Lifestyle

เมอร์ซิเออร์แบร์นาร์ บองนี่ หนึ่งในพระสหายแห่ง “โลซานน์”

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

หนึ่งในพระสหายของในหลวง ร.9 ที่มาบอกเล่าเรื่องราววัยรุ่นขององค์ภูมิพล

               คนในข่าววันนี้ สำหรับเราชาวไทย รับรู้ถึงพระราชกรณียกิจและพระราชจริยวัตรอันงดงามของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช นับแต่พระองค์เสด็จนิวัตกลับสยามประเทศ หากแต่ช่วงก่อนหน้านั้น พระองค์ก็มีชีวิตเฉกเช่นสามัญชนทั่วไปที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

               โดยช่วงวัยรุ่น องค์ภูมิพลทรงศึกษาที่ Ecole Nouvelle de la Suisse Romande หรือ โรงเรียน Ecole Nouvelle ตั้งอยู่ในเมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเป็นโรงเรียนที่ตั้งอยู่บนภูเขา ซึ่งทั้งพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงศึกษาจนจบชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย

               ทั้งนี้ ยังมีข้อมูลว่า ช่วงปี 2554 สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ไปทรงเป็นประธานในพิธีเปิดอาคารแห่งใหม่ของโรงเรียนอีกด้วย  โดยอาคารนี้สร้างขึ้นโดยใช้พระราชทรัพย์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเป็นส่วนใหญ่ โดยมีป้ายที่จัดทำขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทั้งสองพระองค์ด้วย

               รู้กันดีว่า เป็นโรงเรียนที่เน้นความเท่าเทียมกันของนักเรียน การเคารพในตัวนักเรียนแต่ละคน มุ่งหาวิธีการสอนที่เหมาะสมกับนักเรียนเป็นรายคน โดยหวังให้นักเรียนมีทั้งความรู้เชิงวิชาการและยังสามารถปรับตัวเข้ากับโลกในอนาคตได้

               และที่นี่เองที่ ในหลวงรัชกาลที่ 9 ของเราทรงมีพระสหายมากมาย โดยหนึ่งในนั้นคือ เมอร์ซิเออร์ Bernard Bonny หรือ เมอร์ซิเออร์แบร์นาร์ บองนี่ เป็นพระสหายร่วมห้องเดียวกัน

               บุคคลผู้นี้ เคยเป็นทหารและเกษียณหน้าที่การงาน ที่บริษัทประกันภัย จากนั้นเป็นครูสอนภาษาฝรั่งเศสให้แก่คนต่างชาติที่โรงเรียนในโลซานน์ อาทิตย์ละสองครั้ง

               เมอร์ซิเออร์บองนี่เป็นชาวโลซานน์ และได้มีโอกาสเรียนหนังสือพร้อมกับในหลวง รัชกาลที่ 9 ในสองปีสุดท้าย ที่โรงเรียน Ecole Nouvelle เมื่ออายุประมาณ 16-17 ปี จากข้อมูลที่ค้นมาระบุว่า เขาเคยกล่าวว่า พวกนักเรียนในโรงเรียนนี้ ทุกคนลืมไปเลยว่าเพื่อนร่วมชั้นคนนี้เป็น “เจ้าชาย”

               “ไม่ได้นึกถึงเลย เพราะพระองค์ท่านมีพระทัยดีกับเพื่อนทุกคน ทรงสนุกสนานกับเพื่อนๆ ร่วมชั้น ไม่วางอำนาจหรือเจ้ายศเจ้าอย่างเลย เป็นธรรมดามาก”

               โดยสมัยนั้นยังทรงเป็นปรินซ์ภูมิพล ทรงมีห้องที่ประทับอยู่ในโรงเรียนด้วย บางครั้ง เวลาที่ไม่มีเรียนหรือว่างเรียนสักชั่วโมงก็จะทรงชวนว่า ‘มา..แบร์นาร์ มา ด้วยกันสิ’ แล้วก็จะพากันไปที่ห้องที่ประทับ ไปกินแอปเปิ้ลหรืออะไรกัน

               เมอร์ซิเออร์บองนี่ ย้อนระลึกถึง บรรยากาศในห้องเรียนแล้วเล่าว่า..

