Lifestyle

พระหาย..อีกแล้ว เจ้าคุณนิมิต วัดสวนดอก ศึกนี้สะท้านสงฆ์เหนือ

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

สวมบัตรคนตาย อะไรกันเนี่ย!! ทำไมถึงเกิดเรื่องนี้ขึ้นได้กับพระสังฆาธิการระดับเจ้าอาวาส ยิ่งกับ “วัดสวนดอก” ระดับพระอารามหลวงที่สำคัญแห่งหนึ่งเลยทีเดียว

               หรือนี่คือ “ยุคพระหาย!” ...ล่าสุด “พระราชรัชมุนี” เจ้าอาวาสวัดสวนดอก พระอารามหลวง ได้ล่องหนหายไปอีกรูป หลังมีเรื่องร้อนๆ พบว่ามีการสวมบัตรประชาชนผู้ที่เสียชีวิต คือ ด.ช.ดวงดี เวียงดินดำ ต.บ้านแก้ง อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ ซึ่งเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง เมื่อปี 2538

               ปรากฏว่างานเข้าอย่างจัง เพราะจากหลักฐานที่นำมาแสดงพบว่า เดิม พระราชรัชมุนี เคยใช้ชื่อ นิมิต ยอดคำ เกิดเมื่อ 2 เมษายน 2508 พ่อชื่ออิ่ง แม่ชื่อนามแสง สัญชาติพม่า อยู่บ้านเลขที่ 37 หมู่ 14 ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่

               ต่อมาบวชเป็นพระ ได้ฉายา “สิขรสุวณฺโณ” นามสกุล “วุฒิชัย” ที่ “วัดท่าตอน” อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ และได้ระบุในใบสุทธิ ชาติภูมิ เกิดวันที่ 14 เมษายน 2508 ณ บ้านเลขที่ 3 ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่

               จากนั้นบวชใหม่ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2525 ณ วัดท่าตอน จ.เชียงใหม่ มีพระที่วัดท่าตอน เป็นพระอุปฌาชย์ กระทั่งมาขอทำบัตรใหม่ และได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็น “พระราชรัชมุนี” (นิมิต ทิพย์ปัญญาเมธี) โดยทำบัตรประชาชน ที่ อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ ขอทำบัตรในกรณีเป็นบุคคลซึ่งได้รับยกเว้น ซึ่งตรงกับวันที่ 24 เมษายน 2552 แต่กลับระบุวันเดือนปีเกิดว่าตรงกับวันที่ 5 มิถุนายน 2513 อีกด้วย !

               และตรงนี้เองที่มีการร้องเรียน ระบุว่า เลขประจำตัวบัตรของ “เจ้าคุณนิมิต” หรือ “พระราชรัชมุนี” เจ้าอาวาสวัดสวนดอก ไปตรงกับสามเณรที่มรณภาพไปแล้ว

               เรื่องนี้จึงร้อนกันไปทั่ว จนสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ ได้ออกหนังสือให้เจ้าอาวาสวัดสวนดอก มาชี้แจงแล้ว แต่เจ้าตัวกลับหายจ้อย ตามที่ว่ามาข้างต้น

               อย่างไรก็ดี มุมหนึ่งน่าสนใจว่า ทำไมถึงเกิดเรื่องนี้ขึ้นได้กับพระสังฆาธิการระดับเจ้าอาวาส ยิ่งกับ “วัดสวนดอก” ระดับพระอารามหลวงที่สำคัญแห่งหนึ่ง ซึ่งการจะเป็นเจ้าอาวาสได้นั้น ต้องถือว่าไม่ธรรมดา !

               มีข้อมูลจากเว็บไซต์ http://www.alittlebuddha.com/ เล่าไว้มากมาย พอที่จะนำมาปะติดปะต่อ โยงให้เห็นภาพได้ว่า พระราชรัชมุนีรูปนี้ เป็นเจ้าคุณหนุ่มไฟแรง ศิษย์จาก “วัดท่าตอน” อ.แม่อาย ของ “พระเทพมังคลาจารย์” (สมาน กิตติโสภโณ) เจ้าอาวาส ผู้เป็นพระอุปัชฌาย์ เองกับมือ

               ต่อมาจึงได้รับการดึงและแรงดันจากหลวงพ่อสมานนี่แหละ ให้เข้ามาเป็นเจ้าอาวาสที่ “วัดสวนดอก พระอารามหลวง” โดยฝากฝังไปทาง หลวงพ่อสมเด็จวัดปากน้ำ ในฐานะเจ้าคณะใหญ่หนเหนือ ดูแลเขตการปกครองคณะสงฆ์ มหานิกาย ภาค 4, 5, 6 และ 7 โดยภาค 7 มี 3 จังหวัด คือ เชียงใหม่ ลำพูน และแม่ฮ่องสอน

               เรื่องนี้ว่ากันว่า หลวงพ่อวัดปากน้ำ ถึงกับจูงมือเจ้าคุณนิมิต เดินไปยังห้องพัก แล้วชี้บอกว่า “ท่านเจ้าคุณจำวัดที่ห้องนี้นะ” คือให้เป็นเจ้าอาวาสที่วัดสวนดอกนั่นเอง !

