สูญเสียบุคคลในครอบครัวอันเป็นที่รัก นั้นว่าสาหัสแล้ว แต่ในสาเหตุแห่งความตายนั้น ยังไร้คำตอบที่เป็นความจริง นั้นยิ่งหนักกว่า!
เวลานี้ ถ้าจะนับความทุกข์เป็นปริมาณ สำหรับครอบครัว “ตัญกาญจน์” แล้ว คงเกินกว่าจะวัดได้
เพราะความสูญเสียบุคคลในครอบครัวอันเป็นที่รัก นั้นว่าสาหัสแล้ว แต่ในสาเหตุแห่งความตายนั้น ยังไร้คำตอบที่เป็นความจริง นั้นยิ่งหนักกว่า!
เราจึงยังคงเห็นว่าทุกวันนี้ พวกเขา 3 คนพ่อแม่ลูก ยังคงเดินหน้าเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับ “น้องเมย” ผู้เป็นเหมือนดวงใจของพวกเขาทั้ง 3 อย่างถึงที่สุด
เพราะนับแต่เกิดเรื่องกับน้องเมย นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 ซึ่งเสียชีวิต ขณะอยู่ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา
มาจนถึงวันนี้ครอบครัวที่เหลือข้างหลังของเขา ก็ยังคงสู้ และทุกวิถีทาง เพื่อให้สังคมได้รับรู้ และร่วมตั้งคำถามไปยังโรงเรียนเตรียมทหารถึงเรืองราวฉากหลังที่บดบังอยู่พร้อมๆ กัน
แม้ว่ามันจะยังคงไร้ซึ่งข้อมูลที่กระจ่าง และชัดเจน ไม่ว่าจะมาจากปากของ ผบ.โรงเรียนเตรียมทหาร, แพทย์ผู้ทำการผ่าชันสูตร สถาบันพยาธิวิทยา, ผอ.กองการแพทย์ ร.ร.เตรียมทหาร และโฆษกกองทัพไทย ก็ตาม
ครอบครัว “ตัญกาญจน์” มีกัน 4 คน พ่อแม่ลูก โดยมี นายพิเชษฐ์ ตัญกาญจน์ เป็นหัวหน้าครอบครัว คุณแม่คือ นางสุกัลยา ตัญกาญจน์ บุตรสาวคนโตคือ นางสาว สุพิชา ตัญกาญจน์ และน้องชาย น้องเมย นายภคพงศ์ ตัญกาญจน์ พวกเขาอาศัยอยู่ที่ อ.บางแสน จ.ชลบุรี
และหากใครติดตามข่าวสาร จะรู้ว่าครอบครัวนี้ นอกจากจะอบอุ่น เปี่ยมไปด้วยความสุขสมบูรณ์เท่าที่ครอบครัวหนึ่งจะมีได้แล้ว แบกกราวน์ดีกรีของแต่ละคนก็ไม่ธรรมดา
จนไม่มีใครจะคาดคิดได้ว่า บ้านนี้จะยังมีอะไรให้ต้องทุกข์กังวลอีก!!
สำหรับคุณพ่อพิเชษฐ์นั้น หากดูจากข่าว เราจะเห็นภาพของชายวัยกลางคนที่พูดจามีหลักการและแววตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นของคนเป็นหัวหน้าครอบครัว
เขาเคยทำงานที่บริษัทโตโยต้าพัฒนา แต่ที่สุดแล้วทั้งคุณพ่อและคุณแม่ของน้องเมยกลับรักในกีฬารถแข่งถึงขั้นยึดเป็นอาชีพ!! จนทุกคนในวงการถแข่งจะรู้จักทั้งสองเป็นอย่างดี
โดยฝ่ายคุณพ่อนั้นที่ อยู่ ทีมพีทีที โตโยต้าพัทยา 1998 ส่วนคุณแม่นั้น ก็อยู่ทีมเดียวกัน และก็สวยดุเผ็ดสุดๆ เมื่อลงสนามแข่ง ซึ่งใครๆ เรียกกันว่า “เจ๊แหม่มสายออโต้ครอส” ว่ากันว่าแข่งได้ทั้งทางฝุ่น ทางเรียบ เวลาลงทำการแข่งขันรถยนต์ประเภทออโต้ครอสเล่นเอาหนุ่มๆ ต้องตกใจกลัว
ขณะที่ยามว่างบ้านนี้ ยังพากันไปปั่นสองล้อ เป็นกิจกรรมของครอบครัว โดยลงแข่งเอาจริงเอาจังอยู่แถบนครแหลมฉบัง จ.ชลบุรีอยู่บ่อยๆ นอกจากนั้นยังมีแถมด้วยกีฬายิงปืนที่พวกเขาให้ความสนใจชื่นชอบ
จึงไม่น่าแปลกใจที่บุตรชายจะเลือกเส้นทางสายทหารอาชีพ เพราะความแข็งแกร่งมันอยูในสายเลือด!!
