ข่าว

'ผบ.ทบ.'ยันใช้ทหารพรานดับไฟใต้

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

'ประยุทธ์' ยืนยันใช้ทหารพรานดับไฟใต้เหมาะสม เตรียมส่งลงใต้เพิ่มอีก 2 กรม ด้าน กอ.รมน.รับทหารพรานด้อยประสบการณ์ทำผิดพลาด เผยตั้ง 13 คกก.สอบข้อเท็จจริงยิงดับ 4 ศพหนองจิก คาด 1 เดือนรู้ผล

                8 ก.พ.55 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.ต.ดิฎฐพร ศศะสมิต โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) แถลงข่าวชี้แจงกรณีที่มีการเรียกร้องให้ใช้ทหารหลักแทนทหารพรานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หลังจากที่เกิดเหตุทหารพรานยิงรถกระบะต้องสงสัยจนทำให้มีผู้เสียชีวิต 4 คน และบาดเจ็บอีก 4 คน ที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ที่ผ่านมาว่า ปัจจุบันมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนในภารกิจหน้าที่ของการใช้ทหารพรานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของ กอ.รมน. โดยสืบเนื่องมาจากเหตุการณ์การปล้นปืนที่กองพันทหารพัฒนา เมื่อปี 2547 จนต้องมีการระดมทหารหลักจาก กองทัพภาคที่ 1-4 ลงไปในพื้นที่เป็นจำนวนมากเพื่อแก้ปัญหา ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้เล็งเห็นว่า การแก้ปัญหาที่ผ่านมาทำให้สูญเสียกำลังทหารที่ใช้ในการป้องกันอธิปไตยของประเทศในกองทัพภาคต่างๆ รวมถึงงบประมาณ จึงให้มีการนำกำลังทหารพรานมาใช้ เพื่อให้กำลังทหารหลักในกองทัพภาคที่1-3 กลับไปทำหน้าที่ในพื้นที่ของตัวเอง

                “ทหารพรานมีขีดความสามารถเหมาะที่จะปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทั้งด้านการข่าว มวลชน ทำได้มีประสิทธิภาพ สำหรับการจัดตั้งทหารพรานก็ใช้เวลาไม่นาน สามารถยุบหรือเรียกรวมตัวได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงการฝึกก็กินเวลาสั้น เพราะเป็นการฝึกจรยุทธ์ เพื่อเข้าถึงในพื้นที่ที่มีความลำบาก และทหารพรานมีความชำนาญในพื้นที่ ป่า เขา นอกจากนี้ยังเป็นคนในพื้นที่สามารถเข้าใจวัฒนธรรม ประเพณีได้เป็นอย่างดี ส่วนกำลังทหารหลักที่ต้องฝึกตามขั้นตอน ซึ่งต้องใช้เวลาและงบประมาณมาก ทั้งหมดนี้จึงเป็นเครื่องยืนยันว่า ทหารพรานเหมาะสมที่จะปฎิบัติงานในพื้นที่ภาคใต้ ขอให้สังคมเข้าใจ และเห็นใจการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งทหารพรานปัจจุบัน เพิ่งได้รับการบรรจุและค่อนข้างใหม่ ประสบการณ์ในการทำงานอาจจะมีน้อย และมีความกระตือรือร้นในการปฎิบัติงานตามแผนของผู้บังคับบัญชา จึงอาจจะมีความผิดพลาดได้” โฆษกกอ.รมน.กล่าว

                พล.ต.ดิฏฐพร กล่าวว่า ขณะนี้ ผบ.ทบ.ยังยืนยันความจำเป็นใช้ทหารพราน และไม่มีการถอนออก โดยขณะนี้กำลังทหารพรานในจังหวัดชายแดนภาคใต้มีทั้งหมด 7 กรม และในเดือนมี.ค.นี้จะมีการเพิ่มเติมอีก 2 กรมทหารพรานลงไปในภาคใต้ ซึ่งทหารพรานมีความคล่องตัว สามารถลดจรยุทธ์ ไม่ต้องแบกอาวุธปืนไร้แสงสะท้อนถอยหลัง(ปรส.) ปืนค.81 แต่จากเหตุการณ์ความสูญเสียดังกล่าว ทางผู้บังคับบัญชา กอ.รมน. รัฐบาล เห็นใจทั้งผู้เสียหายและผู้ปฎิบัติหน้าที่ โดยพล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ระบุว่า ขอให้รอผลการสอบสวนของคณะกรรมการเพื่อหาข้อเท็จจริง เชื่อว่า เมื่อผลออกมาจะเป็นที่ยอมรับต่อสังคม ทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยในพื้นที่ 3 จังหวัดได้กระทำด้วยความเสียสละ ซึ่งทุกคนมีแนวคิดตรงกันอยากให้ประเทศชาติกลับมาสงบเรียบร้อย

