Lifestyle

ก่อนจะเผยความจริง อัจฉราวดี วงศ์สกล

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

“อาจารย์เป็นนักบุญ หรือคนบาป ขอให้ท่านตัดสินด้วยปัญญา และดูปฏิปทาที่ทำเพื่อพุทธศาสนามาโดยตลอด"

          มาอีกแล้ว ข่าวอ่อนไหวหัวใจชาวพุทธ เมื่ออยู่ๆ เริ่มมีกระแสข่าววิพากษ์วิจารณ์สตรีผู้หนึ่งในท่วงทำนองว่าอวดอ้างบรรลุธรรม ทั้งๆ ที่ไม่ได้บวช

          แล้วก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็น อัจฉราวดี วงศ์สกล ที่เวลานี้ เป็นอาจารย์อ้อยไปแล้ว ที่ออกมานำเสนอการปฏิวัติธรรมสายใหม่ ที่เรียกว่า “เตโชวิปัสสนา” พร้อมทั้งประกาศชัดว่า “พระสงฆ์ค่อน ประเทศมอมเมาประชาชน และคนเราไม่ต้องไปวัดก็ได้”

 

ก่อนจะเผยความจริง อัจฉราวดี วงศ์สกล

ขอบคุณภาพจาก http://techovipassana.org/

 

         แต่ล่าสุด เธอได้ลุกขึ้นมาแถลงข่าว ช่วงเย็นวันเสาร์ที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่มูลนิธิโรงเรียนแห่งชีวิต  ณ ซอยสุขุมวิท 67

         เพื่อไขคำตอบ บรรดาคำวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะ กรณีที่มีการเผยแพร่ภาพพระสงฆ์ยกมือไหว้ตัวเธอ ซึ่งก่อนให้เกิดคำต่อว่าต่างๆ นานามายังตัวของอ.อ้อย

                และเธอเชื่อว่า มีขบวนการจ้องทำลายชื่อเสียง ดิสเครดิต ตัวเธอ อ.อ้อนจึงจำเป็นต้องชี้แจงในทุก “ความจริง” และ “ความลวง” ที่เกิดขึ้นนั่นเอง

                สำหรับการแถลงข่าวของ อ.อัจฉราวดี วงศ์สกลมีเนื้อหาที่สรุปได้ว่า

                อาจารย์อัจฉราวดี วงศ์สกล ประกาศที่จะฟ้องศาลดำเนินคดีอดีตศิษย์ โดยเจ้าตัวระบุว่า “เป็นอดีตศิษย์ที่มีความอาฆาตมาดร้าย และมุ่งทำลายสายธรรม ที่เข้าร่วมผสมโรงกับผู้เสียประโยชน์ และกลุ่มอดีตศิษย์ได้กล่าวเท็จให้ร้ายสายธรรมอย่างสิ้นความละอายที่สุด จนต้องประกาศพึ่งศาลยุติธรรม เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์และความสง่างาม”

..              สำหรับต้นเหตุเรื่องนี้ มาจาก “ขบวนการทำลายชื่อเสียง” บิดเบือนความจริง ที่มีต้นเหตุมาจากการทำแคมเปญ “หยุดอลัชชี” แล้วมีอดีตลูกศิษย์ได้เอาภาพต่างๆ ในสายธรรม ไปใช้และเติมคำใส่คำ เพื่อให้ดูว่า ตนเองนั้น พยายามทำตัวสูงส่งเกินอริยสงฆ์

                 อีกทั้งยังกล่าวเท็จอย่างไม่มีความละอายว่า ท่านเรียกเก็บเงินบริจาคเพื่อให้ผู้มาปฏิบัติ “เตโชวิปัสสนา” ว่าหากบริจาคเงินมากจะได้รับการประกาศสถานะอริยบุคคล

                “เป็นการกล่าวเท็จที่เลวทรามที่สุด ที่ดูหมิ่นเหยียดหยามสายธรรเมเตโชวิปัสสนา ทำให้สายธรรมถูกดูแคลน ทำให้ผู้ปฏิบัติวิปัสสนาด้วยเพื่อการพ้นทุกข์ ถูกดูแคลน”

                อย่างไรก็ดี การรณรงค์ "หยุดอลัชชี"  ที่อาจารย์เปิดประเด็นราวกลางเดือนมกราคม ที่ผ่านมา นั้น มีเจตนาบริสุทธิ์ที่ปลุกจิตให้ฝั่งสงฆ์ และฆราวาสตื่นมาช่วยแก้ไขความเสื่อม และกล่าวว่า ขอให้อลัชชีทั้งหลาย สึกออกมาเป็นฆราวาส เพื่อหยุดทำร้ายพระพุทธศาสนา และฆราวาสลุกมาเป็นพุทธบริษัทที่เข้มแข็ง ไม่เป็นพุทธเพียงแค่ในทะเบียนบ้าน เพื่อช่วยแก้ไขความเสื่อมในพระศาสนา

