Lifestyle

สายหมวกแดง “บิ๊กเจี๊ยบ” แม่ทัพบก ยุค “ปูหาย-เรือเหี่ยว”

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

บทบาทของ ผบ.ทบ.คนนี้ไม่ธรรมดา เพราะนับแต่มานั่งเก้าอื้ ผบ.ทบ.งานทุกเรื่องต้องเทมาบนโต๊ะของเขา ตั้งแต่ก่อนจะมามีเรื่อง “ปูหาย เรือเหี่ยว” ด้วยซ้ำ

               จากข่าวเรือเหาะ ทำให้คนไทยวงเล็กๆ เริ่มรู้จัก “บิ๊กเจี๊ยบ” พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) คนปัจจุบันมากขึ้นว่า คนนี้แหละที่เป็นคนส่งเรือเหาะไปจอดหน้าบ้านบิ๊กๆ ทั้งหลาย

               เริ่มจาก “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา มท.1 ซึ่งเป็นเจ้าแรกที่นักข่าวไปถาม ค่าที่เป็น ผบ.ทบ.ในยุคที่มีการสั่งซื้อเรือเหาะ

               แต่แล้วรายนั้นก็โบกมือไม่รับรู้ บอกมันคืออดีต อยากรู้ให้ไปถาม ผบ.ทบ. คนปัจจุบันโน่น !!

               พอมาถึง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม ก็ตอบเหมือนกันเด๊ะว่าไม่รู้จ้า !!!

               จนมาถึง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คนนี้รูดซิปปากเงียบกริบยังไม่ตอบอะไรให้เสียรังวัด

               ที่สุดเรือเหาะก็วนกลับมาหน้าบ้านบิ๊กเจี๊ยบอีกจนได้ ด้วยเหตุที่ตนเองนั่นแหละ เป็นผู้ปูดออกมาเองแบบไม่กั๊กเผื่อไว้ให้บิ๊กๆๆ ได้หาทางลง

               จนเกิดเป็นกระแสฮึ่มแรง ! เป็นประเด็นการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของกองทัพบกไร้ประสิทธิภาพ บิ๊กเจี๊ยบก็เลยต้องชี้แจงอีกรอบ

               ว่าเรือเหาะซึ่งเป็นบอลลูน ครบอายุการใช้งานแล้ว เพราะเป็นผืนผ้าหมดอายุการใช้งาน แต่กล้องตรวจการณ์ยังใช้งานได้ จะนำไปใช้กับอุปกรณ์อื่นต่อไป

               ที่เรียกกันว่า “เรือเหี่ยว” นั้น ยืนยันว่าที่ผ่านมาก็ใช้งานได้จริง โดยตอนที่ลงไปปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อปี 2554 ก็เห็นเรือเหาะตรวจการณ์ก็สามารถใช้งานได้อยู่ !

               พูดถึงตรงนี้ เหมือนจะจบ แต่ก็ไม่จบ เพราะปรากฏว่าช่วงวันที่ 20 กันยายน ที่ผ่านมา ข่าวการนัดพบพูดคุยกับ “บิ๊กตู่” เร้าใจนักข่าวให้อยากรู้เหลือเกินว่าเรื่องอะไรกันแน่

               ปรากฏว่าหลังการประชุมนาน 40 นาทีที่ตึกไทยคู่ฟ้า พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. ออกมาระบุแก่นักข่าวว่า เป็นการรายงานผลการเข้าร่วมประชุม ผบ.ทบ.ภาคพื้นแปซิฟิก ครั้งที่ 10 (PACC X) ที่สาธารณรัฐเกาหลี 17-19 กันยายน ที่ผ่านมา

               ซึ่งก็มีเรื่องท่าทีในส่วนของความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี และสถานการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ เพราะในช่วงนี้เป็นช่วงที่สับเปลี่ยนกำลังในพื้นที่ และมาตรการดูแลในช่วงต่อๆ ไป

               เหมือนบิ๊กเจี๊ยบจะบอกว่า ที่คุยกันไม่ใช่ดราม่า แต่เป็นปัญหาระดับโกลบอลทั้งสิ้น !!

               อย่างไรก็ดี ถึงตรงนี้จะให้เชื่อว่าคุยกันแค่นี้คงยาก เพราะเรื่องลับลวงพราง คนไทยเริ่มจับทางถูกกันหมดแล้ว

               ว่างานนี้ ถ้าไม่ใช่เรือเหาะ ก็ต้องเป็นไปได้ว่าจะมีการพูดคุยกันอีกเรื่องหนึ่งที่ บิ๊กเจี๊ยบรับผิดชอบอยู่

               ก็เรื่อง “นารีขี่ม้าบิน” โดยถ้าลองวิเคราะห์ดู ช่วงสองสามวันมานี้ กับกระแสข่าวที่ “บิ๊กป้อม” พี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์ ไปอังกฤษ ซึ่งก็ถูกโยงว่า ดอดไปดีลอะไรกันเรื่องการหลบหนีของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ แน่ๆ

