Lifestyle

เชื่อว่ามีพระรอด! “พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” ฤาจะเป็นสายล้อฟ้า

เกาะติดข่าวสาร >> คมชัดลึก ออนไลน์
logoline

คดีสลายม็อบพันธมิตรฯ ปี 2551 ซึ่งบิ๊กป๊อดรอดมาได้ดังกล่าว หากคิดตามกระแสว่าเป็นเพราะพลังงานบางอย่างจากพี่ชายสุดที่รัก  ก็ใช่ว่าจะคิดไม่ได้!!

                เมื่อคำตัดสินของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ยกฟ้องคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ปี 2551 ได้สร้างความไม่พอใจให้แก่กลุ่มพันธมิตรฯ หรือกลุ่มคนเสื้อเหลือง โดยพูดกันว่างานนี้  เกิดแรงกระเพื่อมระดับหนึ่ง 

                ในเรื่องนี้ ทางฝ่าย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อนักข่าวถามมา ก็ตอบได้เลยว่า “ไม่เกี่ยว!”

                ไม่เกี่ยวแรก คือ ถ้าจะชุมนุม ก็ต้องว่าไปตามกฎหมาย ที่จะต้องดำเนินการตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 

                ไม่เกี่ยวสอง คือ เมื่อถามว่ากลุ่มพันธมิตรฯ เองก็ใช่อื่นไกล เป็นถึงแนวร่วมสนับสนุน คสช.ด้วยซ้ำ แต่ถ้าผลการตัดสินของศาลครั้งนี้้ พวกเขาคงไม่พึงใจนัก ก็จะทำไงได้ ก็ต้องว่าไปตามศาล !

                ไม่เกี่ยวสาม คือ ถามว่าหนึ่งในจำเลยของคดีนี้ คือ “บิ๊กป๊อด” พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ยังเกอร์บราเดอร์ของบิ๊กป้อม ซึ่งหลายคนฟันธงว่าจุดนี้เองที่ส่งผลต่อคำตัดสิน บิ๊กป้อมก็บอกทันทีว่า “ไม่เกี่ยว เพราะในคดีมีคนเป็นอดีตนายกฯ 2 คน แต่ พล.ต.อ.พัชรวาท เป็นอดีต ผบ.ตร. เท่านั้น”

                ก็เป็นอันว่า คำตอบของบิ๊กป้อมชัดเจนดี ไม่ต้องทวนซ้ำ! ส่วนว่าจะทำความเคืองข้องหมองใจให้แก่ฝ่ายพันธมิตร จนต้องออกมาฮึ่มกลางถนนอีกหรือไม่ ต้องรอดูกันต่อไป

                แต่ที่แน่ๆ หากย้อนไปดูถึงคดีสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ ปี 2551 ซึ่งบิ๊กป๊อดเป็นจำเลยที่ 3 แต่ก็รอดคดีมาได้ดังกล่าว หากคิดตามกระแสว่าเป็นเพราะพลังงานบางอย่างจากพี่ชายสุดที่รัก  ก็ใช่ว่าจะคิดไม่ได้

                เพราะหากดูจากโปรไฟล์เส้นทางชีวิตและการทำงาน จะพบว่าบ่อยครั้งที่มีประเด็นชวนให้คล้อยตามว่าเป็นเช่นนั้น 

                พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เกิดเมื่อ 22 มีนาคม 2492 เป็นชาวบางกะปิ กรุงเทพฯ บิดาคือ พล.ต.ประเสริฐ วงษ์สุวรรณ มารดา คือ สายสุนี วงษ์สุวรรณ มีพี่น้อง 4 คน คือ พล.อ.ประวิตร, พล.ร.อ.ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ

                นอกจากนี้ยังมีน้องชายแฝดอีกคู่หนึ่ง คือ พันธุ์พงษ์ เป็นข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมือง ตำแหน่งที่ปรึกษารองประธาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และ พงษ์พันธุ์ วงษ์สุวรรณ หรือ ‘โค้ชก๊อก’ อดีตกุนซือผู้สร้างนักเตะโด่งดังประดับวงการลูกหนังไทย เสียชีวิตไปเมื่อ 2555

                บิ๊กป๊อดสมรสกับ “สมถวิล” มีบุตรสาว 2 คนคือ พ.ต.ท.ภญ.พัชรา และ ร.ต.อ.หญิง นวพร วงษ์สุวรรณ ผู้ช่วย นว.(สบ1) ผบช.สตม. ที่เพิ่งขึ้นเป็น นว.(สบ2) ผบช.ภ.5 เมื่อเร็วๆ นี้

