Lifestyle

เขื่อนขอม 4.0 ฝันใหญ่ของ “บิ๊กโย่ง” เจอเพื่อน “บิ๊กตู่” ขว

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

หลายฝ่ายออกมาท้วงติง ว่าค่าไฟฟ้าที่กัมพูชาเสนอมานั้นสูงกว่า 10 บาท/หน่วย มันแพงไป "บิ๊กตู่" เลยต้องสั่งเบรก! "บิ๊กโย่ง" มือดัน ซะจนเกือบหน้าคะมำ

               เอาแล้ว งานเบรกหัวคะมำ ถ้าทำเพื่อชาติ “บิ๊กตู่” บอก “ไม่ยั่น” จัดได้ทันที ถ้าจำเป็น !!

               ก็ประเด็น การเดินหน้าเจรจาซื้อไฟฟ้าจากกัมพูชา ทั้งโรงไฟฟ้าสตึงมนัม 30 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าถ่านหินจากเกาะกง กำลัง 1,700-2,000 เมกะวัตต์

               ที่ตลอดมา “บิ๊กโย่ง” พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ เจ้ากระทรวงพลังงาน ออกตัวแรง หมายมั่นปั้นมือจะทำให้สำเร็จ

               พร้อมบอกเลยว่า งานนี้เป็นของจำเป็นมาก ที่จะนำมาใช้ประโยชน์ในโครงการพัฒนาระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่คาดว่าจะได้ข้อสรุปที่ชัดเจนออกมาภายในปลายปีนี้

               แต่แล้ว ! ตามที่รู้กันว่า ตลอดมาระหว่างทาง หลายฝ่ายออกมาท้วงติง เพราะค่าไฟฟ้าที่กัมพูชาเสนอมานั้นสูงกว่า 10 บาท/หน่วย ซึ่งถือว่าสูงเกินไป

               แม้ว่า พล.อ.อนันตพร ยืนยันว่า การซื้อไฟฟ้าจากเกาะกงเป็นเพียงความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน ยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาไม่ได้เสียหายอะไร

               พูดง่ายๆ คืออย่าเพิ่งด่วนสรุป และโวยวายไป มันยังมีขั้นตอนต่างๆ อีกมาก

               แต่ด้วยแรงกดดันจากหลายฝ่าย ปรากฏว่า ผ่านมาไม่กี่วัน 6 กันยายน ที่ผ่านมา ข่าวนายกฯ ตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา สั่งเบรกโครงการนี้ ปรากฏทุกหน้าข่าวสาร

               โดยนายกฯ สั่งให้ กระทรวงเกษตรฯ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ เจ้ากระทรวงไปศึกษาการบริหารจัดการน้ำของโครงการอีอีซีอย่างละเอียดว่า ตรงนั้นมีน้ำเพียงพอต่อความต้องการหรือไม่ และในระยะกี่ปี จะถึงขนาดต้องซื้อน้ำจากเพื่อนบ้านหรือเปล่า

               ก่อนหน้านี้ “บิ๊กฉัตร” เพื่อนรัก “บิ๊กตู่” ออกมาทักท้วงเสียงดัง พร้อมยืนยันไม่ต้องพึ่งน้ำจากเพื่อนบ้าน

               ล่าสุดนายกฯ ยังออกมาพูดก่อนจะเดินทางไปประชุมร่วมคณะรัฐมนตรีไทย-กัมพูชา วันที่ 7 กันยายน ที่จะถึงว่า เรื่องนี้กัมพูชามีน้ำใจมา ก็ไห้ไทยมาลงทุนได้ แต่การลงทุนก็ต้องมีค่าใช้จ่ายมากขึ้น ดังนั้นทั้งหมดจึงอยู่ที่เราจะรับได้หรือไม่

               “ถ้ารับไม่ได้ก็ให้ศึกษาก่อน ไม่ใช่จะเออออห่อหมกทุกเรื่อง”

               ถึงตรงนี้ หากใครถามว่า เจ้ากระทรวงพลังงานจะว่าอย่างไรบ้าง แน่นอนต้องว่าตามนายกฯ สิครับถามได้ !

               เพราะหากว่ากันตามจริงแล้ว การมานั่งตรงนี้ได้ เพราะ "บิ๊กตู่” เชื่อถือและไว้วางใจเป็นอันมาก มีไรก็ต้องตาม ต้องดันกันอยู่แล้ว !!

