ข่าว

'อนาคตการเมืองไทย''บ้านเลขที่109'พ้นโทษแบน

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'อนาคตการเมืองไทย' 'บ้านเลขที่109'พ้นโทษแบน : ขนิษฐา เทพจร, โอภาส บุญล้อม, โอฬาร เลิศรัตนดำรงกุล รายงาน

             นับแต่วันที่ 2 ธันวาคมนี้ นักการเมือง 109 คน หรือที่เรียกกันว่า “บ้านเลขที่ 109“ จากอดีต 3 พรรคการเมือง คือ พรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย จะพ้นโทษแบนทางการเมือง สืบเนื่องจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2551 ให้ยุบพรรคพลังประชาชน พรรคชาติไทย และพรรคมัชฌิมาธิปไตย และให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคทั้ง 3 พรรคการเมือง จำนวน 37 คน 43 คน และ 29 คน ตามลำดับ คนละ 5 ปี

             สีสันทางการเมืองคงจะเข้มข้นขึ้นอีกมาก เมื่อนักการเมืองผู้คร่ำหวอด เก๋าเกม หวนกลับสู่ถนนทางการเมืองอีกครั้ง ท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่ตึงเครียดเข้าขั้นวิกฤติอยู่ในขณะนี้

             คราวนี้ลองมาฟังเสียงของ ”นักการเมือง” ที่พ้นโทษแบนในครั้งนี้ดูบ้างว่า ตัวเขาเองวางบทบาททางการเมืองไว้อย่างไร และมีมุมมองต่อสถานการณ์การเมืองในขณะนี้อย่างไรบ้าง

             สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ซึ่งถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองจนต้องกระเด็นจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรี บอกว่า ยังไม่ได้วางแผนทางการเมือง เพราะไม่สนใจที่จะเล่นการเมืองอีกแล้ว อย่างมากก็แค่เป็นที่ปรึกษาให้พรรคเพื่อไทย และสนับสนุนนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้บริหารประเทศต่อไป

             "ผมตั้งใจว่าจะไม่รับตำแหน่งทางการเมืองอีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็น ส.ส. รัฐมนตรี หรือตำแหน่งนายกฯ ผมไม่ใช่นักการเมืองอาชีพ เป็นข้าราชการที่ลงเล่นการเมืองคราวที่แล้ว ก็เพราะความจำเป็น เนื่องจากพรรคไทยรักไทยถูกยุบ ทำให้ไม่มีตัวเลือก แต่ตอนนี้คนพรรคไทยรักไทยเดิมพ้นโทษแบนและหวนกลับลงเล่นการเมืองแล้ว และยังมีคนจากพรรคพลังประชาชนที่พ้นโทษแบนคราวนี้อีก มีคนเยอะแยะให้เลือกแล้ว"

             "สมชาย" ยังมองว่า นักการเมืองที่พ้นโทษแบนทางการเมืองครั้งนี้ จะมีบทบาททางการเมืองแค่ไหนก็ขึ้นกับนายกฯ ในการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อนักการเมืองเก่าจำนวนมากหวนกลับสู่ถนนการเมืองอีกครั้ง จะทำให้การเมืองมีสีสันเข้มข้นขึ้น อย่างอดีตนายกฯ บรรหาร ศิลปอาชา ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองจากการที่พรรคชาติไทยถูกยุบก็ได้กลับเข้ามาสู่วงการเมืองอีกครั้ง

