Lifestyle

เรื่องเล่าของ “ทราย” คิด อ่าน เขียน และ “ลูกกตัญญู”

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

การโพสต์เล่าถึงวันที่แม่ได้ออกจากโรงพยาบาลด้วยอาการที่ดีขึ้น พร้อมภาพของบิลค่ารักษา ใครที่รู้จัก อทร. จะรู้ดีว่า นี่คือ “ปกติ" มากที่เธอชอบเล่าโน่นนี่นั่นเสมอ!

          “อทร.” เธอมักจะย่อชื่อตัวเองแบบนี้ เวลาเล่าโน่นนี่นั่น แก่บรรดาผู้ติดตามเฟซบุ๊ก Inthira Itr Charoenpura นั่นเพราะชื่อเต็มของเธอคือ “อินทิรา เจริญปุระ”

          และความเป็นอินทิรา หรือ “ทราย เจริญปุระ” ไม่ได้มีแต่เรื่องราวบริบทแค่ไม่กี่วันมานี้ จนใครบางคนพากันตัดสิน “ทราย” ในวัย 36 ว่า... “แรง !!”

          แต่ความเป็น อทร. ยังมีอะไรที่น่าสนใจมากกว่านี้้

          อย่างที่เรารู้กันว่า ทราย เจริญปุระ เป็นบุตรสาวของอดีตนักแสดงและผู้กำกับภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียง สุรินทร์ เจริญปุระ หรือ รุจน์ รณภพ (เสียชีวิตแล้ว) กับ สุภาภรณ์ เจริญปุระ โดยเธอยังมีีน้องอีกสองคนคือ ภวัต เจริญปุระ (ท็อฟฟี่) และภรณ์รวี เจริญปุระ (น้ำพราว)

          และการที่ทรายเข้าสู่วงการตั้งแต่อายุเพียง 13 ปี มาจนถึงวันนี้ ผลงานของเธอเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าเธอคือมืออาชีพตัวจริง ขณะที่ตัวตนของเธอยังมี ความเก๋ กล้า บ้า ฮา และ ดุ เผ็ด เข็ดฟันอยู่ในตัวเอง

          เป็นนักอ่านตัวยง

          รู้กันดีว่า อทร. คือหนอนหนังสือคนหนึ่ง จนอาจกล่าวได้ว่าเป็นดารา "รุ่นลิมิเต็ด เอดิชั่น” ที่ยังเป็นทั้ง นักคิด นักเขียน และนักเล่าเรื่องอีกด้วย

          ในมุมของความเป็นนักอ่าน ทรายซีเรียสจริงจังถึงขนาดเคยกล่าวในรายการ คลับฟรายเดย์โชว์ เอาไว้ว่า “ถ้าผู้ชายไม่สามารถสร้างสุขได้มากกว่าการอ่านหนังสือและดื่มกาแฟ ก็...อย่ามีเลย”

          คือ “ถ้ามีมาแล้ว แทนที่วันว่างจะได้นอนอ่านหนังสือซึ่งเป็นกิจกรรมที่รักมาก กลับต้องออกไปตะลอนๆ ข้างนอก” “ไม่เหงาค่ะ หมาไม่เลี้ยง แมวไม่เลี้ยง อยู่บ้านดูแลแม่มีความสุขดีค่ะ ชอบตัวเองแล้ว ถ้ามีแล้วไม่มีความสุขกว่าที่เป็น จะมีไปทำไมคะซิส คิดสิคะ ความสุขขึ้นอยู่กับกูค่ะ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับผู้”

          แต่หากถามว่าความเป็นนักอ่านมาจากไหน ทรายเล่าเสมอว่าถูกหล่อหลอมมาจากพ่อกับแม่

          “นิสัยรักการอ่านเกิดเพราะสิ่งแวดล้อม แต่ก่อนพ่อทราย เขาทำหนังก็ต้องหาบทประพันธ์มาดู พ่อก็ต้องอ่าน แม่ก็ต้องช่วยอ่าน พอพ่อแม่อ่านกันทั้งคู่มันก็ไม่มีใครเล่นด้วย เราก็ต้องอ่านบ้าง ไม่ได้แล้ว"

          ถึงขนาดที่เธอกล้าบอกว่า สมัยเรียนมัธยมเธออ่านจนหมดห้องสมุดโรงเรียน!! (นิตยสารเวย์ สิงหาคม 2550)

          แถมมันยังเป็นอีกเหตุผลหนึ่ง ที่ทำให้ทรายเลิกล้มความคิดที่จะฆ่าตัวตาย !

