ยังไงก็ต้อง "บิ๊กตู่" หนทางนี้ "ไพบูลย์" ลิขิต

 

******************************

 

ฉากการเมืองของคนชื่อ “ไพบูลย์ นิติตะวัน” มีเรื่องแซบๆ มากมาย

 

แต่ที่เด็ดและเป็น “ตัวตน” คนไทยเห็นกันก็คือ เขาคือหมายเลขต้นๆ ของรายชื่อแฟนคลับตัวจริง ตัวอวย ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

 

 

 

 

 

แถมวันนี้เขากำลังทำหน้าที่นั้นอย่างตรงไปตรงมาที่สุดแล้ว กับการเดินหน้ายื่นเรื่องต่อ กกต. เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม ที่ผ่านมา ในการยกเลิกกิจการ “พรรคประชาชนปฏิรูป” แล้วไปซบพรรคพลังประชารัฐ หลังกระบวนการทุกอย่างแล้วเสร็จ!

 

เหตุผลในการปิดพรรคในครั้งนี้เชื่อว่าหลายคนรับรู้ไปแล้ว แต่เหตุผลที่ลึกซึ้งกว่านั้นมีหรือคนระดับไพบูลย์ จะไม่ได้ดีดลูกคิดมาก่อน

 

 

เส้นทางคนไม่เคยปิด

 

ย้อนไปพอสังเขป ไพบูลย์ก่อนเล่นการเมือง ทำมาเลี้ยงชีพอยู่บ้านเกิด อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จากนั้นไปลงทุนทำธุรกิจด้านการเกษตรอยู่อีสานตอนบน แล้วข้ามฝั่งไปเช่าที่ดินอยู่แขวงจำปาสัก (สปป.ลาว) ปลูกมะเขือเทศ มันฝรั่ง และกาแฟ ในนามบริษัท ปากซองไฮแลนด์ จำกัด ที่เมืองปากซอง

 

เม้าท์กันว่าหัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูปนี้ เคยทุ่มทุนสร้างถึงขนาดเอาเฮลิคอปเตอร์มาหว่านปุ๋ยให้แก่พืชผล จากนั้นราวปี 2551 บริษัทในเครือของเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ได้ซื้อกิจการ บริษัท ปากซองไฮแลนด์ จำกัด ของไพบูลย์ไป แถมยังเช่าพื้นที่เพิ่มเติมอีกนับหมื่นไร่บนที่ราบสูงบอละเวน อย่างที่รู้ว่าเมืองปากซองนั้นเป็นแหล่งปลูกกาแฟที่สำคัญของลาว

 

รอยต่อตรงนี้บางคนว่าไพบูลย์ขายแล้วรวยเข้าขั้นเศรษฐี แต่บางแหล่งบอกเพราะปากซองไฮแลนด์ในมือของไพบูลย์ไปต่อไม่ไหว ร่อแร่มาตั้งแต่วิกฤติปี 40 แล้ว สุดท้ายเลยต้องขายกิจการ

 

แต่เส้นทางคนไม่แพ้ย่อมได้ไปต่อ ปรากฏว่ารอยต่อตรงนั้น ไพบูลย์เริ่มเบนหัวเรือเข้าถนนการเมือง จากการเข้าไปเป็นที่ปรึกษากฎหมาย “คุณหญิงเป็ด” จารุวรรณ เมณฑกา สมัยเป็นผู้ว่าการ สตง.

 

สองใหญ่รู้จักกันในห้องเรียนหลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสำหรับนักบริหารระดับสูง (ปปร.) รุ่น 5 รุ่นเดียวกับอีกหนึ่งใหญ่คือ สมชาย แสวงการ

 

ช่วงนี้เกิดเรื่องราวมากมายทางการเมือง แต่ไพบูลยก็เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้าง จนหลังรัฐประหารปี 2549 เขาได้รับเลือกเป็น ส.ว. ปี 2551 และอีกครั้งช่วงปี 2555

 

 

ภาพจากเฟซบุคไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป

 

 

ด้วยบุคลิกกล้าพูดกล้าชน เลยกลายเป็นหัวหมู่ทะลวงฟันของกลุ่ม “40 ส.ว” และไพบูลย์ก็ออกตัวแรงในการเรียกร้องให้มีนายกฯ คนนอก

 