             ส่วนความตึงเครียดภายหลัง สุเทพ เทือกสุบรรณ นำมวลชนออกมาต่อต้าน "ระบอบทักษิณ" เรียกร้องให้มีการปฏิรูปการเมือง และมีการปิดล้อม ยึดสถานที่ราชการ "สมชาย" เห็นว่า เมื่อนักการเมืองที่มีประสบการณ์สูงพ้นโทษแบนกลับเข้ามาเล่นการเมืองอีกครั้ง จะช่วยทำให้สถานการณ์ทางการเมืองคลี่คลายขึ้น เพราะคนเหล่านี้ มีพรรคพวก เพื่อนฝูงเยอะ รวมไปถึงฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล คงจะช่วยเจรจา ประสานเพื่อคลี่คลายลงได้ อย่างไรก็ตาม สุดท้ายรัฐบาลจะสามารถสอบผ่านไปได้ เพราะแกนนำผู้ชุมนุมที่เคยบอกว่าจะใช้ "อารยะขัดขืน" สันติวิธี กลับหันมาใช้ความรุนแรง เช่น การยึดสถานที่ราชการ ทำให้ขาดความชอบธรรม ในขณะที่รัฐบาลใช้วิธีการละมุนละม่อม เพราะถ้าเกิดเรื่องขึ้นรัฐบาลจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบ

             "ผมทราบมาว่า ทางพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลก็ประเมินเหมือนผมว่าจะสามารถผ่านสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ไปได้ รัฐบาลคงมีวิธีการที่จัดการให้บ้านเมืองกลับสู่ภาวะปกติได้ โดยเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป" สมชาย ประเมิน

             ไชยา สะสมทรัพย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ซึ่งถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองในฐานะกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน บอกว่า หลังจากพ้นโทษแบนจะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ส่วนตำแหน่งทางการเมืองขึ้นอยู่กับพรรคจะว่าอย่างไร หากมีการยุบสภาก็จะลงสมัครรับเลือกตั้ง

             เมื่อนักการเมืองเก่าหวนกลับมา การเมืองก็จะกลับไปสู่สมัยก่อน ไม่ได้เอาเป็นเอาตาย แตกแยกกันอย่างรุนแรงอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ เมื่อก่อนในสภาไม่ว่าจะอภิปรายกันรุนแรงแค่ไหน เสร็จภารกิจก็ยังนั่งคุยจิบกาแฟกันได้

             สำหรับสถานการณ์การเมืองที่กำลังวิกฤติอยู่ในขณะนี้ นักการเมืองที่พ้นโทษแบนและหวนกลับคืนสู่การเมืองคงมีส่วนช่วยคลี่คลายได้ เพราะรู้จักคนเยอะ รวมทั้งฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลคงจะสามารถช่วยประสานให้ได้

             "ไชยา" เชื่อว่า รัฐบาลจะสามารถฝ่าฟันสถานการณ์การเมืองที่ตึงเครียดขณะนี้ไปได้ เพราะฝ่ายผู้ชุมนุมนำเรื่อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และระบอบทักษิณ มาเป็นประเด็นต่อต้านรัฐบาล ถือเป็นเรื่องเก่าไปแล้ว

             นพดล ปัทมะ อดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน บอกว่า คงทำงานปกติเหมือนเดิม เพราะเป็นที่ปรึกษายุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว และทำงานให้พ.ต.ท.ทักษิณเหมือนปกติ ส่วนคนใน ”บ้านเลขที่ 109“ คนอื่นๆ ในส่วนของพรรคพลังประชาชนเดิมก็ทำงานให้พรรคเพื่อไทยมานานแล้ว ทั้งเรื่องมวลชน ยุทธศาสตร์ และประชาสัมพันธ์

             “นพดล” มองสถานการณ์การเมืองปัจจุบันว่า คลี่คลายขึ้น ติดที่ว่า คนส่วนใหญ่ไม่พูดคุยกัน การยึดสถานที่ราชการทำให้เสียความชอบธรรมลงไปมาก และ "ยิ่งลักษณ์" ก็ผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว พร้อมประกาศชัดว่า พร้อมเปิดโต๊ะเจรจาพูดคุย น่าจะทำให้สถานการณ์คลี่คลายในทางที่ดี

