ข่าว

หวั่นตร.จับ'สุเทพ'ฮือปิดถ.พระราม6

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

หวั่นตร.จับ'สุเทพ' ฮือปิดถ.พระราม6 กันไม่ให้รถผ่านเข้าก.คลัง แถมปิดทางขึ้นลงทางด่วนด้วย ขณะที่คนตรังบุกยึดศาลากลางจังหวัดแล้ว

              27พ.ย.2556 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากศาลได้อนุญาตหมายจับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ และแกนนำต่อต้านรัฐบาลล้มระบอบทักษิณในข้อหาชุมนุมกันเกิน 10 คนฝ่าฝืนพ.ร.บ.ความมั่นคงตามที่ตำรวจร้องขอช่วงบ่ายของวันที่ 26 พ.ย.ที่ผ่านมา  ขณะเดียวกันเมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 26 พ.ย. พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร เป็นประธานปล่อยแถวสายตรวจเพื่อเฝ้าระวังเหตุแทรกซ้อนและควบคุมสถานการณ์การชุมนุมเพื่อไม่ให้บานปลาย

              ขณะเดียวกันนายสุเทพได้ปราศรัยบนเวทีช่วงหัวค่ำและมีการระบุว่า ตำรวจได้ระดมพลจำนวนมากพยายามเข้าจับกุมเพื่อเป็นการตัดตอนให้กลุ่มผุ้ชุมนุมอ่อนกำลังลงนั้น โดยเมื่อเวลา 23.40 น. วันที่ 26 พ.ย. สถานการณ์บริเวณทางเข้ากระทรวงการคลัง  เริ่มมีความตรึงเครียดมากยิ่งขึ้น เมื่อทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้นำรถจำนวนมากออกมาทำการปิดกั้นบริเวณถนนพระราม 6 จนเต็มพื้นที่ ตั้งแต่บริเวณแยกทางเข้าพรรคประชาธิปัตย์ จนถึงบริเวณหน้าช้อนเงินช้อนทอง โดยนำรถยนต์มาจอดขวาง เพื่อมิให้มีรถผ่านถนนพระราม 6 บริเวณทางเข้าซอยอารีย์สัมพันธ์ซึ่งเป็นที่ตั้งกระทรวงการคลังได้ ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปทำการจับกุมนายสุเทพ

              นอกจากรถยนต์ และรถจยย. จำนวนมาก ที่ออกมาเป็นเกราะกำบังแล้ว ยังมีประชาชนจำนวนมากร่วมเดินทางมาทำการปิดล้อมกระทรวงการคลังด้วย

              กลุ่มผู้ชุมนุมยังพบว่ามีรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขับมาจอดอยู่บนทางด่วนบริเวณด้านบนของถนนพระราม 6  ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมต้องส่งชุดเคลื่อนที่เร็วขึ้นไปตรวจสอบ และได้นำรถขับขึ้นไปปิดด่านทางด่วนพระราม 6  ทั้งขาขึ้นและขาลง ทำให้การจราจรใช้การไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีการรวมตัวเป่านกหวีดโห่ร้องอย่างคึกคะนองตลอดเวลาบริเวณสามแยกสำนักเขตพญาไท  โดยมวลชนออกไปรวมตัวและปลุกใจให้เตรียมพร้อมสู้กับรัฐบาล

              จากนั้นเมื่อนายณัฐพล ทีปสุวรรณ ประกาศว่ามีรถตำรวจตั้งด่านรวมตัวอยู่หลายจุดหากเห็นรถตำรวจและรถตู้รวมตัวมากกว่า 5 คันให้เข้าไปบล็อกได้ทันทีพร้อมระบุว่ามีรถมาจอดอยู่ในปั๊มน้ำมันเยื้องกระทรวงการคลังเป็นเหตุให้มวลชนบุกไปปิดล้อมปั๊มดังกล่าว