                และการนี้ ท่านยังได้แสดงบัญชีที่มาการได้รับบริจาค การใช้จ่ายเงินของมูลนิธิโนอิ้ง บุดด้า อย่างโปร่งใสว่าไม่ใช่นำไปใช้ในเรื่องพาณิชย์ แต่นำไปเป็นค่าเช่าบิลบอร์ดรณรงค์ให้ชาวต่างชาติรู้หลักปฏิบัติต่อสัญลักษณ์ของพระพุทธเจ้า ไม่ลบหลู่และไม่นำสัญลักษณ์ไปใช้เป็นของตกแต่ง ซึ่งคำแถลงนี้เป็นที่พอใจแก่ผู้สื่อข่าวจนไม่มีการติดใจสงสัยใดๆ

                ข้างต้น คือส่วนนึงของการแถลงจากท่านอาจารย์ แต่ในงานแลถงข่าวยังมีการแจกเอกสารชี้แจง ข้อสงสัยต่างๆ อีกหลายข้อ สรุปได้ว่า ในส่วนของประเด็นการบิดเบือนคำสอน เธออธิบายว่า “เตโชวิปัสสนา” เป็นการปฏิบัติวิปัสสนาตามหลักสติปัฏฐานสี่ ที่พระพุทธเจ้าทรงสอนทุกประการ

                ส่วนที่กล่าวอวดว่า “ฆราวาสบรรลุธรรมได้” เธอชี้แจงโดยยกบันทึกในพระไตรปิฎกในสมัยพุทธกาล ว่ามีอุบาสกอุบาสิกา บรรลุธรรมทุกลำดับขั้นมากมาย เช่น นางวิสาขา บรรลุโสดาบันตั้งแต่ 7 ขวบ ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี บรรลุขั้นโสดาบัน ท่านหมอชีวกโกมารพัจจ์ บรรลุขั้นสกิทาคามี พระเจ้าสุทโธทนะ พระบิดาของพระพุทธเจ้า บรรลุขั้นอรหันต์ ขณะที่กำลังเสด็จสวรรคต

                ขณะที่ในยุคปัจจุบัน ยังมีที่บรรลุขั้นสูงคือตามที่มีการกล่าวถึงคือ คุณแม่จันดี โลหิตดี น้องของหลวงตามหาบัว โดยลักษณะ “อวิชชาขาดกระเด็นออกจากจิต ขณะนั้นรู้ว่า อวิชชาเหนียวแน่นมาก พร้อมกับก้นกระแทกพื้นสูง 1 ศอก โลกธาตุหวั่นไหว แผ่นดินสะเทือน” (อ้างว่าคุรแม่จันดีเล่าให้หลวงตามหาบัวฟัง)

                ทั้งหมดนี้ จึงเหมือนเป็นการพิสูจน์ว่า ฆราวาสบรรลุธรรมได้ ส่วน ข้อที่บอกว่าไม่ให้เชื่อพระไตรปิฎก เธอปฏิเสธ ไม่เคยพูด มีแต่บอกว่า อย่าติดตำรา ตราบใดที่ยังไม่ลงมือปฏิบัติ

                ส่วนข้อสุดท้าย “การต้องการเป็นเจ้าลัทธิ” อ.อ้อยปฏิเสธ โดยกล่าวว่า คำว่า ลัทธิ คือการประกาศว่าเป็นการคิดคำสอนขึ้นมาเอง แต่ท่านสอนหลักธรรมตามที่พระพุทธองค์ทรงสอน และประกาศตนเป็นพุทธสาวก

                แต่มุมนี้ อ.อ้อยวิเคราะห์ว่า เป็นธรรมดาเมื่อมีผู้ศรัทธาในสายธรรมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงทำถูกมองว่าจะสร้างลัทธิ ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่คลาสสิก เมื่อมีคนเห็นความเข้มแข็งของสายธรรม

                ส่วนที่มองว่าจะมีลักษณะเหมือน “ธรรมกาย” อ.อ้อยกล่าวว่า ท่านไม่สนใจเรื่องการสร้างอำนาจ การรวมตัวกันของเหล่าศิษย์ เพื่อเป็นบ่อเกิดแห่งความดีงาม เป็นกำลังในการฟื้นฟูพระพุทธศาสนา ช่วยหยุดยั้งการลบหลู่พระบรมศาสดา จึงทำให้เป็นเป้าถูกทำลายได้ง่าย