               ย้อนไปดูโพรไฟล์ พล.อ.อนันตพร หรือ “บิ๊กโย่ง” เกิดเมื่อ 15 สิงหาคม 2498 สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเบญจมราชูทิศ นครศรีธรรมราช รุ่นที่ 73 (รุ่นเดียวกับ วิทยา แก้วภราดัย)

               จากนั้น ไปจบโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 15 โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 26 (รุ่นเดียวกับ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา พล.ต.อ. สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง)

               และยังสำเร็จ รัฐศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการบริหารรัฐกิจและกิจการสาธารณะ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รุ่นที่ 13 ขณะที่ยังไปลงหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 51 (รุ่นเดียวกับ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร และ พล.ร.อ.ไกรสร จันทร์สุวานิชย์)

               ชีวิตครอบครัว ภรรยาคือ ธิดารัตน์ กาญจนรัตน์ มีบุตรชาย 2 คน คือ เนตินาถ ทำงานอยู่ที่การบินไทย และ ภทร กาญจนรัตน์ ทำงานที่กรมบังคับคดี

               บิ๊กโย่ง เริ่มชีวิตราชการในเหล่าทหารปืนใหญ่ ที่กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 103 นครราชสีมา ตั้งแต่ระดับ ผบ.ร้อย. ก่อนจะย้ายเข้าสู่สายงานตรวจสอบบัญชี ในสำนักงานปลัดบัญชีทหารบก ตั้งแต่เป็นหัวหน้าฝ่าย จนเป็นปลัดบัญชีทหารบก ในยศ พลโท ช่วงปี 2556

               ภายหลังรัฐประหารปี 2557 เขาได้รับความไว้วางใจจากบิ๊กตู่ ควบเก้าอี้ทีเดียว 5 ตัวคือ เป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี, สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.), ประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ(คตร.), ประธานอนุกรรมการพิจารณาและกลั่นกรองแผนงานการแก้ไขปัญหาของรัฐวิสาหกิจ และผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ กองทัพบก

               บทบาทของบิ๊กโย่งในครั้งนั้น ต้องบอกว่า มาเพื่อทำเรื่องตัวเลขโดยเฉพาะ เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า ต้องช่วยสางปัญหาสารพัด ให้แก่นายกฯ ทำอย่างไรไม่ให้งานเทคนิคด้านเศรษฐกิจต้องเป็นคำถามที่นายกรัฐมนตรีต้องหาคำตอบ

               ขณะที่อีกบทบาทที่สื่อเรียกขานควบคู่กันมา คือ “มือปราบคนโกง แห่ง คสช.” โดยนอกเหนือจากเคยเป็นกรรมการและประธานกรรมการตรวจสอบบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เรื่องสินบนโรลส์-รอยซ์ ช่วงปี 2557 แล้วเขายังเข้ามาสะสางปัญหาการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา ในฐานะประธานคตร.

               กระทั่งมาได้เก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เมื่อ 19 สิงหาคม 2558 ที่ผ่านมา จนถึงตอนนี้ทำอะไรมาก็เยอะ เช่น การเปิดเสรีธุรกิจพลังงาน, การเล็งเปิดเสรีโซลาร์ รูฟท็อป ให้คนไทยติดแผงโซลาร์เซลล์ไว้ใช้เองได้บนหลังคาบ้าน ฯลฯ

               ยังมีเรื่องแรงๆ ที่เจ้าตัวในฐานะเจ้ากระทรวงพลังงาน ก็ต้องเผชิญหน้ากับคำถาม และแรงกดดันหลายอย่าง ซึ่งต้องแกร่งพอตัวถึงจะรับมือไหว

               อย่างโรงไฟฟ้ากระบี่ ที่มีการประท้วงกันหนัก แต่เจ้าตัวมองว่า เทคโนโลยีโรงไฟฟ้าถ่านหินที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ และส่งผลกระทบสิ่งแวดล้อมน้อยมาก เป็นเทคโนโลยีที่มีการพิสูจน์ในระดับสากล

               มาจนถึงการรับซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้านเป็นหลักในครั้งนี้ อย่างโครงการสตึงมนัม เจ้าตัวก็บอกว่าจะทำให้ได้ทั้งไฟฟ้าและผันน้ำส่วนเกินเข้ามาในไทยด้วย

               แม้ว่าแผนครั้งนี้จะถูกเบรกไป แต่คำนี้ไม่ได้แปลว่า “ล้มเลิก” มันคือการชะลอไว้ก่อนเท่านั้น

               เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ที่ต้องใช้เวลาในการดำเนินการหลายสิบปี จะชะลอไว้ก่อน ก็คงไม่สายที่จะว่ากันใหม่

               ที่แน่ๆ เชื่อได้เลยว่า ถ้า “บิ๊กตู่” ไม่เชื่อมือ ก็คงไม่ให้ “บิ๊กโย่ง” นั่งคุมกระทรวงนี้ เพราะที่นี่เป็นกระทรวงกึ่ง “ความมั่นคง” และ “ความมั่งคั่ง”

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