              และมีรายงานด้วยว่า  ผู้ชุมนุมได้ปล่อยลมรถตำรวจทั้ง 17 คัน  ที่จอดอยู่ในปั๊มดังกล่าว จนทำให้ตำรวจต้องรีบออกจากพื้นที่  โดยผู้ชุมนุมอ้างว่าป้องกันการเข้าสลายการชุมนุม และยืนยันว่า จะดูแลรถตำรวจให้ถึงเช้าวันที่ 27 พ.ย. ทั้งนี้รายการข่าววันใหม่ทางช่อง 3 ได้รายงานว่าเป็นรถตำรวจจากจังหวัดร้อยเอ็ดซึ่งเสร็จสิ้นจากการปฏิบัติภารกิจจะเดินทางกลับ

 

ม็อบนับพันคนบุกยึดศาลากลางจังหวัดตรัง


              เมื่อเวลา 21.30 น. กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วง ต่อต้านกฎหมายนิรโทษกรรม และไม่เอาระบอบทักษิณ ประมาณ 1,000 คน นำโดยนายปรีดิ์ปราโมทย์ เลิศวรภัทร แกนนำเครือข่ายนักศึกษา ประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) จังหวัดตรัง ได้นำกลุ่มพลังมวลชน ที่ได้ชุมนุมและเปิดเวทีปราศรัยอยู่บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดตรัง หลังเก่า มาตั้งแต่ต้นเดือน ได้เข้าบุกยึดศาลากลางจังหวัดตรัง สำเร็จแล้วเมื่อช่วงค่ำวันนี้

              ทั้งนี้กลุ่มผู้ชุมนุมได้นำรถยนต์ พร้อมเครื่องขยายเสียงจัดเป็นเวทีไฮปาร์ค เพื่อปลุกขวัญพลังมวลชนให้ร่วมกันต้อสู้ เพื่อขับไล่ระบอบทักษิณ โดยกล่าวว่าข้าราชการ เป็นเครื่องมือของระบอบทักษิณ หากข้าราชการไม่สามารถทำงานได้ ก็เหมือนทำให้ระบอบทักษิณล่มสลายไปในที่สุด และในที่สุดรัฐบาลนี้ ภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นรัฐบาลรับใช้ระบอบทักษิณ ก็ต้องยอมลาออกไป เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชน

              การที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้บุกยึดศาลากลางจังหวัดตรังครั้งนี้ ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชุดปราบจลาจล ประมาณ 100 นาย นำโดย พ.ต.อ.ธรรมนูญ ไตรทิพย์พงศ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง ได้มีการเข้าขัดขวางเพื่อไม่ให้กลุ่มพลังมวลชนที่มาบุกยึดศาลากลางจังหวัดตรัง เพื่อเข้าไปด้านในศาลากลางจังหวัด พร้อมกับได้มีการเจรจา เพื่อให้กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วง ได้ชุมนุมด้วยความสงบ ไม่ทำลายทรัพย์ทางราชการให้ได้รับความเสียหาย

              อย่างไรก็ตาม คืนนี้ผู้ชุมนุมได้มีการตั้งเวทีบริเวณด้านหน้าศาลากลางจังหวัดตรัง โดยมีการโยกย้ายเวที และเครื่องเสียง มาจากเวทีปราศรัยหน้าศาลากลางหลังเก่า ทั้งที่ก่อนหน้านี้ นายสมศักดิ์ ปะริสุทโท เหมธานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ได้มีการนำเหล็กมาขวางประตูเข้าออก พร้อมกับห้ามบุคลภายนอกนำรถยนต์เข้าบริเวณเขตหวงห้ามหน้าศาลากลางจังหวัดตรัง แต่ที่สุดคืนนี้ กลุ่มพลังมวลชนชุมนุมประท้วง ก็สามารถยึดศาลากลางได้อย่างเด็ดขาด โดยไม่มีการปะทะหรือใช้ความรุนแรงแต่อย่างใด แต่เชื่อว่าคงกระทบต่อข้าราชการที่มาปฏิบัติหน้าที่ในวันพรุ่งอย่างแน่นอน

 

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