               "เวลาเรียนหนังสือท่านก็เหมือนเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่ง เป็นกันเองมาก ผมบอกได้เลยว่า ในทุกวิชาที่พวกเราเรียนกัน ไม่ว่าจะเป็นวิชาเลข วรรณคดี หรือวิชาอื่นๆ ท่านเรียนได้ดีมาก อยู่ในระดับต้นๆ เลย ท่านเรียนเก่งมาก ผมเคยทูลถามท่านครั้งหนึ่งว่า จะทรงศึกษาอะไรต่อหลังจากจบที่นี่แล้ว คือในระดับมหาวิทยาลัยนะครับ”

               องค์ภูมิพลท่านทรงมีครูประจำพระองค์ เขาทำหน้าที่เหมือนพระพี่เลี้ยง จะเอารถยนต์พระที่นั่งมารับท่านกลับพระตำหนักหลังจากเลิกเรียนแล้ว"

               สำหรับพระอุปนิสัยของเจ้าชายแห่งสยามประเทศพระองค์นี้ พระสหายคนนี้เล่าว่า

               "ท่านค่อนข้างจะเอาจริงจังมาก ทรงมีน้ำพระทัยดีเสมอนะครับ อย่างผมเป็นเด็กที่ค่อนข้างซน บางครั้งทำอะไรแผลงๆ กับครูบ้างตามลักษณะวัยรุ่น แต่ปรินซ์ภูมิพลไม่เคยร่วมทำอะไรแผลงๆ ด้วยเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทำไมน่ะหรือครับ ก็เพราะว่าท่านเป็นคนเอาจริงเอาจังมาก ทรงมีความคิดลึกซึ้ง ไม่วู่วามเลย”

               ทั้งนี้ หลังจากจบโรงเรียนนี้แล้ว ต่างฝ่ายต่างก็แยกย้ายกันไป โดยที่องค์ภูมิพล เสด็จฯ เข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัย ส่วนตนเองไปเป็นทหาร เมื่อพ้นเกณฑ์ทหารแล้ว ก็เข้าเรียน Political Science จากนั้นเข้าทำงานกับบริษัทประกันภัยได้เป็นผู้อำนวยการฝ่ายฝึกงานพนักงาน เป็นบริษัทประกันภัยของสวิตเซอร์แลนด์

               นอกจากนี้ เมื่อทรงเจริญพระชนมพรรษา 60 พรรษา เขาเคยเขียนจดหมายไปถวายพระพรชัยมงคล ก็ได้รับการตอบรับจากท่านราชเลขาธิการ บอกว่าได้ทูลเกล้าฯ ถวายให้ทอดพระเนตรแล้ว และมีรับสั่งให้ตอบขอบใจมาประมาณสองถึงสามฉบับ โดยเจ้าตัวยังเก็บเอาไว้ด้วย พร้อมกับเล่าว่า 

               “....ในสมัยนั้นที่โลซานน์มีเจ้านายจากประเทศต่างๆ มาประทับอยู่มากมายหลายราชวงศ์ด้วยกัน แต่ความทรงจำที่ดีที่สุดก็คือจากราชวงศ์ไทย เพราะอะไรน่ะหรือครับ ก็เพราะทุกคนที่นี่รักท่าน มีคนสวิสเป็นจำนวนมากที่มีความรู้สึกพิเศษให้แก่เจ้านายไทย เราจะเห็นหนุ่มน้อยสองพระองค์ขี่จักรยานตามท้องถนนที่โลซานน์เป็นประจำ”

               พระสหายจากโลซานน์ยังเล่าอีกว่า เมื่อเรียนจบจากโรงเรียนนี้แล้ว เขาก็ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ ครั้งหนึ่ง เมื่อเสด็จฯ กลับไปเยือนโรงเรียน Ecole Nouvelle หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ ในหลวงรัชกาลที่ 9 อีกเลย

 

 //////

ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก

http://opium-howtodeleteabrowsercookie.blogspot.com/2012/12/my-king.html

และเพจ “ตามรอยพ่อ”

 

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