          “ทําไมฉันถึงไม่ตายน่ะเหรอ ก็นอกจากเหตุอันโง่เง่าว่าหน้าต่างบานที่ฉันตั้งใจจะเปิดเพื่อกระโดดลงไป มันแคบกว่าที่ฉันคิดเอาไว้แล้ว เหตุผลหลักอีกอย่างคือ หนังสือ จะมีหนังสืออีกกี่เล่มที่ฉันจะไม่ได้อ่าน อีกกี่เรื่องราวเหตุการณ์ที่ฉันจะไม่มีวันได้รับรู้” (คอลัมน์ รักคนอ่านมติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 16-22 มิถุนายน 2560)

          เป็นนักคิดนักเขียน

          คงไม่แปลกที่ความเป็นนักอ่าน จะนำพาทรายมาร่วมงานในเส้นทางวรรณกรรม ทั้งเขียนหนังสือเองหลายเล่ม โดยเรื่องสั้นของเธอ “ในตาราตรี” ยังได้รับการคัดเลือกให้เข้ารอบ “รางวัลช่อปาริชาต”

          หรือที่เธอเขียนลงนิตยสารต่างๆ เช่น คอลัมน์ “ในรอยทราย” นิตยสารสุดสัปดาห์ช่วงปี 2544-2545, คอลัมน์ In -sine story นิตยสาร FOX ปี 2546 ฯลฯ หรือปี 2554 ดำเนินรายการ “Book Guide” ทาง Voice TV จนที่สุดเธอได้เข้ามาเขียนคอลัมน์ “รักคนอ่าน” ใน “นิตยสารมติชนสุดสัปดาห์” มาจนถึงปัจจุบัน รวมเวลาเกิน 10 ปีมาแล้ว

          แต่อีกมุมหนึ่งในตัวตนของเธอ ซึ่งแสดงออกผ่านคอลัมน์นี้ ก็ทำให้ผู้คนอีกมุมหนึ่งเริ่มจับจ้อง หรี่ตา เพราะความคิดของทรายในฐานะนักคิดนักเขียนที่มีต่อเรื่องราวทางการเมือง หลายคนฟันธงแล้วว่าทรายไปแนวไหน

          เพราะทรายเคยเขียนเกี่ยวกับการชุมนุมของคนเสื้อแดงในบทความชื่อ ‘แดง’ ทำไม ทำไม ‘แดง’ หรือ 91 ชีวิตคงน้อยไป (ตีพิมพ์ในมติชนสุดสัปดาห์ 4-10 มีนาคม 2554)

          แต่เรื่องนี้เธอเคยเปิดใจกับผู้จัดการออนไลน์ว่า ถ้าเป็นเรื่องของสถานการณ์ทางการเมือง การเขียนถึงสีหนึ่งย่อมต้องทำให้อีกสีหนึ่งไม่พอใจ

          “แต่พอทรายเขียนถึงอีกฝั่งหนึ่ง เป็นธรรมดาที่อีกฝั่งหนึ่งย่อมไม่ชอบใจ ทรายมีความรู้สึกว่าโหดร้ายไปหน่อยตรงที่ไม่ได้มีการถามว่าเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาทำไม แล้วก็มาตัดสินกันไปใหญ่โตเอิกเกริก บางทีทรายก็เหนื่อยนะ”

          แน่นอนในมุมที่มีคนคลางแคลงใจ ด้านหนึ่งก็ยังสะท้อนว่า ทรายกล้าที่จะปฏิเสธการเล่นแบบ “เพลย์เซฟ” คือ เอาตัวรอดจากเสียงด่า แต่กล้าบอกจุดยืน จนที่สุดก็ได้เสียงด่ามาหลายกระบุงตามที่รู้กัน

          เป็นนักเล่าเรื่อง

          อย่างที่แฟนๆ ของ อทร. จะติดตามเฟซบุ๊กแฟนเพจ Inthira Itr Charoenpura ซึ่งถือเป็นเพจที่มีสีสันมากที่สุดเพจหนึ่งของคนดังเลยก็ว่าได้

          นั่นเพราะ เพจของ อทร. เต็มไปด้วยเรื่องราวหลากรสชาติ ที่่เจ้าตัวออกมาเล่าแบบไม่กั๊ก !

          อทร. กล้าเล่าว่าเธอมีปัญหาเป็นโรคซึมเศร้า กล้าเล่าว่าเคยคิดฆ่าตัวตาย กล้าบอกว่าแม่ป่วยเข้าศรีธัญญา !!

