Lifestyle

“หมอเมย์” วิ่งต่อ จบดราม่า ออก..ไม่ออก!

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ชาวเน็ตและชาวไทย ต่างพูดถึงกันเป็นวงกว้าง บ้างก็พูดถึงความเหมาะสมของการลางาน 2 เดือนดังกล่าว!  บ้างก็ตำหนิทางโรงพยาบาล แต่เรื่องนี้จบแล้วจ้า เพราะว่า....!

          ข่าวหมอเมย์ ลางาน 2 เดือน เพื่อดูแล ‘ตูน’ ในทุกก้าว ดูจะเป็นอีกไฮไลท์ที่คนไทยเฝ้าติดตาม และสร้างกระแสในสังคมได้ไม่น้อย

          ทำนองว่าตกลงยังไงกันแน่ นั้นเพราะข่าวที่ออกมาช่วง วันที่ 15 พฤศจิกายน ที่ผ่านมานั้น ระบุว่าแพทย์หญิงสมิตดา สังขะโพธิ์ หรือ หมอเมย์ ที่ติดตามดูแลตูนตลอดระยะทางการวิ่ง ในโครงการ “ก้าวคนละก้าวเพื่อ 11 โรงพยาบาลทั่วประเทศ”

          ได้ตัดสินใจขอลางาน รพ. เป็นเวลา 2 เดือน เพื่อทุ่มเวลาดูแล “ตูน บอดี้สแลม” อย่างเต็มที่

          แต่แล้วช่วงเย็นขอวันเดียวกันกลับมีข่าวออกมาอีกระลอกว่า หมอเมย์ยื่นใบลาออกจากโรงพยาบาลต้นสังกัดเสียแล้ว เนื่องจากทางโรงพยาบาลไม่สามารถอนุญาตให้หมอเมย์ลางานชั่วคราวได้

“หมอเมย์” วิ่งต่อ  จบดราม่า ออก..ไม่ออก!

          แน่นอนเรื่องนี้ ชาวเน็ตและชาวไทย ต่างพูดถึงกันเป็นวงกว้าง

          บ้างก็พูดถึงความเหมาะสมของการลางาน 2 เดือนดังกล่าว!

          บ้างก็ตำหนิทางโรงพยาบาล เพราะการกระทำของหมอเมย์ น่าจะเป็นอีกหนึ่งหน้าที่ของคนเป็นหมอ ที่ควรทำ

          บ้างก็ไปไกลถึงขนาดพูดถึงกระแสกดดันจากกลุ่มแพทย์ด้วยกันเอง ที่อาจมองว่าการกระทำของหมอเมย์เหมือนเป็นการเอาเปรียบแพทย์ท่านอื่นๆ

          แต่แล้วที่สุด ดราม่ายังไม่ทันกรุ่น! หนึ่งในผู้ดูแลทีมวิ่งก้าวคนละก้าว ได้แจ้งกับทีมข่าวกรุงเทพธุรกิจออนไลน์ว่า หมอเมย์ไม่ได้ลาออกจาก รพ.พระรามเก้าตามข่าว

          แต่เธอได้ลามาช่วยงาน 2 เดือนได้ และต้องกลับไปช่วยงานอาจารย์เป็นระยะ และทางโรงพยาบาลได้ให้ความช่วยเหลือ อำนวยความสะดวกหลายอย่างในการสนับสนุนครั้งนี้

          เป็นอับจบดราม่าอย่างรวดเร็วภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง

          ขณะที่ล่าสุด หมอเมย์เองก็เพิ่งโพสต์ภาพและข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวใจความดังนี้

          “ภาพที่เห็นยิ่งใหญ่แต่ไม่เท่าความรู้สึกที่สัมผัสอยู่ตรงนั้น ทุกวินาทีมีปาฎิหารย์เล็กๆ เกิดขึ้น”

          “ผ่านไป 16 วันด้วยดี เพราะบุคคลเบื้องหลังมากมาย ที่ยังไม่มีโอกาสขอบคุณ อาทิวราห์ คงมาลัย และทีมก้าวคนละก้าว มูลนิธิรพพระมงกุฎเกล้า และคณาจารย์ทุกท่าน”

          “รวมถึงคณาจารย์ทีมเวชศาสตร์ฟื้นฟูทุกท่าน โรงพยาบาลพระรามเก้า อาจารย์อาวุโสและทีมผู้บริหาร ผู้บริหารทีมกายภาพบำบัดและนักกายภาพบำบัดทุกท่าน”

          “ขอบคุณพลังใจมากมายที่ส่งมาให้ และการช่วยเหลืออย่างดีจากทุกท่าน หมอเมย์ขอเป็นตัวแทนของแพทย์และบุคคลากรโรงพยาบาลพระรามเก้า ในการทำสิ่งดีๆทุ่มเทให้กับสังคมและประโยชน์ส่วนรวมจนสิ้นสุดโครงการนี้ค่ะ หมอเมย์”

          ใครอ่านแล้วมันเต็มตื้นอยู่ในหัวใจ อยากจะเข้าไปทำความรู้จักกับหญิงแกร่งคนนี้อีกครั้ง

“หมอเมย์” วิ่งต่อ  จบดราม่า ออก..ไม่ออก!

          หมอเมย์ พญ. สมิตดา สังขะโพธิ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาเวชศาสตร์ฟื้นฟู ประจำโรงพยาบาลพระรามเก้า เกิดเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2522 ปัจจุบันอายุ 38 ปี เท่ากันพอดีกับตูน บอดี้สแลม!

