Lifestyle

วาจาคนสุพรรณ “วราวุธ” ลูกป๋าเติ้ง เลือกตั้ง..เมื่อไหร่ก็ได้

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ลูกท็อปไม่เคยที่จะผลีผลามออกอาการแรงๆ ว่าอยากนั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาเหลือเกินแล้ว จะมีเลือกตั้งเมื่อไหร่ "ก็เมื่อนั้น" ตอนนี้ขอไปเอาดีทางกีฬาดีกว่า

               วันที่ครม.สัญจรของนายกฯ ตู่ และคณะไปถึงแดนมังกร สุพรรณบุรี แล้วไปแวะกราบสักการะหลวงพ่อโตวัดป่าเลไลยก์ ซึ่งเจอพระท่านทักทายมาว่า ให้แบมือให้ว่าง ต้องรู้จักปล่อยวาง จึงจะมีชัยชนะทุกข์ทั้งปวง ปรากฏว่า พอนายกฯ รับทราบ สาธุ! เท่านั้น เรื่องดีๆ ก็เข้ามาหาถึงที่!!

               เมื่อนายกฯ ลุงตู่ เดินทางไปถึงโรงเรียนเกษตรกรชาวนาจังหวัดสุพรรณบุรี บริเวณสถาบันวิทยาศาสตร์ข้าวแห่งชาติ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ได้เจอบรรดาคนใหญ่แห่งพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) หรือจะเรียกว่าเป็นเจ้าบ้านแดนสุพรรณ ออกมาต้อนรับคณะของนายกฯ กันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง

               โดยเฉพาะทายาทมังกรเติ้ง “บรรหาร ศิลปอาชา” ซึ่งก็คือ “ท็อป” วราวุธ ศิลปอาชา แกนนำพรรค ที่หลายคนจับตาว่า วันนี้จะโชว์ฟอร์มสดอะไรบ้าง ว่าแล้ว “วราวุธ” นำทีมพรรคชาติไทยพัฒนา เสนอแนวทางเกษตรให้นายกฯ ประยุทธ์ฟัง เพราะคนสุพรรณทั้งเมืองอยากได้ราคาข้าว 15,300 บาท เพราะคุณภาพชีวิตชาวนาที่ดีขึ้นคือความมุ่งหวังของทุกคน

               หลังจากนั้นนายกฯ ร่ายยาว แต่ขอคัดมาสั้นๆ ว่า “ฝากกับพี่ประภัตร ฝากกับท็อป ฝากกับปริศนานันทกุล ผมขอฝากความหวังไว้ที่ทุกคน เราจะต้องไม่ขัดแย้งกันอีก เราต้องเดินหน้าให้ได้”

               ฉับพลัน เก๋าเกมอย่าง ประภัตร โพธสุธน แกนนำพรรคชาติไทยได้ทีตอบกลับไปบ้างว่า

               “ถ้าประเทศยังไม่ปรองดองก็ไม่ต้องเลือกตั้ง พวกเรารอได้ แต่มีข้อแม้ว่า นายกฯ ต้องลงพื้นที่บ่อยๆ” ถึงตรงนี้ก็เรียกเสียงฮาจากแกนนำพรรคชาติไทยพัฒนาพร้อมรอยยิ้มชื่นมื่นฉาบอยู่บนหน้ากันพรึ่บ!! แต่ในใจคิดอะไรก็ไม่รู้สินะ

               โดยเฉพาะกับ “ลูกท็อป” ในฐานะคนที่หลายฝ่ายฟันธงว่าจะเป็นหัวหน้าพรรคคนต่อไป แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่ตกลงปลงใจสักที

               จนหลายคนแอบคิดว่าเห็นเงียบๆ แบบนี้ ฤาลูกท็อปจะหน่ายการเมืองเสียแล้ว!

               หากจำกันได้ย้อนไปหลังช่วงที่ “เติ้งเสี่ยวหาร” ลาจากไป ข่าวการเฟ้นหาหัวหน้าพรรคคนใหม่มาแทนฟุ้งกระจายไปทั่วว่ายังไงก็หนีไม่พ้นบุตรชายคนสุดท้องของเขาคนนี้ที่ชื่อ “ท็อป” ถึงขนาด ผู้ใหญ่ทางพรรคก็ออกมารับตรงๆ ว่ากำลังดันกันอยู่ ด้วยเห็นว่าเป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่และมีประสบการณ์การเมืองอยู่พอสมควร เคยเป็นถึงอดีตรัฐมนตรีช่วยคมนาคม

               แต่ตอนนั้นเจ้าตัวก็ไม่หืออือมากนัก ยังตอบเลี่ยงๆ ไปเรื่อยๆ ยิ่งพอจู่ๆ ช่วงกลางปีที่ผ่านมาก็มีกระแสข่าวถาโถมเข้ามาว่าคนใหญ่จากฝั่งพรรคเพื่อไทย กำลังจะเทกโอเวอร์พรรคชาติไทยพัฒนาไปไว้ในกำมือ

               หลายคนก็ฟันธงว่าคาดไม่ผิด สิ้นหลงจู๊แล้ว ยังต้องมาสิ้นพรรคไปด้วยครานี้ ที่สุด “ลูกท็อป” ทนไม่ไหวต้องออกโรงแจงเองว่า พรรคนี้ไม่ได้มีไว้ขาย!!

