่สวนของป.ป.ช.ที่ส่งให้กับสนช. นั้น ก็ได้ระบุไว้ว่า ไม่ปรากฏหลักฐานว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ได้สมยอมหรือมีส่วนร่วมในการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวแต่อย่างใด และหวังว่า ป.ป.ช.คงไม่นำเรื่องการชี้มูลในคดีของนายบุญทรงมาโยงกับคดีถอดถอนของน.ส.ยิ่งลักษณ์ในวันแถลงปิดสำนวนคดี

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