          โดยงานหลักของคุณหมอ จะดูแลคนไข้ที่อยู่ในกลุ่มของ อัมพฤกษ์ อัมพาต กระดูกหัก หรือว่าเป็นโรคของทางระบบประสาท โรคทางหัวใจ ที่ทำให้กล้ามเนื้อผิดปกติ อ่อนแรงลงไป ฟื้นฟูคุณภาพชีวิตให้คนไข้จะทำงานร่วมกับนักกายภาพบำบัดเป็นทีม โดยเธอทำงานนี้มาประมาณ 7 ปีแล้ว

          ขณะที่การวิ่ง ถือเป็นสิ่งรัก โดยคุณหมอเคยเขียนบทความถึงจุดเริ่มต้นวิ่งว่า….

“หมอเมย์” วิ่งต่อ  จบดราม่า ออก..ไม่ออก!

          16 ปีก่อน เธอเข้ามาเรียนแพทย์ เพราะไม่รู้จะเรียนอะไร ผ่านไป 2 ปี เลือกเรียนแพทย์เฉพาะทางเวชศาสตร์ฟื้นฟู “เพราะแค่ชอบออกกำลังกายอย่างบ้าคลั่ง แต่ไร้ทิศทาง แค่ปลดปล่อยพลังงานออกไป”

          ผ่านมา 6 ปี เป็นแพทย์เฉพาะเวชศาสตร์ฟื้นฟูเกี่ยวกับความปวด เพราะแค่หมอดูบอกว่าต้องทำงานอยู่กับของแหลมๆ กับโอกาสดีๆ ที่ได้มา

          กระทั่ง 5 ปีก่อน เธอมาเรียนเวชศาสตร์ชะลอวัย

          “เพื่อตอบคำถามตัวเองบางคำถามที่แพทย์แผนปัจจุบันตอบไม่ได้ ..มันคือทางออกของสุขภาพดีแบบวิทยาศาสตร์ตอบได้ทุกอย่าง กิน นอน ออกกำลังกาย อาหารเสริม โภชนาการ…คือใช่ คือดี”

          และ 4 ปีก่อน กับการออกกำลังกายรูปแบบ “วิ่ง” ที่จริงจังมากขึ้น…กับระยะมาราธอนที่ไม่เคยฝันว่าจะมาถึง จนถึงอัลตร้า ที่ต้องมากกว่าบ้าถึงจะทำได้ และเรียนรู้จากการลงมือทำ

          ที่สุด การออกวิ่งของหมอเมย์ ไม่ได้จบที่ตัวเอง แต่ยังส่งต่อไปยังคุณแม่ของเธอ อีกด้วย คุณแม่ของหมอยังออกมาวิ่งเพื่อสุขภาพ และยังเคยไปหาหมอเมย์ที่โรงพยาบาลอีกด้วย

          หมอเมย์เคยเล่ากับ ผู้จัดการออนไลน์ว่า ตนเองเริ่มต้นออกวิ่งด้วยระยะทางสั้นๆ 10 กิโลเมตร จนขยับไปเรื่อยๆ ที่ Half marathon 21 กิโลเมตร มาราธอน 42.195 กิโลเมตร อัลตร้ามาราธอน 50 กิโลเมตร และเทรล 66 กิโลเมตร ตามลำดับ ซึ่งอนาคตยังตั้งเป้าหมายไว้ที่ 100 กิโลเมตร ที่สุดเธอได้นำทั้งสองอย่างมาผสมผสานกัน เกิดเป็น “คลินิกนักวิ่ง” เพื่อให้คำปรึกษาและดูแลรักษานักวิ่งโดยเฉพาะ

          โดยหมอเริ่มมาราธอนแรกเมื่อเดือนมิถุนายน 2014 แล้วจาก 2014-2015 ก็วิ่งไป 9 มาราธอน ปัจจุบัน (ถ้าไม่นับที่วิ่งกับตูน) ตอนนี้ก็รวมๆ อยู่ที่ 12-13 มาราธอน

          สำหรับ คลีนิกนักวิ่งของเธอมาจาก ที่เวลาไปวิ่ง หมอจะเอาความรู้ที่เราไปวิ่งทุกวันมาผสมผสานกับการชอบวิ่ง ทักษะการวิ่ง และปัญหาของการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นกับทั้งตัวเองกับทั้งเพื่อนๆ นักวิ่ง

“หมอเมย์” วิ่งต่อ  จบดราม่า ออก..ไม่ออก!

          ที่สำคัญในทุกการวิ่งก็จะได้สิ่งดีๆ กลับมาเสมอ คืนอกจากความแข็งแกร่งแล้วยังได้พบสังคมเพื่อนนักวิ่งที่น่ารัก แบ่งปันช่วยเหลือกันตลอด ดังนั้น ขอให้ออกมาวิ่ง แล้วจะรู้เอง

          แถมตอนนั้นหมอเมย์ยังเคยบอกด้วยว่า

          "วันนี้คุณอาจจะออกมาเริ่มวิ่งด้วยแรงบันดาลใจของใครบางคน เห็นพี่ตูน บอดี้สแลมแล้วอยากออกมาวิ่ง เห็นหมอแล้วอยากออกมาวิ่ง เห็นคนเคยอ้วนมากๆ แล้วเขาผอมก็อยากออกมาวิ่ง สักวันคุณก็จะได้เป็นแรงบันดาลใจต่อสิ่งนั้นให้กับคนอื่น ซึ่งทำแล้วดีทั้งกับตัวเอง ดีทั้งกับคนอื่นและดีทั้งกับสังคม” (ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 12 มกราคม 2560)

          ใช่แล้ววันนี้ หมอเมย์ออกมาวิ่งกับพี่ตูน และยังเป็นหนึ่งในไอดอลที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับใครอีกหลายคนด้วย

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