                และนี่คือคำชี้แจงทั้งหมดของเธอ ที่เหลือคือ ในส่วนของการฟ้องร้อง คงจะต้องติดตามกันต่อไป โดยเฉพาะคนไทยก็อยากรู้เหมือนกันว่า ฝ่ายตรงข้ามที่เคลื่อนไหวนั้นเป็นฝ่ายไหน และมีจะมีหลักฐานข้อโต้แย้งอะไรออกมา เนื่องจากเวลานี้ คนไทยก็เหมือนฟังความข้างเดียว

          อย่างไรก็ดี สิ่งที่ดูจะน่าสนใจพอๆ กันคือ เอาเข้าจริงๆ แล้ว อ.อ้อยผู้นี้คือใครกันแน่ สืบประวัติแล้วมีมากมาย เพราะเธอจัดว่าเป็นคนดัง เซเลบแถวหน้า คนหนึ่ง

          เพราะเธอเคยเป็นดีไซเนอร์เครื่องเพชรมือวางเบอร์ต้นๆ ของไทย ผู้เป็นเจ้าของร้าน St.Tropez Diamond การันตีด้วยรางวัลมากมายนับไม่ถ้วน

         ประวัติของ อ.อ้อย คนนี้ อ.อัจฉาราวดี เกิดเมื่อวันที่ 28 .. 2508 เป็นคนกรุงเทพโดยกำเนิด บิดา มารดาทำการค้าขาย รวมๆ แล้วครอบครัวมีฐานะปานกลาง

          สำหรับชีวิตส่วนนั้น เธอสมรสครั้งแรก (ไม่ระบุนาม โดยภายหลังหย่าขาดจากกัน) มีบุตรสาว 2 คน คนแรกเสียชีวิตเมื่ออายุเพียง 4 เดือน ส่วนคนที่สอง คือ อาภาณี วงศ์สกล ชื่อเล่นว่า นิว เกิดช่วงปี 2533 สำหรับสามีคนปัจจุบัน คือ แดเนียล ทาบุช มีธิดา 2 คน คือ ด..ทาเทียน่า ทาบุช หรือ น้องส้มจีน หรือ แทต เกิดช่วงปี 2544 และ2. ..นาตาชา ทาบุช เกิดช่วงปี 2547 (ข้อมูลจากไทยรัฐออนไลนฺ์)

          อ.อัจฉราวดี จบการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพโรงเรียนพาณิชยการสันติราษฎร์ จากนั้นจบปริญญาตรี ด้านการตลาด มหาวิทยาลัยศรีปทุม และไปเรียนการกำกับภาพยนตร์ สถาบัน New York film Academy ประเทศสหรัฐอเมริกา

          ช่วงแรกเธอทำงานฝ่ายโปรโมชั่น บริษัท ซีบีเอส เรคคอร์ด และยังมีงานเขียนเป็นคอลัมนิสต์เขียนวิจารณ์เพลงและสกู๊ป แนะนำศิลปินหน้าใหม่จากต่างประเทศ ลงในหนังสือ ไอ.เอส.ซองฮิต

          เคยทำงานฝ่ายโฆษณาที่นิตยสารอินเวสเตอร์ และยังเคยเป็นเจ้าของบริษัทโปรดักชั่น รับทำโฆษณาและสิ่งพิมพ์, เจ้าของบริษัท Medelin Jewelry เคยเป็นเจ้าของบริษัทอันดามันฟิล์ม ผลิตภาพยนตร์อีกด้วย

          แต่ดูเหมือนว่าเส้นทางสายสีแสงแห่งเพชร จะเหมาะกับเธอมาก เพราะช่วงปี 2543 เธอเปิดบริษัท St.Tropez Diamond (แซงต์ โทรแป ไดมอนด์) มีร้านเพชรชื่อว่า แซงต์ โทรแป ไดมอนด์ มีชื่อเสียงเป็นอันมาก!!

          เธอเคยให้สัมภาษณ์ผู้จัดการออนไลน์ว่า พอมาเริ่มออกแบบลวดลายเครื่องเพชรเองเน้นดีไซน์ใหม่ๆ ก็ประสบความสำเร็จ ไปเตะตาบรรดาไฮโซเงินถัง เกิดมีชื่อเสียงขึ้นมา

          โดยเฉพาะถ้าถามถึง ร้าน St.Tropez Diamond (แซงต์ โทรแป ไดมอนด์) ไฮโซผู้หลงใหลดารเล่นเพชร จะต้องนับเป็นอับดับหนึ่ง!

