Lifestyle

โห่ ฮิ้ว โห่ ส่องแสงเพชร งานแต่งหรู "คนแซ่จิว"

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

โห่ ฮิ้ว โห่ฟังเสียงคนโห่ ใกล้ใกล้ จาก เครื่องไฟของคนแซ่จิวแต่งงาน เจ้าสาว คือใครกันหนอ เจ้าบ่าวรูปหล่อ นั้นก็ใครกันหนา

          สีแสงแห่งเพชรในสังคมไฮโซชั้นสูง ล่าสุดนี้หนีไม่พ้นงานใหญ่ปิดโรงแรม พลาซ่า แอทธินี กลางกรุง เพื่อฉลองมงคลสมรส “ศุนธีร จรรยาทิพย์สกุล-ธนาคม วิภวพาณิชย์” 

          เพราะเจ้าสาวนั้นเป็นลูกสาวของ สุจินตนา จรรยาทิพย์สกุล ประธานมูลนิธิ เก้า ยั่งยืน ซึ่งมารดาของสุจินตนาคือ คุณแม่กัลยา เป็นพี่สาวคุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี นั่นเอง

 

โห่ ฮิ้ว โห่ ส่องแสงเพชร งานแต่งหรู "คนแซ่จิว"

จากซ้าย ฐาปน สิริวัฒนภักดี บุตรชายเจ้าสัวเจริญ, สุจินตนา จรรยาทิพย์สกุล, คุณหญิงวรรณา สิริวัฒภักดี ภริยาเจ้าสัวเจริญ, คุณแม่กัลยา จรรยาทิพย์สกุล (แซ่จิว)

         

           ดังนั้น งานวิวาห์ของหลานสาวสุดรัก คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี ภริยาของ เจริญ สิริวัฒนภักดี จึงรวมญาติฝ่ายคุณหญิงวรรณา มากันครบ พร้อมลูกหลานอีกมากมาย ประหนึ่งว่าเป็นงานรวมพลคนแซ่จิว !

          คุณหญิงวรรณา มีพี่น้อง 10 โดย คุณแม่กัลยา จรรยาทิพย์สกุล (แซ่จิว) เป็นลูกคนที่ 2 และคุณหญิงวรรณา เป็นคนที่ 4

โห่ ฮิ้ว โห่ ส่องแสงเพชร งานแต่งหรู "คนแซ่จิว"

คุณแม่กัลยา จรรยาทิพย์สกุล (แซ่จิว)

 

          งานอภิมหาวิวาห์ครั้งนี้ ที่โฟกัสกันมากกว่าคู่บ่าวสาว เห็นจะเป็น เจ้าสัวเจริญ ที่ดูจะชื่นมื่นอารมณ์ดีมีความสุข เพราะแม้จะเป็นเขย แต่ก็ได้ชื่อว่ามีความผูกพันลึกซึ้งกันมายาวนาน การแต่งงานของหลานสาวฝ่ายเมีย ก็เหมือนลูกหลานในสายเลือด

          เนื่องจากรู้กันว่า ลูกเขยระดับเจ้าสัวผู้นี้ รักและให้ความสำคัญกับญาติพี่น้องฝ่ายภริยามากมายขนาดไหน

โห่ ฮิ้ว โห่ ส่องแสงเพชร งานแต่งหรู "คนแซ่จิว"

 

          โดยบุคคลที่ต้องกล่าวถึงเป็นสำคัญ ก็คือ “พ่อตา” ของเขา หรือ เจ้าสัวกึ้งจู แซ่จิว ผู้ที่เจ้าสัวเจริญมักกล่าวเสมอว่า ความสำเร็จวันนี้มาจากรากฐานการเลี้ยงดูของครอบครัวที่เน้นย้ำความมีคุณธรรมในการปฏิบัติต่อผู้อื่น