                “เหตุการณ์ความสูญเสียที่เกิดขึ้น ความเข้าใจผิดเกิดขึ้นได้ เหมือนเวลาคนเดินผ่านหน้าบ้านแล้วเอาก้อนหินขว้างเข้ามาในบ้านแต่กว่าเราจะออกมาดู คนที่ขว้างก็เดินผ่านไปแล้ว แต่มีคนใหม่เดินมาแทน เราก็เข้าใจว่า คนนี้ต้องทำแน่ เหมือนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทีเข้าใจว่า รถต้องสงสัยเป็นรถที่ก่อเหตุเมื่อเจ้าหน้าที่บอกให้รถคันต้องสงสัยหยุด แต่ไม่หยุด ด้วยความตกใจรถคันดังกล่าวจึงแตะเบรกทำให้รถไหลเบี่ยงไปทางข้างทาง เจ้าหน้าที่จึงคิดว่า จะหนี ซึ่งตรงนี้เป็นความเข้าใจผิด ทั้งนี้เมื่อวันที่ 4ก.พ.ที่ผ่านมา ทางแม่ทัพภาคที่ 4 ได้สั่งให้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยอาศัยอำนาจตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 206/2549 จำนวน 13 คน โดยแบ่งเป็นคณะกรรมการอิสระที่ได้จากผู้แทนชุมชน ผู้แทนผู้เสียหาย จำนวน 8 คน และคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงของเจ้าหน้าที่ 5 คน โดยจะใช้เวลาการตรวจสอบ 1 เดือน ” โฆษกกอ.รมน. กล่าว

 

'ผบ.ทบ.'สั่งทหารคุมเข้มของเถื่อนชายแดนลอบเข้าไทย

 

                พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก แถลงถึงการป้องกันการลักลอบนำสิ่งผิดกฎหมายเข้ามาตามชายแดนประเทศไทยว่า ขณะนี้กองทัพบกเร่งดำเนินการตามนโยบายของรมว.กลาโหม โดยล่าสุดผู้บัญชาการทหารบกสั่งให้กองกำลังชายแดนของกองทัพบกในทุกพื้นที่เพิ่มมาตรการเข้มงวดในการป้องกันและสกัดกั้นมิให้การกระทำใดๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและระบบเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการลักลอบนำเข้าสินค้าต้องห้ามพืชผลทางการเกษตรจจากประเทศเพื่อนบ้าน หรือผลผลิตที่ลักลอบเข้ามาสวมสิทธิ์ในโครงการต่างๆ ที่รัฐบาลจัดทำขึ้นเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในประเทศ อาทิ ข้าว น้ำตาล มันสำปะหลัง ก๊าซ น้ำมัน โดยกองกำลังชายแดนกองทัพบกจะใช้ทั้งมาตรการทางด้านกทารข่าวและการตรวจจับตามช่องทาง ด่านตรวจต่างๆ ตลอดแนวชายแดนเพื่อสกัดกั้นอย่างเต็มที่

                นอกจากนี้ผบ.ทบ.ยังเน้นย้ำให้กองกำลังชายแดน ดูแลกำลังพลในทุกระดับ และเจ้าหน้าที่อื่นที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนอย่าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดทุกกรณี ทั้งยาเสพติด ตัดไม้ การพนัน การหลบหนีเข้าเมือง สินค้าหนีภาษี โดยกองทัพบกจะดำเนินการอย่างเด็ดขาดทั้งทางวินัย และกฎหมาย หากมีกำลังพลเข้าไปเกี่ยวข้อง

 

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