             ส่วนรัฐบาลจะอยู่ครบเทอมหรือไม่นั้น คงตอบไม่ได้ แต่คงอยู่ได้อีกระยะหนึ่งนานพอสมควร ขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกด้วย รัฐบาลต้องเร่งผลิตผลงานให้ประชาชนสนับสนุนมากขึ้น ส่วนปัญหาการเมืองก็ต้องเร่งทำความเข้าใจ รักษาระบอบประชาธิปไตยเอาไว้ เพราะมีการชุมนุมประท้วง ยึดสถานที่ราชการ ทำให้สั่นคลอนความมั่นคง รัฐบาลต้องรักษาระบบ และเชื่อในระบบการเลือกตั้ง ให้ประชาชน และส.ส. เป็นคนกำหนดอนาคตประเทศ จึงต้องรักษาประชาธิปไตยให้ได้ และเป็นค่านิยมสากล อยากเรียกร้องให้พูดคุยกัน อยากให้ "สุเทพ" ยอมรับข้อเสนอของนายกฯ

             ชูศักดิ์ ศิรินิล อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ถูกตัดสิทธิ์ในฐานะกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน พูดเพียงสั้นๆ ว่า "ยังไม่ได้คุยกันในเรื่องการเมือง จึงยังไม่รู้ว่าจะลงเล่นการเมืองอีกหรือไม่"

             คราวนี้ลองมาดูนักการเมืองจาก ”พรรคชาติไทย” กันบ้าง

             สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรองหัวหน้าพรรคชาติไทย เล่าว่า ในส่วนของนักการเมืองจากพรรคชาติไทยเดิม นำโดย "บรรหาร" รวมทั้ง "สมศักดิ์" และนักการเมืองอีกหลายคนจะสมัครเป็นสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนา ส่วนสถานการณ์การเมืองที่กำลังวิกฤติอยู่ในขณะนี้ "บรรหาร" เคยทำหน้าที่ประสานฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายตรงข้ามจะเดินหน้าสร้างความปรองดองต่อไป

             วราวุธ ศิลปอาชา อดีตกรรมการบริหารพรรคชาติไทย ยอมรับว่า ไม่แน่ใจว่าสถานการณ์การเมืองในขณะนี้จะเกิดอะไรขึ้น หากมีการเลือกตั้งใหม่ จะลงสมัครรับเลือกตั้ง ถ้านักการเมืองบ้านเลขที่ 109 เข้ามาในสนามการเมือง เชื่อว่าจะมีคนรุ่นใหม่เข้ามาในสนามการเมืองมากขึ้น

             ส่วนวิกฤติของประเทศตอนนี้ “วราวุธ” มองว่า ทุกฝ่ายไม่ยอมลดทิฐิ และไม่ยอมรับกติกา ทั้งที่ประเด็นสำคัญสังคมต้องอยู่ได้ด้วยกติกา แม้ผลการตัดสินจะไม่ยุติธรรมในความรู้สึกก็ตาม

             "ถ้าไม่ยึดกติกาเราจะปกครองกันอย่างไร ช่วงที่ผมต้องโทษแบนทางการเมือง 5 ปี มีโอกาสเข้าไปทำกีฬาฟุตบอลทำให้เห็นอะไรหลายๆ อย่าง มองว่าความมีวินัย ยอมรับในกติกา และการตัดสินถือเป็นสิ่งสำคัญ"

             ต้องรอดูกันต่อไปว่า เมื่อนักการเมืองจาก “บ้านเลขที่ 109" หวนกลับเข้าสู่สนามการเมืองอีกครั้ง ประชาชนจะหวังพึ่งพา “นักการเมือง” เหล่านี้ได้แค่ไหน..หรือว่ายังอยูในวงจร “การเมืองน้ำเน่า” แบบเดิมๆ..ที่จำเป็นจะต้องมี ”การปฏิรูปประเทศ” ครั้งใหญ่ตามเสียงเรียกร้องที่ดังเซ็งแซ่อยู่ในขณะนี้

..............................

(หมายเหตุ : 'อนาคตการเมืองไทย' 'บ้านเลขที่109'พ้นโทษแบน : ขนิษฐา เทพจร, โอภาส บุญล้อม, โอฬาร เลิศรัตนดำรงกุล รายงาน)

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