          เพราะหลังจากที่ เจริญ สิริวัฒนภักดี ใช้ชีวิตสมถะยากจนอยู่ในย่านทรงวาด จนได้พบกับ “วรรณา” เขาก็ได้กึ้งจู แซ่จิว พ่อตานี่แหละที่ อุ้มชู ยกย่อง และผลักดัน เขาเข้าสู่แวดวงธุรกิจ จนมีทุกวันนี้

          โดยเฉพาะคำสอนของพ่อตา ที่เขาบอกเสมอว่า “ให้หลักยึดด้วยคำจีน 4 คำ คือ ยิ่ม (ความอดทน จะทำให้สำเร็จและบรรลุตามเป้าหมาย) เหยียง (ความเสียสละ จะทำให้พ้นภัย) แจ๋ (ความเงียบ สุขุม ทำให้เกิดปัญญา) และ ลัก (ความร่าเริง จะมีสุขอายุยืน) ทั้งหมดนี้เป็นหลักในการดำเนินธุรกิจ ดำเนินชีวิต รวมทั้งการปฏิบัติต่อผู้อื่นที่ เจ้าสัวเจริญและคุณหญิงวรรณา ยึดถือเสมอมาโดยตลอด”

โห่ ฮิ้ว โห่ ส่องแสงเพชร งานแต่งหรู "คนแซ่จิว"

 

          ดังนั้น ที่คำโบราณว่าไว้ ได้เมียดี มีชัยไปกว่าครึ่ง ! แต่เสี่ยเจริญได้สองเด้ง คือ ได้คนแนะนำเป็นพ่อตา ดียิ่งกว่าอะไรทั้งหมด !!

          และถ้าจะนับเสี่ยเจริญผู้ที่เวลานี้เป็นปราชญ์ในสายธุรกิจ กึ้งจู แซ่จิว จึงนับเป็นปราชญ์แห่งปราชญ์ ก็คงไม่ผิด !

          ไล่ดูแบ๊กกราวด์ รายละเอียดชีวประวัติ กึ้งจู แซ่จิว คงต้องอาศัยการปะต่อเรื่องราวจากหลายแหล่ง

          ที่สุดก็พบว่าเดิมทีบิดาของคุณหญิงวรรณา ผู้นี้ก็ใช้ชีวิตอย่างสงบ แต่ก็รวยเงียบๆ อยู่ในย่านทรงวาดเช่นกัน โดยมีภรรยาคือ คาไน้ แซ่จิว มีบุตรด้วยกัน 10 คน เป็นชาย 3 คน และหญิง 7 คน คุณหญิงวรรณา เป็นบุตรคนที่ 4 ของครอบครัว

          อย่างที่บอก ครอบครัวนี้มีฐานะค่อนข้างดี เริ่มจากกิจการโชห่วย และเป็นซัพพลายเออร์ให้โรงงานสุราบางยี่ขัน แต่ก็รู้กันดีว่ากึ้งจูนั้น ก็คือคนรุ่นๆ เดียวกับอีกหลากหลายมังกรที่มาสร้างตัวในเมืองไทย จนอยู่แถวหน้าของคำว่าเศรษฐีเหมือนกัน

          ย้อนกลับไปตอนปี 2504 ขณะที่เจริญ ซึ่งยังไม่ได้เป็นลูกเขยของเขา แต่ยังเป็นเพียงลูกจ้างของ บริษัทย่งฮะเส็ง และห้างหุ้นส่วนจำกัด แพนอินเตอร์ ที่จัดส่งสินค้าให้โรงงานสุราบางยี่ขัน ซึ่ง “ว่าที่” พ่อตาก็ทำซัพพลายเออร์ส่งที่นี่อยู่

          จากนั้นเพียงปีเดียว เจริญก็เจริญสมชื่อ เพราะเขาได้เป็น "ซัพพลายเออร์” ให้โรงงานสุราบางยี่ขันเอง ในนามโรงงาน โซวเคียกเม้ง ซึ่งก็ชื่อเดิมของเสี่ยเจริญ “เคียกเม้ง แซ่โซว”