          จากนั้นเธอก็มีทั้งความสำเร็จ และชื่อเสียงเงินทอง แถมยังเคยถูกเพื่อนโกงเงินไป 1 ล้าน และโดนลูกค้าโกงทางอินเตอร์เน็ต แต่แล้วเธอก็สามารถใช้หลักธรรมในการแก้ปัญหาต่างๆที่เข้ามาในชีวิตจนได้

          กระทั่งโผล่เป็นผู้ศึกษาทางธรรม ก่อตั้ง "มูลนิธิโรงเรียนแห่งชีวิต" และ "องค์กรโนอิ้ง บุดด้า" (Knowing Buddha) เพื่อการปกป้องพระพุทธศาสนา และบรรยายธรรมนอกสถานที่ตามควร จนมีชื่อเสียงได้รับการตอบรับในหมู่ผู้ที่ชื่นชอบและติดตามเรื่องราวของเธอ

         โดยยังมีสถานปฏิบัติธรรมเตโชวิปัสสนากรรมฐาน ที่ เขาพระพุทธบาทน้อย อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี 

 

ก่อนจะเผยความจริง อัจฉราวดี วงศ์สกล

สถานปฏิบัติธรรมเตโชวิปัสสนากรรมฐาน ที่ เขาพระพุทธบาทน้อย อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี ภาพจาก http://techovipassana.org/

 

ก่อนจะเผยความจริง อัจฉราวดี วงศ์สกล

กิจกรรมทางพุทธศาสนา ภาพจาก http://techovipassana.org/

          โดยในเวบไซต์ techovipassana.org ได้ระบุว่า “เตโชวิปัสสนา” นั้น "การปฏิบัติวิธีนี้ ไม่เคยมีผู้ใดได้รู้วิธีการมาก่อน พระอาจารย์สมเด็จพุฒาจารย์ (โต พฺรหฺมรํสี) ท่านได้มาสื่อจิตสอนวิธีการปฏิบัติให้ อ.อัจฉรา เมื่อปี 2550"

          "และเมื่ออาจารย์ได้ทดลองปฏิบัติดู ก็ได้เห็นความมหัศจรรย์ของผลที่ได้จากการปฏิบัติด้วยเป็นวิธีที่สามารถชำระจิตให้บริสุทธิ์ชนิดขุดรากถอนโคนกิเลส เกิดเป็นมรรคผลที่เป็นเสมือนเส้นทางลัดมุ่งไปสู่ประตูนิพพานดังที่ได้บันทึกไว้ในหนังสือ เตโชวิปัสสนา...เปิดประตูนิพพาน" (อ้างอิงจากhttp://techovipassana.org/web/about.php)

          แต่ล่าสุด เมื่อกระแสของเธอเริ่มเอนเอียงไปในทางการตั้งคำถามอย่างคลางแคลงใจจากสังคม เธอจึงโพสต์ชี้แจงในเฟซบุค “นิตยสารข้ามห้วงมหรรณพ กับอ.อัจฉราวดี วงศ์สกล” เมื่อวันที่ 25 .. ว่า

          อาจารย์เป็นนักบุญ หรือคนบาป ขอให้ท่านตัดสินด้วยปัญญา และดูปฏิปทาที่ทำเพื่อพุทธศาสนามาโดยตลอด โดยเฉพาะกับงานของโนอิ้ง บุดด้า ที่ปกป้องพระเกียรติพระบรมศาสดา ขจรขจายไปทั่วโลกและกำลังปลุกศีลธรรมให้คนในชาติกลับคืนมา””

          จากนั้นก็แถลงข่าวในรุ่งขึ้น วันเสาร์ที่ 27 ..2561 นี้ แถลงข่าวถึงความลวง!! ความจริง!!  ทุกอย่างประเดประดังมาที่เธอทางโซเชียล และพื่นที่สื่อต่างๆ อย่างมากมายในเวลานี้

 

ก่อนจะเผยความจริง อัจฉราวดี วงศ์สกล

 

ก่อนจะเผยความจริง อัจฉราวดี วงศ์สกล

 

       //////

ขอบคุณภาพจากเฟซบุค นิตยสารข้ามห้วงมหรรณพ กับอ.อัจฉราวดี วงศ์สกล

แและเวบไซต์ http://techovipassana.org/

logoline
แท็กที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่น่าสนใจ