          อย่างเรื่อง “โรคซึมเศร้า” เธอกล้าบอกว่ามันเกิดขึ้นจากปัญหาชีวิตนับแต่ อกหัก พ่อตาย แม่ป่วย และตนเองยังเคยประสบอุบัติเหตุอย่างรุนแรง ถึงขนาดเช้ามาต้องกินเบียร์ย้อมใจทุกวัน

          จนภายหลังเมื่อเข้ารับการรักษา ก็สามารถกลับมารับมือกับมันอย่าง “รู้ทัน” และยังเล่าให้ทุกคนฟังอย่างไม่เขินอาย

          เช่น “… (หลังเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์) ทีแรกหมอบอกว่า เรามีสิทธิ์จะขยับตั้งแต่คอไม่ได้ เพราะมันทับเส้นประสาท เราก็แบบ ‘แล้วใครจะเลี้ยงแม่’ ทุกอารมณ์ถาโถมเข้ามา เหมือนสมองจัดระบบไม่ทัน...”

          “...แล้วมันก็ล่ม ฮาร์ดดิสก์เจ๊ง เราเหมือนทหารเพิ่งผ่านศึก เห็นภาพซ้ำตลอดเวลา เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เราป่วยเป็นภาวะเครียดหลังเกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญ และโรคซึมเศร้า...”

          “...จริงๆ เรากินยาเพื่อเป็นคนเดิมนะ ไม่ได้กินยาเพื่อเป็นคนอื่น พื้นเดิมเป็นยังไง ยามันจะค่อยๆ เรียกเราคนนั้นกลับมา”

          แต่เรื่องที่น่าจะพีกสุดของทราย คือการป่วยเป็นโรคสมองเสื่อมของแม่ ที่เธอกล้าบอกทุกคนอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งก็คงไม่ถูกใจ “คนหัวโบราณ” เท่าไหร่นัก เช่น

          “...การใช้ชีวิตกับแม่ที่ป่วยเป็นโรคสมองเสื่อม ต้องเจอการกระทำที่งี่เง่าแน่นอน...” “...เวลาแม่งี่เง่า เราจะรู้สึกว่า ทำไมแม่งี่เง่าวะ อ้าว ไปว่าแม่งี่เง่า กูเป็นลูกเลว เราต้องเป็นที่พึ่งให้แม่สิ...”

          “...เป็นเพื่อน เป็นผัว เป็นเมีย วันหนึ่งเจอเรื่องไม่ดี เราตัดทิ้งได้ แต่แม่ลูกมันตัดกันไม่ได้ ต่อให้ไม่ชอบ เราก็ต้องชอบ นี่แหละนี่คือความบันเทิง (ถอนหายใจ) ชีวิตมันไม่ง่ายเลย...”

          แต่อีกด้านหนึ่งเธอก็ยอมรับตรงๆ ว่า สาเหตุเพราะตัวเองที่ตามใจแม่จนเกินไป เลยทำให้แม่อาการหนักขึ้น เธอจึงไปปรึกษากับคุณหมอที่เป็นเจ้าของไข้

          แล้วตัดสินใจแอดมิต เพื่อสร้างวินัยใหม่ให้กับแม่ ซึ่งหมายถึงการโพสต์เล่าว่า พาแม่ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลศรีธัญญานั่นเอง

          และก็เช่นเคยที่ อทร.จะคอยโพสต์บอกเล่าเรื่องราวของเธอกับแม่ในแต่ละวัน ในท่วงทำนอง ดิบ ดาร์ก ซาบซึ้ง เฮฮา อารมณ์ประมาณ "ขันขื่นไปกับแม่-ลูกสองสหาย”

เรื่องเล่าของ “ทราย”  คิด อ่าน เขียน และ “ลูกกตัญญู”

          จนมาถึงการโพสต์เล่าถึงวันที่แม่ได้ออกจากโรงพยาบาลด้วยอาการที่ดีขึ้น พร้อมภาพของบิลค่ารักษาที่เป็นเงินจำนวนหนึ่ง

เรื่องเล่าของ “ทราย”  คิด อ่าน เขียน และ “ลูกกตัญญู”

          ซึ่งใครที่รู้จัก อทร. จะรู้ดีว่า นี่คือ “ปกติมาก” กับความเป็นอทร. ที่เธอจะเล่า เล่า และเล่า เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน

          จะมีไม่ปกติ เฉพาะกับคนที่ไม่รู้จักตัวตนของเธอ และตัดสินอย่างฉาบฉวยเท่านั้น

          ทั้งๆ ที่การกระทำของทราย ที่จริงต้องใช้คำว่า “อทร. ลูกกตัญญู !!” โดยไม่ต้องใส่เครื่องหมายคำถามด้วยซ้ำ !

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