               แต่เรื่องนี้แม้ว่าจะจบเรื่อง “ขายไม่ขาย” ไปแล้ว แต่ก็ไม่ได้ทำให้ประเด็นเรื่อง “หัวหน้าพรรค” จบลง ว่าแล้วเสี่ยท็อปแจงอีกทีว่าแม้พรรคจะยังไม่ได้หัวหน้าพรรค แต่ทุกคนรักใคร่กลมเกลียวกันดี แถมยังมีขุนพลที่แข็งแกร่งอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ประภัตร โพธสุธน, จองชัย เที่ยงธรรม, นิกร จำนง และสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล

               อีกอย่าง พรรคชาติไทยพัฒนาไม่ใช่มรดกของพ่อ แต่เป็นมรดกของผู้บริหารพรรคและพวกเราทุกคน คนจะนำพรรคไม่จำเป็นต้องนามสกุลศิลปอาชา!! อื้อหือ! กล่าวมาถึงตรงนี้หลายคนครางฮือ….เกือบจะลุกขึ้นปรบมือให้อยู่แล้ว!

               มาตอนหลังลูกชายหลงจู๊ก็มาลงท้ายในท่วงทำนองว่า แต่ถ้าจะให้ตนเป็นหัวหน้าพรรค ก็ต้องมั่นใจก่อนว่าจะสามารถนำพาพรรคไปได้อย่างเข้มแข็ง

               แข็งขนาดไหน? ไม่รู้! เทียบพ่อได้หรือไม่? ไม่แน่! แต่ที่แน่ๆ คนละสไตล์กับพ่อชัดเจน!!! ไอ้ที่จะมานั่งชี้นิ้วสั่งๆๆ “ล้วงลูก” ทุกเรื่อง เห็นจะไม่ได้แล้ว

               พูดง่ายๆ ว่า พรรคชาติไทยพัฒนาในยุคของคนชื่อ ท็อป วราวุธ นั้น จะต้องเป็นยุคของ “นิวบลัด” ชัดเจน คือบริหารแบบทีมเวิร์ก!!

               ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำนองนี้หรือไม่ ที่ทำให้ลูกท็อปไม่เคยที่จะผลีผลามออกอาการแรงๆ ว่าอยากนั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคเหลือเกินแล้ว แต่เลือกที่จะรอให้ถึงเวลาสุกงอม จนได้ที่มากกว่า

               ดังนั้นระหว่างที่พักงานการเมืองเลยไปสร้างสมความรักความสามัคคีให้แก่ผู้คนด้วยการกีฬา โดยด้านหนึ่งเขายังเป็นประธานสโมสรฟุตบอลสุพรรณบุรี เอฟซี สโมสรที่อยู่คู่ชาวสุพรรณมากว่า 20 ปี โดยลูกท็อปเข้ามาดูตั้งแต่ปี 2557

               ตอนนั้นรู้กันหรือไม่ว่า “ท็อป วราวุธ” เข้ามาแบบไม่รู้อะไรเลย แต่ด้วยหัวใจนักสู้ วันนี้วราวุธเป็น “บิ๊กท็อป” ของ “ช้างศึกยุทธหัตถี” ที่พาทีมลุยฟาดแข้งในสังเวียนฟุตบอลไทย ชนิดเติบโตขึ้นเรื่อยๆ แม้ยังไม่ถึงขึ้นคว้าแชมป์ แต่ความแข็งแกร่งของทีมก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

               แน่นอนว่าแม้จะแตกต่างจากงานการเมืองที่ได้ติดตามพ่อบรรหารไปทุกที่ นับแต่ยังตัวน้อยๆ แต่สโมสรกีฬาก็ต้องใช้แรงใจ แรงทุนในการทำทีมทำศึก! ไม่ต่างจากการทำพรรคการเมือง!

               อย่างช่วงต้นปีเพิ่งฉลองครบสองทศวรรษ เจ้าตัวลั่นว่า “เรามีความกระหายที่จะทำผลงานให้ดีกว่าเดิม และเราหวังว่าการทำงานหนักของทุกๆ คนในสโมสรจะทำให้แฟนบอลทั้งจังหวัดมีความสุข”

               ดูทรงแล้ว ออร่าบารมีสาดแสงจ้าพอๆ กับตอนที่ “หลงจู๊” เคยนั่งสั่งงานในพรรค ไม่มีผิด!!

               ดังนั้นแฟนการเมืองให้สบายใจได้เลยลูกท็อปไม่ทิ้งไปไหนแน่ๆ รอดูก็แล้วกัน

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