ยิ่งกับพี่สาว คือ เมี่ยง สุพิชา ตัญกาญจน์ ที่หากดูจากข่าว เธอจะเหมือนเป็นแกนหลักสำหรับการเดินหน้าหาความจริงในการตายของน้องชาย มักจะปรากฏภาพที่เธอหอบหิ้วเอาเอกสารต่างๆ เกี่ยวกับการเดินหน้าหาความจริงของน้องชายออกสื่ออยู่เสมอ
ทั้งการยอมรับกับสื่อว่า ตนเองเป็นผู้ที่เข้าไปดูการผ่าตัดชันสูตรศพของน้องทุกขั้นตอน จนได้พบว่าอวัยวะสำคัญหลายชิ้นของน้องเมยหายไป!
ทั้งหมดนี้ ที่เราสัมผัสได้คือเธอเป็นผู้หญิงแกร่ง ที่มีความรู้ทางด้านกฎหมายมาอย่างดี นั่นเพราะเธอ มีความใฝ่ฝันอยากเป็นอัยการ เพื่อรักษาความเป็นธรรมให้กับสังคม โดยมุ่งมั่นที่จะสอบเข้าเรียนต่อที่เนติบัณฑิต หลังจบการศึกษาระดับปริญาตรี สาขานิติศาสตร์
ซึ่งเวลานี้ แม้จะต้องหยุดความฝันไว้ชั่วคราว เพื่อเดินหน้าทวงถามความเป็นธรรมให้กับน้องชาย
แต่ดูเหมือนว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตเธอเวลานี้ เหมือนบททดสอบแห่งชีวิตครั้งยิ่งใหญ่ ที่เธอจะนำไปใช้ในวันที่สวมหมวกอัยการได้ในอนาคตแน่ๆ
ขณะที่น้องเมย ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หลังจบจาก รร.สาธิตพิบูลบำเพ็ญ ม.บูรพา เพื่อมาไล่ตามความฝันที่โรงเรียนเตรียมทหาร ถึงขนาดเกาะติดการสอบมา 3 ปี จนสำเร็จในที่สุด กลับต้องมาฝันสลายทั้งที่ชีวิตของเขายังไม่ควรถึงปลายทางในวัยเพียง 18 ด้วยซ้ำ!
ก็คงไม่แปลกที่ครอบครัวตัญกาญจน์ที่เหลีออีก 3 ชีวิต จะไม่สามารถยอมรับผลที่ระบุชี้ว่าคนที่พวกเขารัก เสียชีวิตเพราะ “หัวใจล้มเหลว” แน่ๆ
และอย่างที่เรารู้กันว่า อะไรจะมาทำให้ครอบครัวนี้ต้องทุกข์กังวล ในเมื่อภาพที่ทุกคนโพสต์ไว้ในเฟซบุคของตนเอง มีแต่เรื่องราวของความรัก ความสุข ความผูกพัน ที่พวกเขามีให้แก่กัน
ก็มีแต่เรื่องนี้เอง ที่ทำให้ทุกคนต้องใช้พลังที่เหลืออยู่ทั้งหมด แม้จะอ่อนล้า เพื่อไขคำตอบให้กระจ่างให้ได้!
และพวกเราทุกกำลังเอาใจช่วยพวกเขาอยู่!!!
///////////////
ขอบขอบคุณภาพจากเฟซบุค
Sukanya Tanakan
"Supicha M Tanyakan"
Pichet Tanyakan
ข่าวที่เกี่ยวข้อง