          หลังจากนั้นเจริญได้มารู้จักกับ จุล กาญจนลักษณ์ ผู้เชี่ยวชาญการปรุงรสสุรา โดยเฉพาะสูตร "แม่โขง” และยังคุ้นเคยกับ เจ้าสัวเถลิง เหล่าจินดา ผู้มีอำนาจในการจัดซื้ออุปกรณ์ทุกอย่างจากโรงงานของเสี่ยเจริญ ทั้งคู่จึงกลายเป็นขุนพลคู่ใจของเจ้าสัวเถลิงในเวลาไม่นาน

 

โห่ ฮิ้ว โห่ ส่องแสงเพชร งานแต่งหรู "คนแซ่จิว"

เสี่ยเจริญกับนายจุล กาญจนลักษณ์ ผู้ซึ่งเสี่ยเจริญนับถือ ขอบคุณที่มาของภาพ khunmaebook.com

 

          จากตรงนี้ เสี่ยเจริญก็ก้าวหน้าในทางธุรกิจขึ้นมาตามลำดับ ซึ่งกว่าที่นายกึ้งจูจะได้นายเจริญมาเป็นบุตรเขย ก็ตอนที่เสี่ยเจริญเติบโตรอวันขึ้นแท่น “เจ้าสัว” แล้ว

          เมื่อมาพบรักและแต่งงานกับบุตรสาวคนนี้ของเขา เจ้าสัวกึ้งจูจึงยิ่งมีโอกาสถ่ายทอดความรู้ และเกื้อหนุนทางการเงินแก่บุตรเขยจนเติบโตเร็วขึ้นเป็นทวีคูณ

          เพราะฝ่ายกึ้งจู ก็ถือเป็นผู้กว้างขวางในวงธุรกิจการเงินอยู่แล้ว โดยนอกจากจะเป็นเพื่อนสนิทร่วมชั้นเรียน กับ เจ้าสัวชิน โสภณพนิช ผู้เป็นประธานกรรมการธนาคารกรุงเทพ แล้ว

          ช่วงปี 2515 เขาร่วมกับ โคโร่ คำรณ เตชะไพบูลย์ ก่อตั้ง บริษัท ธนพัฒนาทรัสต์ จนมาปี 2522 ได้เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์มหาธนกิจ จำกัด จนเมื่อโคโร่ได้ลาออกจากผู้จัดการแบงก์ศรีนคร สาขาประตูน้ำ มาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่แบงก์มหานคร และผู้จัดการใหญ่ในเวลาต่อมา ก็ชักชวนกึ้งจู มาร่วมด้วยและเป็นถึงรองประธานกรรมการธนาคารมหานคร เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของที่นั่น

          แต่เมื่อชะตาชีวิตบอกว่า ความมั่งคั่งจะยังไม่จบแค่นี้ ในช่วงปี 2518 เมื่อบริษัท ธารน้ำทิพย์ ผู้ผลิต "ธาราวิสกี้” ของ “พงส์ สารสิน” และ “ประสิทธิ์ ณรงค์เดช” ประสบภาวะขาดทุนและประกาศขาย กลุ่มเจ้าสัวเถลิง และเจริญ จึงเข้าซื้อกิจการ ซึ่งก็คือบริษัทแสงโสมในปัจจุบัน

โห่ ฮิ้ว โห่ ส่องแสงเพชร งานแต่งหรู "คนแซ่จิว"

          และรอยต่อนี้เอง ที่กึ้งจูได้เข้าไปช่วยเหลือดูแลทางการเงินอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยมากขึ้น โดยได้ขอความช่วยเหลือทางการเงินจากนายชิน โสภณพนิช เพื่อเอาเงินมาลงทุนในธุรกิจค้าเหล้าของเจริญ นั่นเอง

          มาปี 2525 เมื่อลูกเขยของเขารุ่งเรืองโดยลำดับ โดยเฉพาะเมื่อกรมสรรพสามิตออกคำสั่งอนุญาตให้ขนสุราข้ามเขตได้ กลุ่มเถลิง-เจริญ ก็ร่วมกันก่อตั้งบริษัทจำนวนมาก โดยทุกบริษัทต้องมีชื่อของเขา ในฐานะพ่อตาด้วยทั้งหมด