               ช่วงนั้นวัดปากน้ำ ซึ่งคุมการศึกษาบาลีอยู่ ต้องการคนทำงานด้านนี้ โดยเจ้าคุณนิมิตซึ่งเป็นประโยคเก้า และจับสายบาลีมาตลอด เรียกว่าเชี่ยวชาญ ดังนั้น การที่จะให้เข้ามาดูแล และดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสวนดอก ก็คงไม่เกินเลยนัก !

               แถมต่อมา เจ้าคุณนิมิต ยังโชว์ผลงานบาลีออกมาดี จนได้เลื่อนเป็นชั้นราช ซึ่งแม้เวลานั้นจะยังไม่มีตำแหน่งรองรับ แต่ก็ต้องนับเป็นเครดิตของ “หลวงพ่อสมาน” หรือ พระเทพมังคลาจารย์วัดท่าตอน ค่าที่ช่วยผลักช่วยดันกันมา

               หันมาดูข้างหลวงพ่อสมานเอง ก็ได้ชื่อว่าเป็นพระดี พระทำงาน ที่ได้สร้างพุทธมณฑลเชียงใหม่ในอาณาบริเวณเดียวกับมหาวิทยาลัยสงฆ์ มจร. ในพื้นที่ อ.ดอยสะเก็ด จนผันตัวเองจากตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอแม่อาย ซึ่งถือว่าเป็นอำเภอเล็กอันดับท้ายๆ ของเชียงใหม่ เข้ามาดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะจังหวัดได้ ต้องถือว่าไม่ธรรมดาเหมือนกัน

               มาหนนี้ เมื่อมีประเด็นเรื่องการสวมรอยคนตายของพระราชรัชมุนี เจ้าอาวาสวัดสวนดอก จึงร้อนถึงอาสนะของ เจ้าอาวาสวัดท่าตอน อดีตพระอุปัชฌาย์ไปด้วย ค่าที่สนิทสนมกันเป็นการส่วนตัว และผลักดันกันมาตั้งแต่เริ่มจนรุ่ง ได้รับสมณศักดิ์สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

               แถมเวลานี้ผู้ร้องรวบรวมหลักฐานให้ตรวจสอบและดำเนินคดีกับพระทั้ง 2 รูปแล้วด้วย !

               แต่หากมองอีกมุม เรื่องนี้ก็ไม่รู้ว่ามีการใช้วิทยายุทธ์ สกัดดาวรุ่งอะไรหรือไม่ เพราะด้านหนึ่ง ในการขึ้นเป็นเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ ในอีก 4 ปีข้างหน้านั้น ยังต้องขับเคี่ยวกับ พระเทพสิงหวราจารย์ เจ้าอาวาสวัดพระสิงห์ วรมหาวิหาร (พระอารามหลวง) อ.เมือง รองเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ ที่มีความอาวุโสลำดับที่ 2

               ตามประเพณีปฏิบัติของการแต่งตั้งเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ จะไม่แต่งตั้งพระที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล เพราะเรื่องนี้มีผลในการเดินทางติดต่อถึงกัน ซึ่งถือเป็นเรื่องลำบากมาก ซึ่งเรื่องนี้แหละที่เคยมีประเด็นความไม่เหมาะสม ที่เจ้าอาวาสวัดท่าตอน คิดที่จะใช้วัดสวนดอกของเจ้าคุณนิมิต ซึ่งอยู่ใกล้ตัวเมืองมากกว่า เป็นสำนักงานเจ้าคณะจังหวัดแทน

               ขณะที่ยังมีอีกเรื่องซึ่งเป็นประเด็นมาสักพักแล้ว คือ เจ้าอาวาสวัดท่าตอน หรือพระเทพมังคลาจารย์รูปนี้แหละ เคยนำพระสงฆ์จำนวนมาก รวมตัวที่ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ให้รัฐบาลยกเลิก มาตรา 44 ตรวจค้นวัดพระธรรมกายช่วงต้นปีที่ผ่านมา

               เมื่อรวมทั้งหมดนี้เข้าด้วยกัน เชื่อว่าอาสนะของเจ้าอาวาสวัดท่าตอน อาจไม่ได้แค่ร้อนอย่างเดียว แต่อาจพลิกผันด้วย เพราะต้องลุ้นกันว่า จะเข้าข่ายรู้เห็นกับพระราชรัชมุนี เจ้าอาวาสวัดสวนดอก ในการสวมสิทธิ์คนตายหรือไม่ ซึ่งหากพบว่ามีมูล อาจโดนข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเข้าข่ายผิดกฎหมายทางปกครอง และกฎหมายคณะสงฆ์อีกด้วย

               เวลานี้ฝ่ายหนึ่งหายตัวไปแล้ว จะมีก็แต่เจ้าอาวาสวัดท่าตอนที่น่าจะกำลังเตรียมชี้แจงข้อเท็จจริงรัวๆ แล้วตอนนี้

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