                “บิ๊กป๊อด” จบมัธยมที่โรงเรียนเซนต์คาเบรียล แล้วไปต่อโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่น 9 จากนั้นไปจบ รัฐประศาสนศาสตรบัณฑิต โรงเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.25) และจบศิลปศาสตรมหาบัณฑิต พัฒนาสังคม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

                ย้อนไปดูเส้นทางราชการ เริ่มจาก เป็น รอง สว. กองบังคับการการสนับสนุนทางอากาศ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน จากนั้น เป็นรอง สว. กองทะเบียน แล้วย้ายมาดูงานกำลังพลที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(บช.ก.) สว. ธุรการ กองกำกับการกำลังพล กองบังคับการอำนวยการ กองบัญชาการสอบสวนกลาง

                ที่สุด หลังจากขึ้นเป็น ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล, ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติแล้ว ปลายทางสีกากีขั้นสูงสุดของเขา จึงดำเนินมาอยู่ที่ “ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ” โดยดำรงตำแหน่งต่อจาก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ในปี 2551

                หากแต่เพียงไม่ถึง 1 ปี บิ๊กป๊อดต้องลงจากเก้าอี้ในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2551 เพราะบ้านเมืองมีเหตุชุมนุม บิ๊กป๊อดได้รับแต่งตั้งเป็นรองผู้อำนวยการกองอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ในรัฐบาล สมัคร สุนทรเวช จนเป็นเหตุให้มีการสูญเสียเกิดขึ้น และเป็นคดีจนเจ้าตัวต้องออกจากราชการ

                แต่ไม่นาน เขาก็ได้รับคำสั่งจาก ชวรัตน์ ชาญวีรกูล รักษาการนายกรัฐมนตรีขณะนั้น ให้กลับคืนสู่ตำแหน่งเดิม เวลานั้นสื่อต่างฮือฮากันยกใหญ่ ค่าที่จัดว่า เป็นระดับผู้บัญชาการคนแรกแห่งรั้วปทุมวันที่ถูกสั่งย้ายแล้วสามารถกลับคืนสู่ตำแหน่งได้

                และยังเป็น ผบ.ตร. ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของนายกฯ ถึง 3 ราย นับจาก สมัคร สุนทรเวช, สมชาย วงศ์สวัสดิ์ และ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ท่ามกลางวิกฤติการณ์การเมืองไทย ปี 2548–2553

                งานนี้ถามว่าเพราะอะไร เรื่องนี้อาจต้องไปพูดกันหลังไมค์ แต่ที่แน่ๆ เรียกได้ว่า กับทั้ง 3 นายกฯ บิ๊กป๊อดนั้นได้ทำงานใหญ่เสมอ

                อย่างช่วงรัฐบาลอภิสิทธิ์ เดือนเมษายน 2552 เขาก็ยังเป็นส่วนหนึ่งของกองอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (กอฉ.)

                แต่ปรากฏว่า ภายหลัง เขากลับต้องมาเจอ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดนักการเมือง และนายตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุม โดยบิ๊กป๊อด เป็น ผบ.ตร. ดูแลการชุมนุม ถูกซัดทอดจากพยานว่า เป็นผู้สั่งการสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157

                นายกฯ อภิสิทธิ์ จึงให้ย้ายไปปฏิบัติราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี เท่านั้นยังไม่พอ นายกฯ คนหล่อ ยังตามซ้ำ ด้วยการเซ็นให้บิ๊กป๊อดออกจากราชการ อันเป็นไปตามระเบียบที่ มติ ป.ป.ช.ที่ชี้มูลความผิดวินัยร้ายแรง

                อย่างไรก็ดี หลังจากนั้น บิ๊กป๊อดก็เดินหน้าสู้คดีเรื่อยมา จนเกิดรัฐประหารอีกรอบช่วงปี 2557 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ก็ได้คืนตำแหน่ง ผบ.ตร. ให้แก่บิ๊กป๊อด

                โดยยกโทษปลดออกจากราชการให้ บวกควบตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ อีกต่างหาก !!

                เป็นอันว่า “บิ๊กป๊อด” คนนี้ ได้สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ที่เร้าใจ เพราะเขาเป็น ผบ.ตร. คนแรกที่ได้คืนตำแหน่งเดิมถึงสองครั้งสองครา

                และเป็นคนแรกที่ทำให้ผู้นำสูงสุดของฝ่ายบริหาร (เวลานั้นก็คือ พล.อ.ประยุทธ์) มีคำสั่งยกโทษปลดออกจากราชการ มีผลทำให้ มติ ก.ต.ร.ใหญ่กว่า มติ ป.ป.ช.

                อย่างไรก็ดี แม้จะมีเสียงวิจารณ์เรื่อง “น้องพี่ป้อม” ก็ต้องเคารพในคำตัดสินของศาล นั่นเอง!

logoline

ข่าวที่น่าสนใจ