          นับจากนั้น กึ้งจูก็อยู่เป็นแบ๊กอัพให้แก่บุตรเขยมาตลอด ท่ามกลางการเติบโต ล่มสลาย สลับสับเปลี่ยนกันไปตามธรรมชาติธุรกิจ

          เพราะภายหลังกิจการของฝ่ายพ่อตามีปัญหา เมื่อแบงก์มหานครเกิดปัญหาสภาพคล่องอย่างรุนแรง จนแบงก์ชาติเข้ามาควบคุม แต่ที่สุดเจริญก็ได้เข้ามาถือหุ้นข้างมากของแบงก์นี้ 

          ข้างฝ่ายธุรกิจของเจริญเอง หลังจากที่กอบโกยกันอย่างล้นมือในกิจการร่วมทุนกับเถลิง ต่อมาช่วงต้นปี 2530 ได้เปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่ เถลิง เหล่าจินดา ได้ถอนตัวออกหมด ทุกอย่างจึงตกอยู่ในมือของเจริญไปโดยปริยาย

          จึงเรียกได้ว่า ช่วงนั้นเองที่เจริญได้ติดทำเนียบ "เจ้าสัว” ผู้เข้าสู่ธุรกิจธนาคารและการเงินอย่างรวดเร็ว เป็นช่วงชีวิตที่อาณาจักรของเจริญขยายตัวขนานใหญ่ ด้วยขนาดของสินทรัพย์ที่เติบโตอย่างมากนับเป็นนาที

          แต่ในทางหนึ่ง ยังมีเรื่องเล่าว่า หากไม่มองเรื่องเงินทอง ธุรกิจ สายสัมพันธ์พ่อตาลูกเขยยังแนบแน่นจากความรู้สึกส่วนลึกภายใน

          โดยว่ากันว่า ตอนที่เจริญมีโอกาสเจอ “กึ้งจู แซ่จิว” แล้วไปแอบหลงรักบุตรสาวของเขานั้น เวลานั้น พ่อตาคนนี้ได้ชื่อว่าไม่เพียงจะเก่งในชั้นเชิงของการเงิน หากยังมีความเก่งกาจในการเขียนคำอวยพรด้วยพู่กันจีน และที่สำคัญคือ กึ้งจูเป็นคนชอบอ่านหนังสือประวัติศาสตร์มากๆ

โห่ ฮิ้ว โห่ ส่องแสงเพชร งานแต่งหรู "คนแซ่จิว"

คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี รองประธานกรรมการบริหาร คนที่ 1 แห่ง ThaiBev

 

          จนวันหนึ่งเขาได้เอ่ยปากบอก “เจริญ” ว่า...ถ้าอยากรู้อนาคตทางการค้า จงไปหยิบหนังสือในตู้มาอ่านแล้วจะพบคำตอบ

          ก็เสมือนหนึ่งว่า เขาได้ถ่ายทอดเคล็ดลับวิชาในการบริหารธุรกิจ การบริหารคน และโลกของหนังสือ ให้ว่าที่บุตรเขยอย่างไม่หวงแหน

          ซึ่งทั้งหมดนั้น ก็คงเป็นเพราะเขามองเห็นเข้าไปในจิตใจของบุตรเขย ตามที่เขาได้เอ่ยปากบอกแขกเหรื่อในงานมงคลสมรสของบุตรสาว คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี ว่า

          “เจริญเป็นคนเก่ง ฉลาด และนิสัยดี ไปไหนผู้ใหญ่ก็รัก แถมยังมีความอ่อนน้อมถ่อมตน”

          นั่นก็เป็นเหมือนส่วนต่อขยายแห่งสายสัมพันธ์ทางจิตใจ นอกเหนือไปจากการจับมือกัน กรุยกรายบนถนนในเส้นทางแห่งความมั่งคั่ง นั่นเอง!

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