ทั้งชุมนุมกับ กปปส. ขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ผ่านรัฐประหารปี 2557 ก็ได้รับแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปกับบทบาทสำคัญ การปฏิรูปคณะสงฆ์

 

 

ทางสายใหม่ใจดวงเดิม

 

เวลาผัน คนเปลี่ยน ไพบูลย์เบนเส้นทางไปลงสนามการเมือง ตั้งพรรคชื่อ “พรรคประชาชนปฏิรูป” หรือ ปชช. จดทะเบียนจัดตั้งวันที่ 3 ตุลาคม 2561 และเป็นหัวหน้าพรรคคนแรก หาเสียงด้วยป้ายสีเหลืองอร่ามและคำขวัญที่ท่องกันได้ทั่วเมืองอย่าง ‘น้อมนำคำสอนพระพุทธเจ้า’

 

 

 

แต่ไม่ว่าจะเวทีดีเบตที่ไหนเรากลับยังเห็นคนเดิมที่ตรงไปตรงมากับแนวคิดหนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เป็นนายกฯ ต่อไป และคราวนี้ยิ่งเป็นไปได้ตามช่องทางรัฐธรรมนูญฉบับ มีชัย ฤชุพันธุ์

 

 

 

 

ขณะที่บทบาทในการเช็กบิลนักการเมือง เขาก็ยังมาแรง แล้วได้ผลเหมือนช่วงปี 2557 ที่เขายื่นคำร้องฟ้องยิ่งลักษณ์ ในคดีการโยกย้าย ถวิล เปลี่ยนศรี จนส่งผลให้เก้าอี้นายกฯ ของหญิงปู หลุดลอยไป

 

พอมาช่วงหาเสียงเขานี่แหละที่ยื่นหนังสือต่อกกต. คัดค้านกรณีพรรคไทยรักษาชาติเสนอชื่อทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เป็นนายกรัฐมนตรี และขอให้ยุบพรรค แล้วก็สำเร็จ

 

ที่สุดพรรคของเขายื่นสมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ 40 คน แน่นอนไพบูลย์ อันดับ 1 และส่งส.ส.เขต 75 จังหวัด ราว 320 เขต สุดท้ายได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อมา 1 ที่นั่ง แบบเลขคณิตคิดในใจตามสูตรกระจายพรรคเล็ก

 

แต่ไม่กี่วันมานี้พรรคเล็กพรรคนี้ถึงวันปิดฉาก ไพบูลย์บอกว่านี่ไม่ใช่การยุบ แต่เป็นการแจ้งยกเลิกกิจการพรรคการเมือง และตามกฎหมาย ส.ส. ต้องไปหาพรรคใหม่สังกัดภายใน 60 วัน ไม่เช่นนั้นก็จะพ้นจากสมาชิกภาพ ส.ส.

 

แน่นอนอีกนั่นแหละที่ไพบูลย์จะโอ่ว่าตนมีพรรคเรียบร้อย แถมคุยเสร็จสรรพแล้วด้วยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

 

 

 

 

แม้ว่ามุมนี้ผู้เชี่ยวชาญพากันออกมาระบุว่า แบบนี้เป็นการเลี่ยงบาลีทางกฎหมาย พูดง่ายๆ ใช้ช่องว่างทางกฎหมายเพื่อให้ตนเองได้ประโยชน์จากการยุบพรรค

 

หรือ สมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. ระบุว่าตอนประชาชนกาบัตร เขาไม่ได้กาให้พรรคใหม่ งานนี้น่ากลัว กกต.ต้องคำนวณ ส.ส.บัญชีใหม่ทั้งระบบ โดยตัดคะแนนพรรคไพบูลย์ออก และจัดสรรส.ส.บัญชีรายชื่อจากส.ส.ที่พึงจะมีแต่ละพรรคใหม่ เผลอๆ ไพบูลย์จะหมดสภาพการเป็นส.ส.ไปเลยด้วยซ้ำ ต้องจับตา

 

แต่นาทีนี้ใครจะว่ายังไงเขาคงโนแคร์ตามสไตล์ และอาจไปตัดสูทใหม่ไว้ใช้ในฐานะส.ส.คนที่ 117 ของพรรคพลังประชารัฐ พรรคของคนที่รักสุดใจคนหนึ่งคนนั้นนั่นแหละ!