               และสำหรับเรื่องดังกล่าวอย่างที่บอกว่า “บิ๊กเจี๊ยบ” เป็นผู้ดูแลอยู่ คือ รับผิดชอบในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่จะติดตามความคืบหน้าการหลบหนีออกนอกประเทศ ของสาวปู โดยสั่งการผ่านทางกองกำลังบูรพา

               แถมก่อนหน้านี้ เจ้าตัวพูดเองเลยว่า ปูหนีแน่ๆ และมีคนจัดให้หนีด้วย แต่ไม่ใช่ทหาร !! เพราะระดับ “ชินวัตร” ที่มีทั้งผู้สนับสนุน มีเครือข่ายพอสมควร ดังนั้นการหลบหนีย่อมทำได้ไม่ยาก

               แต่เรื่อง “ทหารดูแลด้วย ช่วยกันหนี” นั้น บิ๊กเจี๊ยบระบุชัดว่าไม่จริง !!

               “บางคนบอกว่า คสช.เกี้ยเซี้ยให้หลบหนี ถามว่าจะเกิดประโยชน์อะไร เพราะทุกวันนี้ก็ถูกด่า ซึ่งนายกฯ ได้โทรศัพท์มาเร่งรัดผมทุกวัน เวลาเขาออกนอกประเทศไปแล้ว จะไปเปิดตัวเคลื่อนไหวต่างๆ อาจจะโจมตี พูดให้ร้าย คสช.ก็ได้ซึ่งเป็นเรื่องปกติ”

               ดังนั้น พอมาถึงวันนี้ หากว่ามีความเคลื่อนไหวอะไรออกมา บิ๊กเจี๊ยบก็ต้องเร่งรายงานสื่อและประชาชนอยู่แล้ว ทำไมต้องไปงุบงิบ บอกบิ๊กตู่กันสองคนด้วยเล่า !!!!

               อย่างไรก็ดี สิ่งหนึ่งที่สัมผัสได้เวลานี้ คือ บทบาทของ ผบ.ทบ.คนนี้ไม่ธรรมดา เพราะนับแต่มานั่งเก้าอื้ ผบ.ทบ.เมื่อปีก่อน งานทุกเรื่องต้องเทมาบนโต๊ะของเขาจนล้น ตั้งแต่ก่อนจะมามีเรื่อง “ปูหาย เรือเหี่ยว” ด้วยซ้ำ

               ทั้งเรื่องธรรมกายช่วงต้นปี ที่บิ๊กเจี๊ยบมีส่วนทำให้การใช้กำลังของตำรวจละมุนละม่อม ค่อยเป็นค่อยไปมากขึ้น จนบิ๊กเจี๊ยบถูกยกยอว่า จากนักรบสายบู๊ เปลี่ยนมาเป็นสายบุ๋นแล้ว

               แต่ความไม่ธรรมดาของบิ๊กเจี๊ยบ ที่จริงมีมากกว่านี้ โดยเฉพาะที่ว่ากันมาตลอดตั้งแต่กระแสการแต่งตั้ง ผบ.ทบ.คนใหม่ก่อนนี้แล้วว่า “บิ๊กเจี๊ยบ” คนนี้จะนั่งเป็น ผบ.ทบ.ค้ำบัลลังก์ “บิ๊กตู่” ไปได้ตลอด เพราะบิ๊กเจี๊ยบเป็นคนที่ได้รับการยอมรับจากทหารทุกหน่วยในกองทัพ

               คือแม้จะไม่ได้มาจาก “บูรพาพยัคฆ์” แต่นั่นแหละคือ จุดที่บิ๊กตู่มองขาด ! ว่าด้วยความเป็นทหารรบพิเศษ หรือเบเร่ต์แดง (หมวกแดง) ของ “บิ๊กเจี๊ยบ” ที่มาจากเส้นทางเดียวกับ พล.อ.วิมล วงศ์วานิช, พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์, พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ก็ล้วนแล้วแต่สายตรงคนสี่เสาฯ ทั้งนั้น

               หากจำกันได้ ช่วงต้นปี อยู่ๆ มีนักข่าวไปถามเรื่องการปฏิวัติอีกรอบ จากกระแสข่าวที่สื่อนอกฟันธงมา "บิ๊กเจี๊ยบ" ก็ยืนยันฟังชัดว่า “ในช่วงที่รับตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก ผมยืนยันว่าไม่มี"

               ดังนั้น ดูทรงแล้ว อย่างน้อยกว่า “บิ๊กเจี๊ยบ” จะเกษียณอายุราชการในปี 2561 ก็คงพอดีกับที่ “โรดแม็พ” ของ บิ๊กตู่ ขยับมาอีกขั้น

               ระหว่างนั้นก็จะคอยช่วยกองทัพทำงานได้ราบรื่น ไม่มีแอ็กซิเดนท์ให้เสียของ ก่อนถึงช่วงการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านสำคัญของการเมืองไทยนั่นเอง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