Lifestyle

ลิขิตชีวิตคน “ภูมิ สาระผล” ค่ำวันนั้น..จะนอนไหน?

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

ตำแหน่งเสนาบดีเป็นทัั้งโชคและเคราะห์ เมื่อ ภูมิ สาระผล ต้องมารับผลจากโครงการจำนำข้าว จนต้องปิดบ้าน ปิดสำนักงานเพื่อทำใจรับคำพิพากษา!!

               ใครกัน! มาปล่อยข่าวว่า บ้านที่ขอนแก่นของรัฐมนตรีหนึ่งในจำเลยจีทูจี “ภูมิ สาระผล” ปิดเงียบ ไร้เงาเจ้าของบ้าน!!

               แถมมาพูดเอาตอนวันพิพากษาคดีนี้ใกล้เข้ามา ยิ่งน่าคิดว่าทำไปเพื่ออะไร เพราะบางทีคนเราเวลาเครียดๆ ก็ปิดบ้านไปพักผ่อนหย่อนใจกันบ้าง คงไม่เสียหาย

               ไม่เจอเองไม่รู้ว่า การตกเป็นจำเลยคดีใหญ่ๆ อย่างทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ที่กำลังจะโดนศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดอ่านคำพิพากษา ร่วมกันกับ บุญทรง เตริยาภิรมย์ รมว.พาณิชย์ และพวกรวม 26 คน ในวันที่ 25 สิงหาคมที่จะถึงนี้ ก็อาจทำให้กินข้าวไม่ลงได้เหมือนกัน

               ก็ตาม หากย้อนไปดูความเคลื่อนไหวล่าสุด ช่วงวันที่ 18 สิงหาคม ที่ผ่านมา เจ้าตัวกับอดีตรัฐมนตรีคู่ใจ “บุญทรง” ก็เพิ่งโผล่ไปที่ศาลปกครอง เพื่อไต่สวนขอทุเลาอายัดทรัพย์ครั้งที่ 3 อยู่หยกๆ!!

               โดยอดีตผู้แทนของคนขอนแก่นยังเพิ่งบอกว่าตนจะไปฟังคำพิพากษาตามวันดังกล่าวอย่างแน่นอน และจะหอบหิ้วเอากระเป๋าเสื้อผ้าไปด้วย!

               งานนี้เข้าใจว่าจะเลียนแบบคนที่รอดไปแล้วอย่าง สุชาติ เหมือนแก้ว ที่เตรียมกระเป๋ามา 2 ใบ ไม่ขออุทธรณ์ต่อ ในการตัดสินคดีสลายม็อบเหลือง เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ที่ผานมา ประมาณนั้น!

               แต่ก่อนอื่นมาทำความรู้จักคนขอนแก่นคนนี้กันก่อน!

               ภูมิ สาระผล เกิดเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2498 เป็นคนขอนแก่น บิดาคือ “คำดี” มารดาคือ “ไสว” จบการศึกษาชั้นมัธยมจากโรงเรียนขอนแก่นวิทยายน

               จากนั้นจบปริญญาตรีนิติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ตามมาด้วยปริญญาโทรัฐประศาสนศาสตร์ และประกาศนียบัตรชั้นสูง สาขารัฐประศาสนศาสตร์ จากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ “นิด้า”

               ภูมิสมรสกับอรอนงค์ (สกุลเดิม วงศ์ก่อ) อาจารย์ประจำวิทยาลัยเทคนิคขอนแก่น หรือคนบ้านเดียวกัน ทั้งยังเป็นเพื่อนร่วมโรงเรียนขอนแก่นวิทยายนอีกต่างหาก ทั้งคู่มีบุตรด้วยกัน 2 คน คือ ภณิดา และภพพล สาระผล

               ก่อนจะเป็นนักการเมือง “ภูมิ” ประกอบอาชีพเป็นทนายความ แต่ที่สุดก็ลงสมัคร ส.ส.ขอนแก่น ได้ครองเก้าอี้ ส.ส.เขต จังหวัดขอนแก่น ถึง 7 สมัย

               และถ้าจะพูดแบบไม่อวยจนเกินไป ครองเก้าอี้ยาวนานขนาดนี้ แถมยังเปลี่ยนมาหลายพรรค แต่คนก็ยังตามมารักไม่จืดจาง ก็ต้องถือว่าเป็นคนที่ได้รับความไว้วางใจโขอยู่!!

               เจาะดูเส้นทางการเมืองของเขา เริ่มจากช่วง 2/2535 เขาเป็น ส.ส.ขอนแก่น เขต 1 ในนามพรรคพลังธรรม ในสมัยของนายกฯ ชวน 1 จนภายหลังยุบสภาไปในปี 2538

               โดยระหว่างนั้น ส.ส.ภูมิคนนี้ก็ยังมีตำแหน่งต่างๆ เช่น เลขานุการรัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัย

               ต่อมาในการเลือกตั้ง ส.ส. ปี 2538 คนไทยได้ บรรหาร ศิลปอาชา เป็นนายกฯ ภูมิก็ยังคงนั่ง ส.ส.ขอนแก่น แถมยังได้นั่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ

               ภายหลังย้ายมาสังกัดพรรคความหวังใหม่ ขึ้นแท่นกรรมการบริหารพรรค และยังคงเป็น ส.ส.ขอนแก่น ในรัฐบาล ชวลิต ยงใจยุทธ

               โดยในปี 2539 เขาได้นั่งเก้าอี้ทั้งผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม เป็นกรรมาธิการการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และกรรมาธิการการสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

               ผ่านมาจนการเลือกตั้งปี 2544 เข้าย้ายไปสังกัดพรรคไทยรักไทย และได้เป็น ส.ส.ขอนแก่น เขต 5 พร้อมได้เป็นผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (สุวรรณ วลัยเสถียร)

               มาปี 2545 ได้เป็นรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จากนั้นปี 2546 เป็นรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง (โภคิน พลกุล)

               จนปีการเลือกตั้ง 6 กุมภาพันธ์ 2548 เขายังคงได้เป็น ส.ส. ขอนแก่น เขต 5 พรรคไทยรักไทย

               แต่หลังเลือกตั้งไม่นาน นายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ยุบสภาเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 2 เมษายน 2549 เขาก็ยังคงได้นั่งเก้าอี้ ส.ส. ขอนแก่น เขต 5 พรรคไทยรักไทย ดังเดิม

               และก็ตามที่รู้กันว่ายังไปไม่ถึงไหน รัฐบาลทักษิณ ก็จบไปด้วยรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 แต่เมื่อมีการเลือกตั้งใหม่ปี 2550 ภูมิ สาระผล คนนี้ ก็ยังคงได้เป็น ส.ส.ขอนแก่น เขต 1 พรรคพลังประชาชน

               ในการเลือกตั้ง 3 กรกฎาคม 2554 คนไทยได้นายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร คนขอนแก่นก็ยังคงรัก ส.ส.ภูมิ คนนี้ไม่เสื่อมคลาย แถมต่อมายังได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์อีกด้วย

               นัยว่าเวลานั้น ภูมิเป็นส.ส.อาวุโสที่สุด และทำงานหนักเพื่อพรรคมาตลอด ตั้งแต่สมัยไทยรักไทย พลังประชาชน และเพื่อไทย จึงได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรี

               ตำแหน่งเสนาบดีเป็นทัั้งโชคและเคราะห์ เมื่อเขาต้องมารับผลจากโครงการจำนำข้าว เจอ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดพร้อมกับ รมว.พาณิชย์ กับพวกรวม 21 ราย เมื่อ 21 มกราคม 2558 กรณีการทุจริตต่อหน้าที่ในการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ในโครงการรับจำนำข้าว

               จากคดีความดังกล่าวได้ส่งผลให้เขาถูกสนช. ถอดถอนออกจากตำแหน่ง และถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี!!

               ก็เลยอาจเป็นเหตุให้เขาต้องปิดบ้าน ปิดสำนักงาน ซึ่งเข้าใจว่าน่าจะอยู่กับครอบครัว ช่วยกันแพ็กกระเป๋ามาเอาเคล็ดที่ศาลฎีกา ในวันชี้ะตา อย่างที่ลั่นวาจาไว้นั่นเอง

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