Lifestyle

น้ำตา “กูปรี” ตกชั้น-ล้มบอล บทเรียน “เสี่ยนาย”

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

นี่เป็นวิกฤตของทีมศรีสะเกษ นับแต่มีการก่อร่างสร้างทีมลูกหนังกันมา ซึ่งต้องเผชิญทั้งปัญหา “ทีมตกชั้น” และผู้บริหารบางคนพัวพันล้มบอล

          หลังจาก พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้ร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) จับ 12 ผู้เกี่ยวข้องกับการล็อกผลฟุตบอลไทยลีก โดยมีบุคลากรของทีมศรีสะเกษ เอฟซี คือ เชิดศักดิ์ บุญชู ผู้อำนวยการสโมสร ตกเป็นผู้ต้องหาคดีล้มบอล

          ร้อนถึง “เสี่ยนาย”ธเนศ เครือรัตน์ ประธานสโมสรศรีสะเกษ เอฟซี ต้องออกมาแลถงข่าวยืนยันความบริสุทธิ์ของทีมกูปรีอันตรายต่อคดีล็อคผลการเเข่งขันที่กำลังมีการสอบสวนกันอยู่ในเวลานี้

น้ำตา “กูปรี”  ตกชั้น-ล้มบอล  บทเรียน “เสี่ยนาย”

          “ขอยืนยันว่าในนามสโมสร ตัวผมเอง และเจ้าหน้าที่ทุกคนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเหตุการณ์ในครั้งนี้เลย อยากให้เอาผิดให้ถึงที่สุด และยืนยันว่าไม่ใช่คนสนิทกันตามที่เป็นข่าว แต่เมื่อขันอาสามาช่วย ก็เลยตั้งไอดีการ์ดเป็นผู้อำนวยการสโมสร”

          นอกจากนี้ “เสี่ยนาย” ยังเปิดว่า มีนักฟุตบอลของทีมศรีสะเกษ เอฟซี อีก 4 คน ที่ตกอยู่ในกลุ่มต้องสงสัย ซึ่งขณะนี้ทางตำรวจกำลังรวบรวมพยานหลักฐานอยู่ส่วนกรณี “เชิดศักดิ์” นั้นตามบทลงโทษขั้นแรกต้องออกจากสโมสรก่อน และจะไปปรึกษาทนายอีกทีถ้าเขาผิดจริงและอ้างถึงสโมสร “เสี่ยนาย” ก็จะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

          นี่เป็นวิกฤตของทีมศรีสะเกษ นับแต่มีการก่อร่างสร้างทีมลูกหนังกันมา ซึ่งต้องเผชิญทั้งปัญหา “ทีมตกชั้น” และผู้บริหารบางคนพัวพันล้มบอล

น้ำตา “กูปรี”  ตกชั้น-ล้มบอล  บทเรียน “เสี่ยนาย”

          ก่อนหน้าที่ทีมบูรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะผงาดเป็นแชมป์ลีกสูงสุดของประเทศสโมสรศรีสะเกษ เอฟซี หรือ“กูปรีอันตราย” เป็นยอดทีมแห่งแดนอีสานใต้ มีแฟนคลับมากมาย แต่ในฤดูกาล 2017 ทีมกูปรีอันตราย ต้องตกชั้นไปเล่นไทยลีก 2 อันเป็นการยุติเส้นทางในลีกสูงสุด 6 ปี

          การตกชั้นของศรีสะเกษ เอฟซี ไม่ได้เหนือความคาดหมาย เนื่องจาก “เสี่ยนาย”ธเนศ เครือรัตน์ ก็ยอมรับว่า ทีมมีปัญหาด้านเงินทุนสนับสนุนจากสปอนเซอร์ ทั้งที่ในอดีต ทีมศรีสะเกษ ได้ชืือว่าเป็นทีมจอมทุ่มซื้อตัวนักเตะทีมหนึ่ง

          สำหรับ “เสี่ยนาย” เป็นบุตรชายของ ไพโรจน์ เครือรัตน์ อดีต ส.ส.ศรีสะเกษ 5 สมัย โดยตัวเขาเองประกอบอาชีพธุรกิจสถานบริการน้ำมันเชื้อเพลิง และรับเหมาก่อสร้าง

          “เสี่ยนาย” เริ่มเล่นการเมืองระดับท้องถิ่น เป็น ส.จ. และเป็นรองนายก อบจ. ก่อนจะเข้ามาสังกัดพรรคไทยรักไทย และพรรคเพื่อไทย แต่ที่น่าสนใจคือ “เสี่ยนาย” รับมรดกสโมสรฟุตบอลมาจากบุญชง วีสมหมาย อดีต ส.ส.ศรีสะเกษ ผู้ล่วงลับจึงได้เข้ามาดูแลทีมศรีสะเกษ เอฟซี

          ช่วงปี 2554-2556 สมัยรัฐบา่ลยิ่งลักษณ์ ทีมกูปรีอันตรายรุ่งเรืองมาก เพราะเวลานั้น “เสี่ยนาย” เป็นคนสนิทของร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุงอดีตรัฐมนตรีมหาดไทย และอดีตรัฐมนตรีแรงงานฯ ประกอบกับมีนักธุรกิจใหญ่ชาวอุบลฯสมบัติ เกียรติสุรนนท์ มาบริหารทีม จึงทำให้กูปรีอันตรายโด่งดัง ไม่แพ้ทีมปราสาทสายฟ้า

          นับจากปี 2557 เป็นต้นมา ทีมศรีสะเกษ เอฟซี ประสบปัญหาภายในองค์กร “เสี่ยนาย” แตกคอกับ “สมบัติ” มีเรื่องฟ้องร้องกัน สุดท้ายสิทธิ์ในการทำทีมศรีสะเกษฯ ตกมาเป็นของเสี่ยนาย แต่การที่ไม่ได้เป็น ส.ส.ยาวนานมาถึง 3 ปี ย่อมส่งผลต่อการทำทีมพอสมควร

          เมื่อรู้ว่า ทีมศรีสะเกษ เอฟซี จะตกชั้น “เสี่ยนาย” จึงวิ่งหากลุ่มทุนใหม่เข้าช่วยทำทีมให้เป็นแชมป์ไทยลีก 2 โดยหวังจะกลับขึ้นไปเล่นไทยลีกในฤดูกาล 2019

          ปลายเดือน ต.ค.มีข่าวเล็กๆ ชิ้นหนึ่งในหน้านสพ.สยามกีฬารายวันว่า “เสี่ยนาย” เปิดการเจรจากับตระกูล “อยู่บำรุง” ขอให้มาสนับสนุนทีมศรีสะเกษฯแต่ข่าวดีลธุรกิจลูกหนังกับตระกูลอยู่บำรุง ก็เงียบหายไป

          ช่วงหลังทางเสี่ยนาย ได้เข้ามาเจรจากับทางสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และดูเหมือนว่า ทางผู้ใหญ่ในสมาคมฯ จะช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องการเงินให้กับทีมกูปรีอันตราย

          แม้ในอดีต “เสี่ยนาย” จะสนิทกับวรวีร์ มะกูดี อดีตนายกสมาคมฟุตบอลฯแต่ปัจจุบัน ลมเปลี่ยนทิศแล้ว นักการเมืองอย่าง “เสี่ยนาย” ย่อมรู้ดีว่า จะเลือกยืนอยู่ข้างไหน? ในภาวะที่ทีมกูปรีกำลังตกอยู่ในอันตรายยิ่ง

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